ทับทิม
ทับทิม อัญมณีโอสถ มีฤทธิ์แก้ท้องเสีย บำรุงร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระ ผู้หญิงควรกินเป็นประจำ ทับทิม นับเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ของหลายชนชาติ ทั้งยังสามารถใช้เป็นยาได้ทุกส่วน โดยสรรพคุณเด่น มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรค โดยเฉพาะโรคท้องเสีย นอกจากนี้ ยังใช้รักษาแผล ฝี หนอง รวมทั้ง เป็นยาขับพยาธิได้ดี ซึ่งงานวิจัยสมัยใหม่ ต่างก็ยืนยันสรรพคุณของทับทิมกันไว้หลากหลายนัก รูปทรงของผลทับทิมนั้น ละม้ายคล้ายคลึงกับเต้านมผู้หญิง เมล็ดสีแดงถ้าจะเปรียบก็คงเหมือนเม็ดเลือด ซึ่งหมอยาไทใหญ่บอกว่า ทับทิมมีประโยชน์กับมนุษย์มาก กินแล้วบำรุงร่างกาย แก้ร้อนในกระหายน้ำ ทำให้เลือดลมเดินสะดวก ผู้หญิงควรกินเป็นประจำ จะทำให้มีลูกหลานมากมาย ดีต่อผู้หญิงท้อง ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส มีการวิจัยใหม่ๆ พบว่า น้ำทับทิม มีผลลดการเกิดมะเร็งเต้านม และมะเร็งผิวหนัง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีประโยชน์ต่อหัวใจ ช่วยป้องกันมะเร็ง ผู้หญิงหากทานทับทิมเป็นประจำจะได้รับวิตามินและเกลือแร่ที่เป็นประโยชน์มากมาย เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี ธาตุเหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม และโอสถสารอื่นๆ เพจ สมุนไพรอภัยภูเบศร จึงได้
ปลูกทับทิมเพื่อตอนขายประมาณ 1 ไร่เศษ พื้นที่ 1 ไร่ จะปลูก ได้ 400 ต้น ต้นไม้ทุกต้นถ้าลงดินจะโตไวหาอาหารกินเองได้ ตีสักประมาณ 1 ปี สามารถตอนกิ่งแล้วเอามาลงถุงขายได้ ส่วนเรื่องผลลัพท์ถือว่าคุ้มมาก สมมุติเป็นกิ่งแบบที่เห็น ตุ้มตอนเบ็ดเสร็จเลยถ้าจ้างประมาณ 3 บาท แล้วจะมีไม้เสียบเขาเรียกไม้ร้อย ไม้ 80 ตามความยาว มัดหนึ่งประประมาณ40บาท เฉลี่ยอันหนึ่งประมาณ 40 สตางค์ คือต้นทุนต่อถุง 10 บาท ประเภทว่าจ้างเขามานั่งกรอกแล้วนะ แล้วเราไปขาย 15 บาทเราก็ยังได้กำไร นี่คือราคาที่เขามารับถึงที่ แต่ถ้าเราวิ่งไปส่งเองก็ได้ราคา 28-30 บาท จะเห็นว่าอย่างไรก็ได้กำไร แต่ถ้าตัดขายเป็นกิ่งไปเลย แล้วจะไปทำยังไงก็ได้อยู่ประมาณ 10-15 บาท แล้วแต่ขนาดกิ่งถ้าใหญ่ก็เพิ่มราคาได้ แต่ราคาจะไม่เกิน 15 บาท ขายกันง่ายๆ 10 บาท เพราะว่าเราก็ไม่ได้รับประกันว่ามันจะรอด แต่ถ้าเราใส่อย่างที่ตั้งผลิดอก ออกใบมาแล้ว 25 บาท ขายไปเลยได้แน่นอน วิธีขยายกิ่งพันธุ์ทับทิม ชักร่องปลูก สมมุติว่าเป็นพื้นที่โล่ง ก็ไถเปิดหน้าดิน พอไถเปิดหน้าดินสักพักให้ไถพรวนอีกรอบ เพื่อเตรียมชักร่อง วัดระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 1 เมตร ระหว่างร่อง 1.5 เมตร ก็คือ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยุคนี้เป็นยุคที่เทรนด์การเกษตรมาแรง เราจะพบเห็นในข่าวว่า เริ่มมีการเกิดของเกษตรกรรุ่นใหม่ที่อายุยังน้อยหันมาทำเกษตรกันมากขึ้น และการเกษตรไม่ได้ทำยากอย่างที่คิด ผสมกับแนวคิดของเด็กรุ่นใหม่ที่หันมาทำเกษตรก็มักมีวิธีการทำที่แปลกแนว เพื่อพัฒนาและต่อยอดในไร่สวนของตนเองให้ดียิ่งขึ้น ดังเช่น คุณนันทรัฐ ลิ้มประยูร อยู่บ้านเลขที่ 58 หมู่ที่ 4 ถนนเทศบาล 10 ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เขาจบจากศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิทยาการเดินเรือ แต่ผันชีวิตทำเกษตร คุณนันทรัฐ ลิ้มประยูร เกษตรกรวัย 24 ปี โดยคุณนันทรัฐ หรือ คุณเติ้ล เล่าให้ฟังว่า พื้นเพที่บ้านทำเกษตรอยู่แล้ว โดยมีคุณพ่อเป็นหลัก คือคุณพ่อจะจบสาขาสัตวบาลมา เลี้ยงโคนมมานานกว่า 30 ปี มีพื้นที่รอบบ้านประมาณ 20 ไร่ คุณพ่อแบ่งไปเลี้ยงวัว 10 ไร่ พื้นที่ที่เหลืออีก 10 กว่าไร่ ใช้ปลูกไม้ผล พืชไร่ ผักสวนครัว ทำสลับกันไป แต่ไม่เชิงว่าจะทำเป็นระบบเหมือนปัจจุบันนี้ คือปลูกแบบขายบ้าง แจกบ้าง เพิ่งจะมาทำเป็นระบบได้สักประมาณ 3-4 ปี มานี้ “เรามองตลาดพืช ตลาดต้นไม้ ว่ามันค่อนข้างไปได้ไกลพอสมควร ก็เลยเริ่มจัดแจงพื้นที่
อัญมณีของเมียนมา โดยเฉพาะ “ทับทิม” นับเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่สำคัญ และสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ ด้วยความงามสมคำร่ำลือของอัญมณีมีค่านี้ ถูกขนานนามว่า “ทับทิมจากเมืองโมก๊ก” คือแหล่งทับทิมที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลก เพราะเป็นทับทิมสีแดงสดไปจนถึงแดงเข้มเลือดนก และเป็นที่ชื่นชอบสำหรับนักค้าอัญมณีและนักช็อปจากทั่วโลก โดยเฉพาะนักช็อปมือเติบอย่างชาวจีน นอกจากนี้ยังมี “เหมืองพะกันต์” (Hpakant) ที่เป็นแหล่งผลิตหยกคุณภาพดีและมีปริมาณการผลิตมากที่สุดในโลก ที่ทำรายได้ให้กับประเทศไม่แพ้กัน ล่าสุดกระแสความกังวลของผู้ประกอบการค้าเพชรและอัญมณีในเมียนมาเริ่มปะทุอีกครั้งหลังจากที่กระทรวงแผนงานและการเงินแห่งเมียนมา ประกาศจะทบทวนปรับเพิ่มอัตราภาษีการค้าของ “อัญมณี” ซึ่งถูกจัดให้เป็นหนึ่งในรายการ “ภาษีสินค้าโภคภัณฑ์พิเศษ” (Special Commodities Tax Law) จากทั้งหมด 16 รายการ โดยรายการภาษีสินค้าโภคภัณฑ์พิเศษ ได้แก่ สินค้าประเภทบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท นํ้ามันเชื้อเพลิง ยานพาหนะ ไข่มุก หยก และอัญมณีทั้งหมด ซึ่งมีอัตราภาษีจัดเก็บเท่ากันอย