ขายก๋วยเตี๋ยว
ลงทุน 800 ขายก๋วยเตี๋ยว 2 บาท กลยุทธ์กู้หน้าร้านให้คึกคัก ยอดขาย 2 พันถ้วย/วัน ผู้ประกอบการไทย ปรับตัวเก่งไม่แพ้ใคร คำนี้ยังใช้ได้เสมอ เมื่อขายกาแฟโบราณแล้วอยากเพิ่มเมนูใหม่ จึงขายก๋วยเตี๋ยวต้มยำโบราณเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง แต่นานๆ เข้า ลูกค้าเริ่มเงียบเหงา จากขายถ้วยใหญ่ ได้ปรับตัวมาขายถ้วยเล็ก คำละ 2 บาท ตั้งต้นจากถ้วย 100 ใบ สู่ยอดขาย 2,000 ถ้วยต่อวัน เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำคำละ 2 บาท ชื่อว่า นันท์มนัส จิรสินตระกูล หรือ เฮียเจ อายุ 48 ปี เคยทำสวนไผ่ ในอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน แล้วเปลี่ยนมาขายกาแฟโบราณก่อนเกิดโควิด ทำได้สักพักเริ่มนำก๋วยเตี๋ยวต้มยำโบราณมาขายเพิ่ม เพราะมีสูตรเด็ดจากป้า ซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิชาคหกรรมให้ไว้เมื่อ 30 ปีก่อน และเคยทำขายก่อนหน้านี้ด้วย เป็นเหตุผลให้กลับมาขายก๋วยเตี๋ยวต้มยำโบราณอีกครั้ง ขายราคาไม่แพง ธรรมดา 25 บาท พิเศษ 30 บาท “จุดเด่นก๋วยเตี๋ยวต้มยำร้านเรา คือ วัตถุดิบหลายอย่างทำเอง เช่น คั่วพริก คั่วถั่ว กากหมูเจียวเอง น้ำซุปต้มข้ามคืน ให้กลมกล่อม” เฮียเจ อธิบาย แรกๆ มีลูกค้าประจำอุดหนุนไม่ขาด แต่มาเริ่มแย่ช่วงโควิดรอบ 3 รอบ 4 โดนผลกระทบหนัก บรรยากาศร
ท้อไม่ได้ ลูกเมียรออยู่! เผยชีวิต “กัปตัน” ตกงานไม่ทันตั้งตัว สู้ชีวิตขายก๋วยเตี๋ยว หลังสายการบินประกาศหยุดงานชั่วคราว จากสภาวะวิกฤต เป็นเหตุให้ กัปตันนาวาตรี ราชิต สันป่าแก้ว หรือ คุณยุทธ วัย 40 ปี ชายหนุ่มที่ยึดอาชีพกัปตันมานาน 15 ปี ตกงานแบบไม่ทันตั้งตัว เงินเดือน 3 แสนที่เคยได้ กลับไม่ได้ ชีวิตเคว้งอยู่พักใหญ่ หมดสิ้นหนทาง แต่เพราะใจสู้ ไม่คิดท้อ ทำให้เขาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ทิ้งเครื่องแบบนักบิน มาสวมผ้ากันเปื้อนเป็นพ่อค้าก๋วยเตี๋ยว เส้นทางนักบินของคุณยุทธ เริ่มต้นด้วยการเป็นนักบินทหารเรือ ทำงานให้กองทัพประมาณ 9 ปี และลาออกมาเป็นนักบินแอร์ไลน์ 6 ปี จนเมื่อประมาณ 5 เดือนก่อน สายการบินที่ทำงานอยู่ประกาศหยุดงานชั่วคราว “ความรู้สึกเหมือนตกงาน เพราะไม่ได้บิน แต่คิดว่านี่คือโอกาสให้เราได้หาสิ่งใหม่ๆ ทำ ผมมีครอบครัวต้องดูแลก็ไม่อยากนั่งเฉยๆ ระหว่างรอเวลาสายการบินฟื้นตัว เลยใช้เวลาให้เกิดประโยชน์” ก่อนบอกอีกว่า ไม่เคยคิดว่าจะต้องหยุดอาชีพกัปตันเร็วขนาดนี้ “ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องออกจากงาน เพราะอาชีพนี้ค่อนข้างมั่นคง อีกอย่างกัปตันยังขาดตลาด ปกติถ้าถูกเลิกจ้างจะมีสายการบินอื่นๆ
จากกระแสละครดังบุพเพสันนิวาส ทำให้ชุดไทยได้รับความนิยมแต่งกายกันอีกครั้ง ไม่เว้นแม้แต่คนขายก๋วยเตี๋ยวเรือ ทั้งเจ้าของ พนักงานในร้าน พร้อมใจแต่งชุดไทยขายก๋วยเตี๋ยว ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือชามกะลา Zeed ถ.เอกาทศรถ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เส้นทางไปสนามกีฬากลาง น.ส.คณิตฐา ชาญสูงเนิน อายุ 34 ปี เจ้าของร้าน พร้อมกับพนักงานในร้าน ได้พร้อมใจกันแต่งกายชุดไทยต้อนรับบริการ สร้างรอยยิ้มและประทบใจให้กับลูกค้าที่มาอุดหนุน น.ส.คณิตฐา ชาญสูงเนิน เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือชามกะลา Zeed เปิดเผยว่า ได้เปิดขายก๋วยเตี๋ยวเรือชามกะลา Zeed มา 3 ปีแล้ว ร้านเดิมอยู่ถ.ธรรมบูชา ใกล้ ๆ โรงแรมพิษณุโลกออร์คิด และได้ย้ายมาอยู่ร้านแห่งใหม่ ถ.เอกาทศรถ ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมนี้ แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ รสชาติดั้งเดิมที่เน้นรสแซ่ป ของก๋วยเตี๋ยวเรือที่ใส่ชามกะลา และชามดินเผา ส่วนที่มาที่ไปของการแต่งชุดไทยขายก๋วยเตี๋ยวนั้น น.ส.คณิตฐา เปิดเผยว่า ช่วงนี้กระแสฟีเวอร์ละครดังมาก ที่ร้านมีเพจ ลูกค้าขาประจำมักจะสอบถามเข้ามาที่เพจเป็นประจำ ลูกค้าที่เช็คอินที่ร้านมักจะใช้ภาษาที่ใช้ก็อิงกับกระแสละครดัง อาทิ รอก่อนนะออเจ้า อย่าเพิ่งปิดร้าน กำลังไปเยื
จากกระแสการดำเนินโครงการ “ก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ” ของ “ตูน” นักร้องนำวงบอดี้สแลม ได้มีผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมากต้องการร่วมบริจาคช่วยเหลือสนับสนุนโครงการกันอย่างต่อเนื่อง โดยชาวเน็ตโคราชต่างพากันกดไลก์ และแชร์กิจกรรม “กินต๋วยเพื่อตูน” ของร้าน “ซดต๋วย” ได้โพสต์เชิญชวนในเพจ กลุ่มข่าวคนโคราชบ้านเอ็ง และเพจดังของ จ.นครราชสีมา อื่นๆ นัดหมายวันที่ 3 ธันวาคม เมื่อช่วงสายวันนี้ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามข้อเท็จจริง ที่ร้าน “ ซดเตี๋ยว เรื่องเนื้อเชื่อใจเรา ” ตั้งอยู่บริเวณหน้าเรือนจำกลางนครราชสีมา ถ.สรรพสิทธิ์ เขตเทศบาลนคร นครราชสีมา พบประชาชนหลากหลายอาชีพ นั่งสั่งอาหารกันอย่างเนืองแน่น บรรยากาศในร้านตกแต่งตามผนัง ด้วยป้ายสีสันฉูดฉาด ได้แก่ “แดกเตี๋ยวร้านนี้หมดทีเป็นหมื่น”, “ก๋วยเตี๋ยวแพงที่สุดในโลก ชามละ 5,000” ,“ซดเนื้อ ชามละ 5,000-4,000” และ “ ซดเหลา หม้อไฟ เนื้อ-เป็ด 12,000 -15,000 กินได้ 3-5 ท่าน” ตัวเลขราคาสร้างความสงสัยให้กับลูกค้า ส่วนใหญ่พากันหัวเราะ เฮฮาสนุกสนาน เมื่อได้รับคำตอบจากเจ้าของร้าน ว่าหน่วยราคาคิดเป็นสตางค์ เช่น ฯลฯ ในวันนี้ได้จัดกิจกรรม “เตี๋ยวเพื่อตูน” ตั้ง
“โจ๊ก ธนากฤต” วัย 34 ปี อดีตนักกีฬาฟันดาบทีมชาติไทย สร้างชื่อให้ประเทศนับครั้งไม่ถ้วน จังหวะชีวิตเปลี่ยน! พลิกผันชีวิต กลับบ้านเกิดเมืองตรัง สร้างครอบครัว เปิดร้านขายข้าว-ก๋วยเตี๋ยว ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าแน่น ขณะที่ชีวิตครอบครัว พอกินพอใช้ เปรยในใจลึกๆอยากเป็นครู กลับไปรับใช้ชาติเช่นเก่า ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังว่า ที่ร้านกว้องจั้น สาขา 4 ถ.พิกุลทอง อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง (เขตเทศบาลตำบลย่านตาขาว) ผู้คนที่ผ่านไปมาคงรู้สึกคุ้นตากับชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งที่เปิดร้านชายข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ และก๋วยเตี๋ยว ตั้งแต่เช้าตรู่ 06.00น.-14.00น.ทุกวัน แท้จริงแล้วร้านดังกล่าวเป็นร้านของ นายวิทย์สรัช ก้องสุวรรณคีรี หรือภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น นายธนากฤต สุรโชคธรากร หรือ “โจ๊ก” อดีตนักกีฬาฟันดาบทีมชาติไทย วัย 34 ปี พลิกผันชีวิตตัวเองมาเปิดร้านดังกล่าว มานานเกือบ 5 ปี ถึงแม้จะเคยเป็นถึงนักกีฬาทีมชาติที่มีความเก่งกาจในฝีไม้ลายมือ ศิลปะแห่งการต่อสู้ฟันดาบ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่เมื่อจังหวะและโอกาสไม่เอื้ออำนวยก็จำเป็นต้องกลับบ้านเกิดเพื่อสร้างครอบครัว ทั้งนี้นายธนาก
ระยะหลังๆ มานี้ ผมไปเที่ยวเมืองน่านค่อนข้างบ่อย เพราะเป็นเมืองที่น่าไปเที่ยว อีกทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวมากเหลือเกิน มีครบทุกหมวดก็ว่าได้ น่านมีทั้งโบราณสถาน วัดวาอาราม วิถีชีวิตของผู้คนที่น่าสนใจ และที่โดดเด่นอย่างมากก็เห็นจะเป็นเรื่องของธรรมชาติ จังหวัดน่านก็ไม่ได้กว้างใหญ่มากนัก แต่มีอุทยานทางธรรมชาติถึง 4 แห่ง เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะเดินทางผ่านไปทางอำเภอเวียงสา ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดน่าน เป็นเวลาเที่ยงพอดี ผมกับผู้ร่วมเดินทางจึงต้องแวะหาอาหารเที่ยงกิน เพื่อจะได้มีแรงเที่ยวต่อได้ เวลาท่องเที่ยวไปต่างจังหวัดทุกครั้ง ถ้าเป็นอาหารเที่ยง ผมนิยมหาของกินง่ายๆ แบบจานด่วนกิน เพราะไม่เสียเวลา อีกทั้งจะไม่อิ่มเกินไป ทำให้กินอาหารมื้อเย็นได้อร่อย ปกติ ถ้าจะไปกินอาหารเที่ยงแบบง่ายๆ ประเภทข้าวมันไก่ หรือก๋วยเตี๋ยว ผมจะนั่งรถไปทั่วเมืองวนดู เห็นร้านแห่งใดมีคนเข้าไปอุดหนุนมาก ก็เชื่อได้เลยว่าต้องอร่อยแน่ เข้าไปกินมักจะไม่ผิดหวัง แต่วันนั้นพอเข้าเขตอำเภอเวียงสา เราแค่เอ่ยว่าอยากหาก๋วยเตี๋ยวอร่อยๆ กินเท่านั้น คนขับรถตู้ซึ่งคุ้นเคยกับอำเภอเวียงสาได้แนะนำให้ไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านยายพรรัตน์ ซึ่งหาไม่ย
นอกจากอาหารถูกจริตคนไทย อย่างสารพัดน้ำพริก หรือทำง่ายอย่างปาท่องโก๋ แล้วนั้น อาจารย์ขนิษฐา ชัยชาญกุล หรือ อาจารย์ตุ๊ก อาจารย์สอนทำอาหาร สร้างอาชีพที่ มติชน อคาเดมี และมีประสบการณ์การสอนอาชีพ ที่สำนักงานส่งเสริมและฝึกอบรมกำแพงแสน แนะนำว่า ถ้าหากจะหาอาชีพขายของที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน โดยที่ไม่ต้องลงทุนมากมายนักและสามารถอาศัยอุปกรณ์พื้นฐานที่มีในบ้านเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นลงทุนครั้งแรกได้ด้วย นั่นคือ การทำเมนูก๋วยเตี๋ยวขาย ซึ่งเป็นอาหารจานเด็ด ตอบโจทย์คนไทย เพราะกินง่าย ทุกเพศทุกวัยสามารถกินได้ ที่สำคัญคือเป็นการลงทุนที่ไม่มาก เพียงแค่ซื้อวัตถุดิบอย่างพวกของสด ก็สามารถทำก๋วยเตี๋ยวขายได้แล้ว และอาศัยเอาพวกหม้อต้ม ชาม ถ้วย ช้อน อุปกรณ์ในครัวเรือนที่มีในบ้านมาประยุกต์ใช้ในการขาย ก็สามารถขายก๋วยเตี๋ยวได้แล้ว จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในการไปตระเวนสอนตามที่สถาบันการศึกษาต่างๆ คือมีหลายคนไม่ค่อยเชื่อว่าการขายก๋วยเตี๋ยวจะสามารถขายได้จริงๆ สิ่งที่ดีที่สุดในการสอน คือ ทำให้เขาเห็นจริงๆ ว่าทำได้ สอนโดยใช้อุปกรณ์ครัวเรือนในบ้านมาทำให้ดู ให้เห็นเลยว่าสามารถทำขายได้จริง “สำหรับ เงินทุน หรือกา
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่ลานหน้าวัดสว่างอารมย์ ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ผู้สื่อข่าวได้พบร้านก๋วยเตี๋ยวลิเก ซึ่งเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวแบบจักรยานยนต์สามล้อพ่วงข้าง มีนายเสนาะ แสงมณี อายุ 54 ปี พ่อค้าแต่งชุดลิเก เต็มเครื่อง ขี่รถจักรยานยนต์แบบสามล้อพ่วงข้าง ขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ ตามย่านชุมชนและวัดในเขตอำเภอสามพราน นายเสนาะ บอกว่าเดิมเป็นคนชาวจังหวัดกาญจนบุรี อดีตเคยเล่นลิเกกับพ่อ “คณะแสงมณี” ซึ่งเป็นคณะลิเกของพ่อตนเอง ต่อมาพ่อได้เสียชีวิต จึงต้องรับหน้าที่หัวหน้าคณะลิเกแสงมณี พาคณะออกแสดงตามที่ต่างๆ แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ถึงขั้นเรียกว่าเศรษฐกิจติดลบ การจ้างคณะลิเกตามงานต่างๆลดน้อยลงมาก ประกอบกับตนเองเคยทำก๋วยเตี๋ยวเลี้ยงลูกคณะลิเกกินกันอยู่ประจำ และได้มาพักอาศัยอยู่ในเขตอำเภอสามพราน ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมหนาแน่น มีวัดและ แหล่งท่องเที่ยวจึงคิดว่าน่าจะทำก๋วยเตี๋ยวขายได้ นายเสนาะ ยังบอกว่าด้วยความเป็นลิเกจึงได้แต่งตัวด้วยชุดลิเกเต็มเครื่อง ขี่รถจักรยานยนต์แบบสามล้อพ่วงข้าง ตกแต่งรถให้เข้ากับบรรยากาศลิเก แม้แต่ที่ใส่เครื่องปรุงก็ยังแต่งให้เข้ากับลิเก ออกเร่ขายก๋วยเตี๋ยว พร้อ