คนแก่
สูงวัย ไม่ใช่ คนแก่ แบบที่คิด! แต่เป็นตลาดกลุ่มใหญ่ Blue Ocean มีฐานะ ทันสมัย กำลังซื้อสูง ที่แบรนด์ควรลงทุน บริษัท ซิลเวอร์แอคทีฟ จำกัด ร่วมมือกับคณาจารย์ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ และสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ชี้กลุ่มซิลเวอร์เจน (Sliver Age 50+) ในตลาดประเทศไทยโตแบบก้าวกระโดด เป็น Blue Ocean ของคนที่ตีโจทย์แตกตอบโจทย์ทัน แนะเปิดมุมมองใหม่ คนแก่ ไม่เท่ากับ คนแก่ ต้องทำการตลาดอย่างตรงจุด เพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนกลุ่มนี้ให้ได้มากที่สุด คุณวรรณา สวัสดิกูล ประธานบริษัท ซิลเวอร์แอคทีฟ จำกัด เปิดเผยว่า ในตลาดประเทศไทยกลุ่มผู้บริโภคสูงวัย ถือว่าเติบโตแบบก้าวกระโดด ประมาณการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2566 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุมากกว่า 13 ล้านคน หรือเท่ากับ 20% เมื่อเทียบกับจำนวนคนทั้งประเทศ และได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยแบบสมบูรณ์ (Aged Society) เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันไทยติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศที่สูงวัยเติบโตเร็วที่สุดในโลก นั่นย่อมหมายถึง คนกลุ่มนี้กลายเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศและเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่สำคัญที่สุด เติ
ยายอยู่ตัวคนเดียว.. หาบขนมเลี้ยงชีพ ขายไม่ค่อยได้ แต่จำต้องสู้ชีวิต ฝืนยื้มทั้งน้ำตา เป็นเรื่องราวที่ชาวเน็ตต่างพากันแชร์ออกไปจำนวนมาก หลังจากสมาชิกเฟซบุ๊ก Much Nannaphatโพสต์บอกเล่าเรื่องราวของคุณยาย คนหนึ่ง ที่แม้อายุมากแล้ว แต่ยังต้องสู้ชีวิต เพราะอยู่ตัวคนเดียว ลูกและสามีเสียชีวิตไปหมดแล้ว ทำให้ต้องดูแลตัวเอง โดยสมาชิกเฟซบุ๊กรายนี้ ระบุเรื่องราวว่า “ตอนแรกที่เห็นคือคุณยายนั่งอยู่หน้าศาลพระภูมิวินรถตู้ข้างเมเจอร์รังสิต นั่งคนเดียวอย่างในรูป กวักมือเรียกคนที่เดินผ่านไปมาแต่ก็ไม่มีใครสนใจเลยสักคน เลยเดินเข้าไปหาคุณยาย คุณยายน่าสงสารมาก ยายชื่อบอน พูดไปจะร้องไห้ไป ยายบอกลูกกับสามีตายหมดแล้ว เหลือตัวคนเดียว มาจากสุรินทร์ ใช้ชีวิตคนเดียว เพราะไม่มีคนเลี้ยงดู ไม่มีญาติ ยายขายขนมแถวฟิวเจอร์-เมเจอร์รังสิต ยายบอกขายไม่ค่อยได้หรอก แต่ก็ต้องขายต้องสู้ชีวิต เพราะไม่มีจะกิน สีหน้าตอนพูดคือยายยิ้มแต่น้ำตาปริ่ม เราคนคุยด้วยเรายังจะร้องไห้ตามเลย ใครที่ผ่านมาแถวนี้ช่วยอุดหนุนยายหน่อยนะคะ ยายน่ารักมาก ขนมที่ยายขายมีหลายอย่างเลย ห่อละ 35 บาท 3 ห่อ 100”
คลังเล็งเพิ่มเบี้ยคนชรา 1,000 บาท/เดือน น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้เสนอมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง พิจารณาแล้ว โดยรูปแบบการให้ความช่วยเหลือจะมีหลายแนวทางผสมผสานกัน ประกอบด้วย มาตรการการเพิ่มค่าเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งมีประมาณ 3.5 ล้านคน ให้ได้รับเพิ่มเท่ากันทั้งหมดคนละ 1,000 บาทต่อเดือน จากปัจจุบันที่มีการจ่ายแบบขั้นบันไดอายุ 60-69 ปี รับเงินเดือนละ 600 บาท อายุ 70-79 ปี รับ 700 บาท อายุ 80-89 ปี รับ 800 บาทและอายุ 90 ปีขึ้นไปรับ 1,000 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ จะมีมาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้านให้กับผู้สูงอายุที่ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง และต้องเช่าบ้านอยู่ ซึ่งในส่วนนี้มีพิจารณากรอบการช่วยเหลือเบื้องต้นไว้ 400 บาทต่อคนต่อเดือน รวมถึงมีมาตรการช่วยเหลือค่ารถค่าเดินทางให้กับผู้ป่วยผู้สูงอายุที่เดินทางมารักษาพยาบาล โดยเบื้องต้นอาจให้วงเงินคนละ 500-1,000 บาทต่อเดือน โดยแนวทางอาจเสนอ
คนไทยนอกจากจะยิ้มเก่งแล้ว ยังจิตใจดีไม่แพ้ชาติใดในโลก ดั่งเช่นบรรดาเจ้าของร้านอาหารใจบุญ ที่เส้นทางเศรษฐีออน ไลน์ได้รวบรวมมานำเสนอ ซึ่งบรรดาเด็ก คนแก่ คนท้อง คนพิการ มากินฟรีเลย ร้านแรก “ร้านรับทรัพย์ข้าวมันไก่” จังหวัดขอนแก่น ตั้งอยู่ใกล้ๆ โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล ริมถนนพิมพสุต เขตเทศบาลนครขอนแก่น เมนูมี ข้าวมันไก่ ไก่กรอบ ไก่แซ่บ ไก่สไปซี่ (spicy chicken) ไก่มะนาว ขายในราคาจานละ 35 – 40 บาท เจ้าของร้านชื่อคุณเพ็ญนิภา นกยูง อายุ 44 ปี คุณเพ็ญนิภา เผยกับเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ว่า ขายข้าวมันไก่มานานกว่า 10 ปีแล้ว ตั้งแต่เป็นรถเข็น กิจการดีขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งซื้อตึกพาณิชย์ 1 คูหา เพื่อเปิดร้าน จุดเด่น คือ คิดสูตรเอง มีเมนูที่หลากหลาย อาทิ ไก่แซ่บ คือ ไก่กรอบนำไปยำ ไก่สไปซี่ คือ ไก่ที่ใส่ผงปรุงรสลาบ ไก่มะนาว คือ นำไก่ต้มมายำ ปกติวันธรรมดาทางร้านจะใช้ไก่วันละ 50 ตัว หากขายไม่ค่อยดีราว 30 ตัว ใช้ข้าวประมาณ 30 – 40 กิโลกรัม หญิงสาว บอกต่อว่า เมื่อปี 2546 เศรษฐกิจไม่ค่อยดี เกิดความรู้สึกว่า อยากช่วยเหลือคนมีรายได้น้อย และผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ เลยจัดโปรโมชั่นให้คนท้องกินฟรี หากทานที่ร้านจะไม่จำกัด
วันที่ 12 ก.ย. ซินหัวรายงานว่า สองสามีภรรยาชาวจีนแบกถุงกระสอบที่เต็มไปด้วยธนบัตร 1 หยวน (5 บาท) และ 5 หยวน (26 บาท) มาซื้อคอนโดของโครงการเตี้ยวหยูไถอีฮ่าว ในเมืองนันยาง มณฑลเหอหนาน เมื่อพนักงานเปิดถุงกระสอบก็พบว่า ธนบัตรถูกเก็บไว้อย่างกระจัดกระจาย ไม่สามารถนำเข้าเครื่องนับธนบัตรได้ สุดท้ายทางโครงการจึงต้องเรียกพนักงานขายหลายคนมาจัดแยกเรียงประเภทธนบัตรใหม่ ทำให้ธนบัตรกระจายเต็มห้องโถงในสำนักงานขาย โดยมียามรักษาความปลอดภัยอยู่รอบๆ จนเป็นที่สนใจของผู้คนแถวนั้น อย่างไรก็ตามจากการนับได้เงินจำนวนทั้งหมด 30,000 หยวน (156,689 บาท) ซึ่งมากพอสำหรับการวางค่ามัดจำในการซื้อคอนโดครั้งนี้ รายงานระบุว่า สองสามีภรรยานี้ประกอบธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ เพื่อเลี้ยงชีพ อีกทั้งเก็บหอมรอมริบธนบัตร 1 หยวน และ 5 หยวนมาตลอด พอเห็นราคาคอนโดสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยอยากจะซื้อไว้สักหลังสำหรับอาศัยอยู่ในยามแก่เฒ่า พนักงานขายของโครงการเห็นว่าสองสามีภรรยานี้น่าเห็นใจ และจะนำเรื่องนี้ไปขอราคาพิเศษจากฝ่ายบริหารให้อีกที ขอบคุณที่มา China Xinhua News