นายกฯ
เศรษฐกิจแบบนี้ ให้คนใหม่ทำงานดีกว่า ที่ปรึกษาสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย ชี้ นายสมชาย พรรัตนเจริญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ไปต่อ ว่า ที่ผ่านมาความเชื่อมั่นของภาคเอกชนไม่มีอยู่แล้ว โดย 1 ปีที่ผ่านมา หลักการทำงานของนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถทำได้ตามที่หาเสียงไว้ในช่วงเลือกตั้งเลย เหตุการณ์ครั้งนี้หากมองในแง่ดี อาจเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่มีศักยภาพที่ดีกว่ามาทำงานแทน “ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ให้คนใหม่มาทำงานดูน่าจะดีกว่า ตอนนี้บ้านเมืองเรากำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตศรัทธาและความเชื่อมั่น เศรษฐกิจถดถอยไปเรื่อย ๆ มองว่าทุกการเปลี่ยนแปลงมีผลที่ดีกว่าเดิม โดยนำความล้มเหลวที่ผ่านมามาแก้ไข ซึ่งต้องยอมรับสภาพนี้ไปสักพัก ในภาวะนี้ต้องอดทน จากนี้ต้องปรับกลยุทธ์ ขบวนท่าประเทศไทยใหม่”ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าว และว่า ส่วนนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล มองว่าถ้าระบบพรรครัฐบาลยังอยู่ คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ที่สำคัญคือต้องไม่ทำให้เศรษฐกิจทรุดต่ำไปกว่านี้ ที่มา ข่าวสด
มากสุดเท่าที่เคยมี! รัฐบาล ‘บิ๊กตู่’ ส่งเสริม MSMEs เต็มที่ ทั้งแหล่งเงินทุน วิจัย ช่องทางจำหน่าย เทคโนโลยี เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 66 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในปี 2565 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ประสบความสำเร็จในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลาง (Micro, Small and Medium-sized Enterprises : MSMEs) เป็นความสำเร็จที่จำนวนวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลาง มี 3.21 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 99.55 ของจำนวนวิสาหกิจทั้งหมดของไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.67 เมื่อพิจารณาขนาดวิสาหกิจ แบ่งเป็น รายย่อย (Micro-sized Enterprises) 2,742,416 ราย คิดเป็นร้อยละ 85.74, ขนาดย่อม (Small-sized Enterprises) จำนวน 412,962 ราย คิดเป็นร้อยละ 12.91 และขนาดกลาง (Medium-sized Enterprises) จำนวน 43,106 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.35 โดยในปี 2564 มูลค่า GDP ของวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลางมีจำนวน 5.60 ล้านล้านบาท และคาดขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 คิดเป็นมูลค่า GDP ของวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลางปี 2565 จำนวน 6.02 ล้านล้านบาท น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า นอกจากมูลค่า GDP
นายกฯ ห่วงใย สั่ง รมว.สุชาติ ช่วยลูกจ้าง JSL ถูกเลิกจ้างอย่างใกล้ชิด วันที่ 4 ก.ค. 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือลูกจ้างบริษัท JSL ที่ถูกเลิกจ้างว่า “ทันทีที่ทราบข่าวท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้มีความห่วงใยลูกจ้างและให้กระทรวงแรงงานเข้าไปดูแลช่วยเหลือให้ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างใกล้ชิด ผมได้ขานรับข้อสั่งการดังกล่าว และให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานตรวจสอบและเร่งให้ความช่วยเหลือในทันที ซึ่งจากการตรวจสอบของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 4 พบว่า บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 154 ซอยลาดพร้าว 107 ถนนลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ประกอบกิจการ ประเภทผลิตรายการโทรทัศน์ ปัจจุบันมีพนักงานทั้งหมดประมาณ 130 คน เป็นชาย 70 คน และหญิง 60 คน ซึ่งบริษัทฯ ได้แจ้งเลิกจ้างพนักงาน จำนวน 89 คน เป็นลูกจ้างรายเดือ
นายกฯ จับตา สร้างการรับรู้ มาตรการ “เจอ แจก จบ” ให้ ปชช. เน้นผู้ป่วยโควิด กลุ่มสีเขียวที่ไม่มีอาการ-ภาวะเสี่ยง เฟซบุ๊ก สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ เผยข่าว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้เร่งสร้างการรับรู้ การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 “เจอ-แจก-จบ” แบบ OPD case เป็นมาตรการเสริมเพิ่มเติม เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาล ควบคู่กับระบบ HI/CI เป็นทางเลือกสำหรับผู้ติดเชื้อที่สบายดี ไม่มีอาการ ไม่มีภาวะเสี่ยง และสมัครใจรักษาที่บ้าน นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ผู้ป่วยต้องปฏิบัติตนตามมาตรการและคำแนะนำของแพทย์ระหว่างการรักษาตนเองที่บ้านอย่างเคร่งครัดด้วย สธ. ได้ติดตามระบบการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบผู้ป่วยนอก หรือ “เจอ แจก จบ” ซึ่งเริ่มดำเนินการวันแรกวานนี้ (1 มี.ค. 65) ยังไม่พบปัญหา โดยผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 สามารถตรวจ ATK ด้วยตนเองที่บ้าน หรือเดินทางมาตรวจที่คลินิกโรคทางเดินหายใจ (ARI Clinic) ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง หากพบผลเป็นบวก แพทย์จะพิจารณาความเสี่ยงและโรคประจำตัว หากไม่มีความเสี่ยงจะให้การรักษาแบบผู้ป่วยนอกและกลับไปแย
นายกฯ ให้กำลังใจ อภัยภูเบศร รับปากดัน บัวบกพันธุ์ศาลายา 1 เป็นพืชเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 18 จากนั้นได้เดินชมงาน บู๊ธจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐเอกชน และภาคประชาชน ที่มาร่วมจัดนิทรรศการกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่ยกกิจกรรมให้ความรู้ สมุนไพรป้องกันโควิด และ กัญชา กระท่อม ผลิตภัณฑ์กัญชา ที่นำมาพัฒนาใช้กับการให้บริการสปา โดยระหว่างการเยี่ยมชมบู๊ธ อภัยภูเบศร ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้นำชมและอธิบายถึงความคืบหน้าในสิ่งที่อภัยภูเบศรได้ดำเนินการพัฒนาสมุนไพรชนิดต่างๆ รวมถึง การปลดล็อก กระท่อม กัญชา มาสู่การพัฒนายาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ซึ่งล่าสุดมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดลในการพัฒนาบัวบกศาลายา 1 ที่มีน้ำหนักและสารสำคัญสูงกว่าสายพันธุ์ปกติถึง 5 เท่า และผ่านการจดทะเบียนรับรองสายพันธุ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 2 ปี ทำให้ทางมูลนิธิไม
นายกฯ กำชับ สปสช. เร่งแจก Antigen Test Kit 8.5 ล้านชุด ตรวจหาโควิด ให้ทั่วถึง เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2564 เว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ รายงานข่าว นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เห็นความจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจคัดกรองเชิงรุก เพื่อหาผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็ว และเร่งลดการแพร่ระบาดโควิด-19 ในระลอกปัจจุบัน โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ และไม่ได้รับการคัดแยกหรือกักตัว ทำให้เกิดการแพร่เชื้อภายในครอบครัวและในชุมชนที่พักอาศัยมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง “นายกรัฐมนตรีจึงได้มีนโยบายให้มีการดำเนินการการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้ครอบคลุมที่สุด ด้วยการใช้ชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ ต้องกระจายชุดตรวจ ATK นี้ อย่างทั่วถึงและด้วยความโปร่งใสด้วย” ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที่ 8/2564 (วาระพิเศษ) เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา จึงได้อนุมัติจัดซื้อชุดตรวจโควิดกว่า 8.5
นายกฯ ไฟเขียว 14 มิ.ย.นี้ ผ่อนคลาย 5 กิจกรรมใน กทม.แล้ว! เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 64 เฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เผยประกาศ เรื่องการผ่อนคลาย 5 กิจกรรม และโครงการ ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ โดยระบุว่า พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน ในฐานะนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการ ศบค. หน้าที่สำคัญของผมคือการสั่งการและวางนโยบายเพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดให้ดีที่สุด แต่ต้องดำเนินการไปด้วยความสมดุลกับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน และการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน ซึ่งผมได้ติดตามสถานการณ์และปรึกษากับผู้เกี่ยวข้องต่างๆตลอดเวลา เพื่อตัดสินใจที่จะเกิดประโยชน์ที่สุดกับประเทศชาติส่วนรวม ดังนั้น ในวันนี้ผมจึงมี 2 เรื่องสำคัญที่จะมาแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบดังนี้ 1. หลังจากที่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบร่วมกับทุกฝ่าย ทั้งกรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข และ ศบค. ผม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. จึงเห็นว่าข้อเสนอของกรุงเทพมหานคร ในการขอผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคสำหรับสถานที่ 5 ประเภทในเขตกรุงเทพมหานคร ที่เคยขอมาก่อนนั้น สามารถให้มีการผ่อนคลายได้ตามเงื่อนไขที่ขอมา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ประกอบกั
เปิดเงื่อนไข “ม.33 เรารักกัน” เยียวยาประกันสังคม รายละ 3,500-4,500 บาท วันที่ 3 ก.พ. 2564 เว็บไซต์ ข่าวสดออนไลน์ รายงานว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวภายหลังเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า นายกรัฐมนตรี เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือแรงงานผู้ประกันตนมาตรา 33 โครงการ “ม.33 เรารักกัน” โดยนายกฯ อยากให้ครบทุกคนที่มีสิทธิดังกล่าว ส่วนเม็ดเงินจะได้คนละเท่าไหร่และออกมาในรูปแบบไหนนั้น ต้องรอหารือในรายละเอียดอีกครั้ง แต่เบื้องต้นรูปแบบจะเป็นเหมือนโครงการเราชนะ โดยนำเงินเข้าแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง เพื่อช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย โดยยืนยันคนในครอบครัวมาตรา 33 จะให้ทุกคน ที่มีอยู่ประมาณ 11 ล้านกว่าคน สำหรับแนวทางมาตรการเยียวยาผู้ที่อยู่ภายใต้ระบบประกันสังคม ม.33 ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ยังอยู่ใน 3 แนวทาง ประกอบด้วย แนวทางที่ 1 คนละ 3,500 บาท, แนวทางที่ 2 คนละ 4,000 บาท, แนวทางที่ 3 คนละ 4,500 บาท ส่วนหลักเกณฑ์การรับสิทธิ “ม.33 เรารักกัน” มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์, มีเงินฝากในธนาคารไม่เก
นายกฯ เร่งปลดล็อกช่วย ผปก. ส่งออกฟื้นตัวจากโควิด วอน อย่าทิ้งลูกจ้าง-พนง. เว็บไซต์ สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ เผยข่าว พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ปี 2563 หรือ Prime Minister’s Export Award 2020 ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมระบุว่า แม้ผู้ประกอบการจะมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่อย่าทิ้งลูกจ้างและพนักงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 บางคนบอกว่า สถานการณ์ไม่ดี เพราะรัฐบาลบริหารไม่ดี แต่อยากให้มองภาพรวม เพราะทุกประเทศประสบปัญหาเช่นเดียวกัน จึงขอให้ผู้ประกอบการพัฒนาคนควบคู่ไปกับเครื่องจักรกล ซึ่งรัฐบาลพร้อมดูแล ปลดล็อก อำนวยความสะดวกและช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออกให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อพัฒนาต่อยอดธุรกิจ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ และต้องดูแลให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ปลุกจิตสำนึกที่ดี เพื่อทำให้ประเทศชาติปลอดภัย ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องอื่นช่วงนี้ ขอให้ไปเรียกร้องเวลาอื่นได้หรือไม่ เพราะประชาชนยังเดือดร้อนปัญหาปากท้อง
ผลสำรวจ ‘นิด้าโพล’ ชี้ ควรปรับครม.ทั้งคณะ เหตุบริหารงานไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ปรับ ครม.?” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 29-30 มิถุนายน 2563 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษาและอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,251 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากการสำรวจเมื่อถามถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 43.09 ระบุว่า ควรปรับ ครม. ทั้งคณะ เพราะ การบริหารงานที่ผ่านมายังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ยังไม่มีผลงานให้เห็นเด่นชัด และอยากให้ท่านอื่นลองเข้ามาบริหารบ้าง รองลงมา ร้อยละ 39.89 ระบุว่า ควรปรับ ครม. บางตำแหน่ง เพราะ บางตำแหน่งยังทำงานไม่ตรงกับตำแหน่งที่ได้รับ อยากได้บุคคลเข้ามาทำงานเหมาะสมกับตำแหน่ง ร้อยละ 16.95 ระบุว่า ยังไม่ถึงเวลาปรับ ครม. เพราะ อยากให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 หมดจากประเทศก่อน ขณะที่บางส่วนระบุว่า ดีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องปรับ ครม. และร้อยละ 0.07 ระบุว่า