นายกรัฐมนตรี
“นายกฯ” ชี้ 3 ทางรอดไทย “อาหาร-สุขภาพ-ซอฟต์พาวเวอร์” ดันเศรษฐกิจ ดึงเม็ดเงินใหม่เข้าประเทศ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ที่งานสัมมนา PRACHACHAT THAILAND 2025 โอกาส I ความหวัง I ความจริง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ “ประเทศไทย : โอกาส-ความหวัง-ความจริง” ว่า รัฐบาลไทยพยายามสร้างโอกาสให้คนไทยมากที่สุด เพราะคนไทยมีศักยภาพมากมาย แต่เข้าไม่ถึงโอกาสและไม่มีการซัพพอร์ตที่เพียงพอ สิ่งที่รัฐบาลต้องการจะทำคือ “การกระตุ้นเศรษฐกิจ” เพราะเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ ทำให้คนในประเทศกินอยู่สบายขึ้น ถ้าคนไทยปากท้องอิ่ม ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวก็จะปรากฏออกมา และถ้าพื้นฐานยังไม่ถูกเติมเต็ม การเกิดความคิดสร้างสรรค์หรือเกิดแรงในการผลักดันประเทศจะเป็นไปได้ยาก เราถึงพยายามกระจายโอกาสตรงนี้ให้มากที่สุดเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ นางสาวแพทองธาร กล่าวต่อถึงการคาดเดาการเติบโตของ GDP ปี 2567 จะอยู่ประมาณ 2.7% ซึ่งอยู่ในช่วงฟื้นตัว ซึ่งส่วนใหญ่เติบโตจากการลงทุนของรัฐบาลและภาคการท่องเที่ยว โดยคาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจะกลับมาแตะ 36 ล้านคน และเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว 28% ซึ่งตัวเลขนัก
นายกฯ ร่วมชมงาน SX2023 หนุนแนวคิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มาเป็นประธานเปิดการประชุม ภาคีการขับเคลื่อนการปฎิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย ครั้งที่ 2 (2nd Thailand Climate Action Conference : TCAC 2) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาที่ยั่งยืนที่จะปลุกคนไทยให้เปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมด้านการผลิต และบริโภค เพื่อโลกที่ยั่งยืน ในโอกาสเดียวกันได้เข้าเยี่ยมชมงาน Sustainability Expo 2023 (SX 2023) ต้นแบบของมหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” โดยมี นายฐาปน สิริวัฒนภักดี และคณะจัดงานของเครือข่ายพันธมิตรทุกภาคส่วนมาร่วมให้การต้อนรับ และพาเยี่ยมชมกิจกรรมไฮไลต์ และสุดยอดนวัตกรรมมากมายในโซนต่างๆ ตั้งแต่จุดแลนด์มาร์ก Prologue ที่ทุกคนต้องไม่พลาดแวะมาเช็กอิน เก็บภาพประทับใจกันก่อนที่จะเข้าไปชมด้านใน เพื่อสัมผัสโลกเสมือนจริงคู่ขนานแบบ 360 องศา Immersive Experience Pavilion ให้เห็นวิกฤตที่ทวีความรุนแรงเมื่อโลกถูกทำร้าย และคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนในแบบที่เราค้น
เศรษฐา ยันจะแก้กฎหมาย ให้ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น หลังมีร้านกัญชาเปิดหลายพันแห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 21 กันยายน บลูมเบิร์ก รายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการของสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งมี ฮาสลินดา อามิน เป็นพิธีกร โดยนายเศรษฐา ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า จะจำกัดเรื่องการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น หลังจากมีการเปิดร้านกัญชาขึ้นหลายพันแห่งทั่วประเทศไทย นับตั้งแต่ประเทศไทยกลายเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา นายเศรษฐา บอกกับพิธีกรว่า รัฐบาลจะพยายามหาทางแก้ไขนโยบายกัญชา และการขยายตัวของร้านขายกัญชาที่มีอิสระในการขาย ให้ได้ภายในเวลา 6 เดือน โดยระบุว่า จะต้องมีการแก้กฎหมายใหม่ จะต้องสามารถกำหนดให้มีการควบคุมเพื่อใช้ในด้านการแพทย์เท่านั้น และว่าไม่นำกัญชามาใช้เพื่อการสันทนาการ นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ในข้อตกลงร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล 11 พรรค มีการตกลงกันอย่างกว้างๆ เกี่ยวกับการจำกัดการใช้กัญชา เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นจากยาเสพติ
นายกฯ เสนอ ครม.สละเงินเดือน 1 เดือน เตรียมตั้งกองทุนสู้โควิด-19 เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุมครม. มีการหารือถึงมาตรการในการจัดหาและดูแลสิ่งจำเป็นให้กับประชาชนในสถานการณ์ไวรัสโคโรนา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงเสนอให้มีการตั้งกองทุนสักกองทุนขึ้นมา เพื่อให้ ครม. ร่วมบริจาคเงินเข้ากองทุน แต่ยังไม่อยากกำหนดว่าใครจะต้องให้เงินเท่าไร แต่เบื้องต้น ครม. ควรจะสละเงินเดือน 1 เดือนเข้าสมทบในการจัดตั้งกองทุนด้วย หรือมากกว่านั้นก็แล้วแต่ใครจะบริจาคก็ได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของทีมโฆษกรัฐบาลก็จะร่วมสละเงินเดือนเพื่อนำเงินเข้ากองทุนด้วยเช่นกัน จากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า รมต. ส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะตั้งกองทุนดังกล่าว โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. ก็ได้ระบุว่า ยินดีที่จะบริจาคเงินเดือนให้ โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการผู้เกี่ยวข้องให้ไปดูเรื่องนี้มา เพื่อดำเนินการอย่างเร่งด่วน สำหรับเงินเดือนของ นายกรัฐมนตรี ได้รับเดือนละ 125,590 บาท, รองนายกรัฐมนตรี เดือนละ 119,920 บาท, รัฐมนตรีว่ากา
‘ประยุทธ์’ โพสต์แจงหลังถูกวิจารณ์ทำท่าทีไม่เหมาะ ยืนยันตนตั้งใจไปให้กำลังใจ วันที่ 9 ก.พ. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์หลังตนทำมือเป็นสัญลักษณ์หัวใจและมินิฮาร์ทให้ประชาชนขณะลงพื้นที่เมืองโคราช ว่า “ผมรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้เหมือนกับคนไทยทั้งประเทศ ผมขอร่วมไว้อาลัยต่อผู้สูญเสียพร้อมพี่น้องชาวโคราชและประชาชนคนไทยทุกคน เราทุกคนเศร้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันนี้ผมเองตั้งใจที่จะให้กำลังใจทุกคน จนบางครั้งการแสดงออกอาจทำให้หลายคนเข้าใจผิด หรือรู้สึกไม่สบายใจ แต่ผมขอพูดจากใจว่าในยามวิกฤตแบบนี้ ผมเชื่อว่ากำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ ผมจึงแสดงออกซึ่งการให้กำลังใจต่อกัน ผมเชื่อครับว่าเราจะก้าวผ่านฝันร้ายนี้ไปด้วยกันด้วยหัวใจที่เป็นหนึ่งครับ”
‘บิ๊กตู่’ อวยพรปีใหม่ ขอให้คนไทยมีความสุข ย้ำจะไม่หยุดทำเพื่อชาติและประชาชน เมื่อวันที่ 1 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความอวยพรปีใหม่ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ปี 2563 นี้ผมจะมุ่งมั่นเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆ และสร้างสิ่งใหม่ๆ สัญญาจะทำทุกชั่วโมงในทุกวันให้มีค่ามากที่สุด ผมจะไม่หยุดทำเพื่อชาติและประชาชน ตราบเท่าที่มีแรงกายและแรงใจ…#สวัสดีปีใหม่พี่น้องคนไทยทุกคน ขอให้มีแต่ความสุขตลอดปี 2563 ครับ”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “The Future of Thailand and ASEAN” ในการประชุมผู้นำธุรกิจอาเซียน ครั้งที่ 5 ซึ่งจัดโดยสำนักข่าว “บลูมเบิร์ก” ณ โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโตเรีย กรุงเทพฯ ในวันนี้ (21 มิ.ย. 2562) นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ไทยรับหน้าที่เป็นประธานและเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ในปีนี้ “ไทยมีศักยภาพและความพร้อมหลายด้านที่จะเดินหน้าพัฒนาประเทศไปสู่ความก้าวหน้าพร้อมกับภูมิภาค ซึ่งในปัจจุบัน เหตุการณ์ในประเทศมีเสถียรภาพ โดยไทยได้ก้าวพ้นสถานการณ์ความไม่สงบ มีความปรองดอง และสามารถแก้ปัญหาคั่งค้างที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศหลายประการ เช่น การประมงผิดกฎหมาย การปราบปรามการค้ามนุษย์ และการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ เป็นต้น” นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่าเป็นไปตามโรดแมปที่กำหนดไว้ “ผมยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อ และจะพยายามปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อสืบสานนโยบายพัฒนาประเทศทั้งในระยะสั้นและระยะยาว” ทั้งนี้ในปี 2561 ที่ผ่านมา เศร
“ประยุทธ์” ห่วงแล้ง รับหลายเขื่อนวิกฤต-ขอ ปชช. ช่วยเก็บผักตบคนละ 3 ต้น ไม่ต้องรอเงินจากรัฐ วันที่ 12 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดงาน “สร้างรู้ สื่อสาร การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำฤดูฝน ปี 2562” ว่า เนื่องจากชุมชนเมือง และการขยายตัวของอุตสาหกรรม ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านคุณภาพน้ำทวีความรุนแรงมากขึ้น ไทยต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เพื่อให้เกิดความมั่นคง เพิ่มผลิตผลในเรื่องการจัดการและการใช้น้ำทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มระดับการฟื้นตัว และลดความเสียหายจากภัยพิบัติด้านน้ำ ที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการน้ำมาโดยตลอด โดยจัดสรรงบประมาณจำนวนมากในการแก้ไขปัญหาและจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม ทั้งนี้ การสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต ได้ดำเนินการก่อสร้างแหล่งน้ำระบบกระจายน้ำใหม่ พัฒนาและฟื้นฟูแหล่งน้ำพื้นที่เกษตรน้ำฝน เพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำเดิม และพัฒนาแหล่งน้ำรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ อุตสาหกรรมใหม่ ผลลัพธ์ที่ได้ประชาชนได้รับประโยชน์ 4.35 ล้านครัวเรือน มีพื้นที่รับประโยชน์ 3.15 ล้านไร่ และได้ปริมาณน้ำ 4,318 ล้าน ลบ.ม. ก
ฝ่ายประชาธิปไตยต้านไม่อยู่! ‘บิ๊กตู่’ ซิว นายกรัฐมนตรี อีกสมัย วันที่ 5 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น่าสังเกตว่าการอภิปรายคุณสมบัติบุคคลที่จะดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ไม่มี ส.ส.ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยร่วมอภิปรายแม้แต่คนเดียว หลังอภิปรายเสร็จสิ้นในเวลา 21.35 น. รวมอภิปรายตลอดทั้งวัน 10 ชั่วโมง 30 นาที จากนั้นเวลา 21.45 น. เริ่มเข้าสู่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีแบบเปิดเผย ด้วยการขานชื่อเรียงตามตัวอักษร โดยให้สมาชิกเอ่ยชื่อบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ทั้งนี้ มีการตั้งคณะกรรมการนับคะแนนจำนวน 6 คน ซึ่งบุคคลที่จะได้เป็นนายกฯ ต้องได้คะแนนโหวตไม่น้อยกว่า 375 เสียง จากเสียงทั้งหมด 748 คน ผลปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ ชนะเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งได้เป็นนายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรี ห่วงสุขภาพจิตคนไทย เสพข่าวเลือกตั้งเยอะไป แนะให้แยกแยะรู้ทัน! เมื่อวันที่ 28 มี.ค.พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงสภาพจิตใจของพี่น้องประชาชนที่ติดตามข่าวการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคการเมือง ในขณะที่ กกต.ยังไม่ได้ประกาศผลอย่างเป็นทางการ พร้อทขอความร่วมมือสื่อมวลชน นำเสนอข่าวในระดับที่เหมาะสม เพื่อลดความเครียดหรือความวิตกกังวลของประชาชน เนื่องจากขณะนี้ใกล้เข้าสู่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งจะเริ่ม ตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. เป็นต้นไป “นายกฯ อยากให้ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่คนไทยมีความสุข ความสามัคคีประเทศชาติมีความสงบ ส่วนรัฐบาลยังคงต้องทำหน้าที่ต่อไปเพื่อดูแลแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของประชาชน โดยไม่อยากให้นำปัญหาทางการเมืองซึ่งยังเป็นเรื่องของอนาคตมาถกเถียงกันให้เกิดความสับสนหรือขัดแย้งไม่สิ้นสุด จึงแนะนำให้ประชาชนแบ่งเวลาติดตามข่าวสารอย่างพอดี ทำกิจวัตรประจำวันให้เป็นปกติโดยเฉพาะการพักผ่อนและออกกำลังกายอย่างเพียงพอ ขณะเดียวกันควรเคารพความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย และรู้จักแยกแยะได้ว่าสิ่งที่ฝ่