ต่างด้าว
ผีน้อยฟังทางนี้! ตม.เกาหลี ไฟเขียวกลับไทย ไม่ติดแบล็กลิสต์-ไม่เสียค่าปรับ ถึง มิ.ย. 63 เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. เฟซบุ๊กเพจ สำนักงานแรงงานไทย ณ กรุงโซล Office of Thai Labour in Seoul เผยแพร่ประกาศ ประกาศมาตรการ ตม.เกาหลีใต้ มีผลตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. 2562 รายละเอียดระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2562 ถึง 30 มิถุนายน 2563 เปิดให้รายงานตัวกลับโดยสมัครใจ โดยไม่เสียค่าปรับ และไม่ห้ามเดินทางเข้าประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 จะต้องจ่ายค่าปรับ เมื่อรายงานตัวเดินทางกลับ โดย 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2563 จะเสียค่าปรับ 30% ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป จะเสียค่าปรับ 50% ผู้ที่ถูกจับ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 จ่ายค่าปรับตามระยะเวลาที่อยู่เกินวีซ่า ผู้ที่ถูกจับ และอยู่เกินวีซ่า 3 ปีขึ้นไป จะเสียค่าปรับ 20 ล้านวอน หรือคิดเป็นเงินไทยราว 500,000 บาท ผู้ที่จ่ายค่าปรับก่อนกลับประเทศ ไม่ห้ามเดินทางเข้าประเทศ (ตม. จะตรวจสอบก่อนอนุญาตให้เข้าประเทศ) ผู้ที่เดินทางกลับ และไม่จ่ายค่าปรับ ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2563 จะห้ามเข้า 1-10 ปี ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป จะห้ามเข้า 3-10 ปี ตั้งแต่
กรมการจัดหางาน ตั้งเป้า ปี 63 ส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ 100,000 คน คาดสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 140,000 ล้านบาท เมื่อวานนี้ (12 พ.ย.2562) นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า รัฐมนตรีมีนโยบายการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ โดยส่งเสริมให้แรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศอย่างมีศักดิ์ศรีและมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยในปี 2563 นี้ ตั้งเป้าหมายจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ 100,000 คน ในประเทศที่มีศักยภาพ มีโอกาสได้รับการพัฒนาทักษะฝีมือ เพื่อนำกลับมาใช้ในประเทศโดยเฉพาะในสาขาที่มีความจำเป็นต่อการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพของประเทศ เช่น ไต้หวัน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี และอิสราเอล เป็นต้น ซึ่งหากประเทศไทยสามารถส่งแรงงานไทยได้ตามจำนวน จะมีรายได้เข้าประเทศไม่น้อยกว่าปีละ 140,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ในภาพรวมช่วง 10 เดือนปี 2562 (มกราคม – ตุลาคม 2562) ที่ผ่านมา จัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศแล้ว 97,597 คน โดยจัดส่งไปทำงานไต้หวันมากที่สุด 27,226 คน โดยแรงงานไทยสามารถเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย 5 วิธี ดังนี้ 1. บริษัทจัดหางานจัดส่ง 2. กรมการจัดหางานจั
ไม่จริง-เลย์ออฟ 200 คน! โรงงานแจง “ต่างด้าว ไม่มีใบอนุญาต รับทำงานไม่ได้” จากกรณีเพจ ณัฐชานันท์ น้องสตางค์ ได้ออกมาโพสต์ภาพถ่ายและข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ แรงงานแห่งหนึ่ง ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ถูกปลดกว่า 200 คน กระทั่งมีผู้คนเข้าไปแสดงความเห็นและแชร์โพสต์กันเป็นจำนวนมาก ต่อมา ทางเพจ JOB Prachin – หางาน ปราจีนบุรี ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับโพสต์ดังกล่าวว่า “อย่าไปตกใจกับข่าว ในภาพเป็นแรงงานต่างด้าว มันเป็นเรื่องปกติ เวลาสิ้นปี เวลา บ.งานน้อย ก็ต้องหยุดจ้าง เลิกจ้างเป็นธรรมดา เพราะเป็นพนักงานซับฯ” นั้น ล่าสุด ทาง บริษัท เทคแมน อิเล็คทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ตกเป็นข่าว ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ภาพที่มีการโพสต์และแชร์กันเป็นจำนวนมากบนโลกโซเชียลนั้น ไม่ได้เป็นการเลิกจ้างจากทางโรงงาน แต่เป็นความผิดพลาดของผู้ประสานงานให้แรงงานต่างด้าวมาทำงาน เมื่อถึงเวลากลับพบว่าหลายคนไม่มีใบอนุญาต จึงต้องหยุดการรับเข้าทำงานไว้ก่อน และตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งบางส่วนก็สามารถเข้าทำงานได้แล้ว นอกจากนี้ทางบริษัทยังได้ชี้แจงผ่านเพจ Tec
ครม. ไฟเขียวต่างชาติถือสมาร์ตวีซ่า ทำงานในไทยได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาต เมีย-ลูก ก็ทำงานได้ด้วย เป็นการส่งเสริมการลงทุน และดึงดูดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถหรือทักษะสูงให้เข้ามาทำงานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ถือสมาร์ตวีซ่า ทำงานในไทยได้ – พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงแรงงาน อนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศไทยเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญทักษะสูง นักลงทุน ผู้บริหารระดับสูง และผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น (สตาร์ตอัพ) รวมถึงผู้ติดตาม ทั้งคู่สมรส และบุตร ที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (สมาร์ตวีซ่า) โดยได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในประเทศโดยไม่ต้องมีใบอนุญาตทำงานตลอดระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว ถือเป็นการส่งเสริมการลงทุน และดึงดูดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถหรือทักษะสูงให้เข้ามาทำงานในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้คนต่างด้าวซึ่งเป
เมื่อวันที่ 26 กันยายน ที่กระทรวงแรงงาน นายสมบัติ นิเวศน์รัตน์ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน แถลงข่าวภายหลังการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เรื่อง “การจัดทำกฎหมายลำดับรองเกี่ยวกับการกำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ” ว่าสำหรับเรื่อง 39 อาชีพที่ควรสงวนไว้ให้คนไทยทำต่อไปนั้น ได้ข้อสรุปเบื้องต้น โดยให้ปลดล็อก 10 อาชีพให้แรงงานต่างด้าวทำได้ คือ 1. งานกรรมกร 2. งานกสิกรรม เลี้ยงสัตว์ งานป่าไม้ หรืองานประมง ยกเว้นงานที่ใช้ความชำนาญเฉพาะสาขา งานควบคุมฟาร์ม หรืองานกรรมกรในเรือประมงทางทะเล 3. งานก่ออิฐ ช่างไม้ หรืองานก่อสร้างอื่น 4. งานขายของหน้าร้าน 5. งานเจียระไน หรือขัดเพชรหรือพลอย 6. งานทำที่นอนหรือผ้าห่มนวม 7. งานทำรองเท้า 8. งานทำหมวก 9. งานประดิษฐ์เครื่องแต่งกาย และ 10. งานปั้นหรือทำเครื่องปั้นดินเผา ทั้งนี้ มีข้อแม้ว่าจะต้องเข้ามาทำงานเหล่านี้ในลักษณะของการเป็นลูกจ้างเท่านั้น ห้ามเป็นเจ้าของกิจการเองเด็ดขาด นายสมบัติ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ มี 2 อาชีพที่ยังไม่ชัดเจนว่าให้ต่างด้าวหรือสงวนให้คนไทยทำ คือ 1. งานทำมีด และ 2. งานเสมียนหรือเลขานุการ นอกนั้นอีก 27 อาช
วันที่ 1 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่จากกระทรวงแรงงาน ร่วมกับกำลังทหารจาก ม.พัน 3 รอ. เข้าตรวจสอบบริษัทขายอาหารเสริมแห่งหนึ่งย่านสาทร หลังทราบว่ามีการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานขายตรงประเภทอาหารเสริมเป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบพบว่ามีชาวเมียนมา ลาว และกัมพูชา กว่า 267 คน แบ่งเป็นชาย 142 คน สัญชาติเมียนมา 13 คน ลาว 3 คน กัมพูชา 126 คน แบ่งเป็นหญิง 50 คน สัญชาติเมียนมา 5 คน ลาว 3 คน และกัมพูชา 117 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบมีอยู่ 75 คน ที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานในประเทศ สอบถามทราบว่าบริษัทดังกล่าว เป็นผู้จำหน่ายสินค้าตรงประเภทอาหารเสริมต่างๆ และได้มีการให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงาน โดยจะเก็บเงินค่าสมัคร 20,000 บาท และให้ผู้สมัครเข้ามาฟังสัมมนาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท และแนะนำการขาย ก่อนที่จะนำเอาสินค้าประเภทอาหารเสริมนำไปขายตามเว็บไซต์ต่างๆ หรือเสนอขายกับคนรู้จักและบุคคลทั่วไป เบื้องต้นกลุ่มแรงงานดังกล่าวหลายคนมีงานทำในไทยแต่ถูกหลอกมาให้สมัครเพื่อทำการขายตรง จากการตรวจสอบวีซ่าชาวต่างด้าวส่วนใหญ่นั้นมาในสถานะนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างควบคุมตัวชาวต่างด้าวทั้งหมดเพื่อนำ
อาชีพสงวนสำหรับคนไทย ไม่ได้มีแค่อาชีพไกด์ หรือ ช่างตัดผม แต่ยังรวมถึงอาชีพเร่ขายสินค้า อาทิ รถเข็นผลไม้และอื่นๆ ด้วย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและภาครัฐกำลังเร่งจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งประกอบอาชีพเหล่านี้ ติดตามชมรายงานพิเศษจากคลิปด้านบน ติดตามชมรายการมติชน วีกเอ็นด์ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 21.00-22.00 น. ทางวอยซ์ทีวี ช่อง 21
วันที่ 21 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีผู้ส่งคลิปวิดีโอปัญหาเด็กขายพวงมาลัยชาวเวียดนาม และคนขอทานชาวกัมพูชา ที่พบเห็นอยู่เกลื่อนย่านแหล่งท่องเที่ยวเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเด็กพวกนี้จะมีพฤติกรรมชอบตื๊อให้นักท่องเที่ยวซื้อพวงมาลัยของตัวเองจนสร้างความรำคาญ ถ้านักท่องเที่ยวไม่ซื้อก็จะแสดงกิริยาไม่พอใจหรือด่านักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวมักจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเด็กไทย พ่อค้าคนไทยวอนภาครัฐแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพราะคนพวกนี้แย่งอาชีพคนไทย และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของประเทศไทยอีกด้วย จากการลงพื้นที่ชายหาดเฉวงพบว่า มีพ่อค้าแม่ค้าคนไทยเดินขายสินค้าจำพวกผ้าปูพื้นอาบแดด สร้อย กำไล ห่วงยาง อาหาร ผลไม้ ให้กับนักท่องเที่ยวที่พักผ่อนตามชายหาด โดยไม่พบเห็นเด็กขายพวงมาลัยชาวเวียดนาม และขอทานชาวกัมพูชาแต่อย่างใด นายกำพลศักดิ์ รุ่งเรือง อายุ 37 ปี พ่อค้าขายของที่ระลึก บอกว่า เด็กขายพวงมาลัยและขอทานต่างชาติสร้างปัญหาให้กับเกาะสมุยมานาน บางทีนักท่องเที่ยวเค้าก็ไม่รู้หรอกคิดว่าเป็นคนไทย อยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลหน่อย บางทีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเมื่อจับแล้วก็ย