น้ำอัดลม
ส่องเทรนด์ ปี 68 เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ เผชิญต้นทุนสูง เจอคู่แข่ง “จีน” ตีตลาดส่งออก เสียเปรียบด้านราคา ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ แนวโน้มตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในประเทศ ว่า ในปี 2568 ยอดขายของธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 2.29 แสนล้านบาท ขยายตัว 3.3% จากหลายปัจจัยหนุน แต่เป็นอัตราการเติบโตที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (CAGR ปี 2565-2567) ที่โตเฉลี่ย 4.7% ต่อปี จากการบริโภคของผู้บริโภคที่ยังได้รับแรงกดดันจากกำลังซื้อที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่และค่าครองชีพยังสูง โดยแนวโน้มตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในปี 2568 มีกลุ่มสินค้าที่น่าสนใจ ดังนี้ ยอดขายน้ำอัดลมและน้ำดื่มบรรจุขวด คาดว่าจะขยายตัว 2.6% และ 4.8% ในปี 2568 ชะลอตัวลงจากปี 2567 ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันกว่า 55% ของยอดขายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ทั้งหมด โดยปัจจัยที่หนุนให้ตลาดโต ส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น รวมถึงการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัว น่าจะหนุนการบริโภคเครื่องดื่มกลุ่มนี้มากขึ้น จะเห็นว่าสัดส่วนมูลค่าการใช้จ่ายเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2568 คาดว่าจ
กรมการค้าภายใน ยืนยัน น้ำอัดลม “เป๊ปซี่” ยังไม่ปรับขึ้นราคา วันที่ 31 พฤษภาคม 2565 นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวว่าบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมยี่ห้อ เป๊ปซี่ จะปรับราคาจำหน่ายทุกขนาดทุกแพ็กเกจ 1-2 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 65 กรมฯ ได้ตรวจสอบข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิตดังกล่าวแล้ว ได้รับการยืนยันว่ายังไม่ได้จะปรับราคาในวันที่ 1 มิ.ย. 65 ตามที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการได้ชี้แจงว่าปัจจุบันต้นทุนค่าบรรจุภัณฑ์ทั้งเม็ดพลาสติก กระป๋อง และค่าขนส่งได้ปรับสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับสูงขึ้น อย่างต่อเนื่อง อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมฯ ได้ติดตามสถานการณ์ราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างใกล้ชิด กรณีมีการปรับราคาจะต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นและไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคมากจนเกินไป ทั้งนี้ หากตรวจพบว่ามีการฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควร กักตุนสินค้าและปฏิเสธการจำหน่าย จะมีโทษจำคุก 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งหากปร
พาณิชย์ เบรกหัวทิ่ม! ห้ามขึ้นราคาน้ำอัดลม สั่งตั้งวอร์รูม แก้ปัญหาทุกจังหวัด วันที่ 17 มกราคม 2565 นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เรียกประชุมกระทรวงพาณิชย์เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง และมีข้อสั่งการให้ตั้งวอร์รูมโดยปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ทำหน้าที่ติดตามราคาสินค้า แก้ปัญหาและดำเนินคดีกับพวกฉวยโอกาสอย่างเต็มที่ และได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศในฐานะประธานกรรมการตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือ พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ระดับจังหวัด เป็นประธานวอร์รูมในระดับจังหวัด นอกจากนั้น ในเรื่องของราคาน้ำอัดลม นายจุรินทร์ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเรียกผู้ประกอบการมาพบ และนายจุรินทร์ได้สั่งการผ่านกรมการค้าภายในห้ามขึ้นราคาเด็ดขาด และยังได้สั่งการให้ทุกฝ่ายจะต้องช่วยดูแลประชาชนอย่างเต็มที่
อากาศร้อน! น้ำอัดลมขายดี สรรพสามิต จ่อขึ้นภาษีความหวานอีกรอบ สรรพสามิต – นายณัฐกร อุเทนสุต ผอ.สำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต เผยว่า จากอากาศที่กำลังร้อนขึ้นในช่วงนี้ ส่งผลให้การจัดเก็บน้ำอัดลมขายดี ทำให้การจัดเก็บภาษีน้ำอัดลมสูงขึ้น โดยพบว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบ 2562 คือในเดือนตุลาคม 2561 – กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา กรมสรรพสามิตสามารถจัดเก็บภาษีจากน้ำหวาน ตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ในเครื่องดื่มประเภทน้ำสี-น้ำอัดลม เพิ่มขึ้นจากประมาณการ 300 ล้านบาท หรือ 2-3% คาดว่าในปีนี้หลังจากการปรับขึ้นภาษีน้ำหวานอีกครั้งในเดือนตุลาคม 2562 จะมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีรวม 25,000 ล้านบาทต่อปี จากปีก่อนจัดเก็บภาษีได้ 22,000 ล้านบาทต่อปี ขณะนี้คนมีกำลังซื้อมากขึ้น ประกอบกับหน้าร้อนทำให้น้ำอัดลมขายดี นอกจากนี้การจัดเก็บภาษีจากค่าความหวาน ช่วยทำให้รายได้มากขึ้น เห็นได้จากก่อนนี้กรมฯมีรายได้เพียง 18,000 ล้านบาทต่อปี แต่พอขึ้นภาษีน้ำหวานเดือนกันยายน 2560 กรมฯ จัดเก็บรายได้เงินเพิ่มถึง 22,000 ล้านบาทต่อปี หรือเพิ่มขึ้นขึ้นประมาณ 4,000 ล้านบาท นายณัฐกร เผยต่อว่า การปรับขึ้นภาษีคว
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ เพจเฟซบุ๊ก *‘คลีนิกเด็กหมอสังคม – Sungkom Clinic – คลีนิกหมอ เด็ก’ *ซึ่งมี *รศ.นพ.สังคม จงพิพัฒน์วณิชย์ *อนุกรรมการผู้เชี่ยวชาญอนุสาขาวิชาโภชนาการในเด็ก ราช วิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เป็นแอดมินเพจ ได้โพสต์ข้อความเตือนพ่อแม่และผู้ปกครองที่ ปล่อยให้บุตรกินเครื่องดื่มชาเขียวต่างๆ ว่าส่งผลกระทบต่อร่างกายไม่ต่างจากน้ำอัดลม ว่าระวัง !!! อย่าให้เด็กดื่มเครื่องดื่มชาเขียว อันตรายต่อสุขภาพครับ เครื่องดื่มชาเขียว อันตรายพอๆกับน้ำอัดลม ชาเขียว 1 ถ้วยมีคาเฟอีน 30-60 มิลลิกรัม คาเฟอีนจะกระตุ้นระบบประสาททำให้นอนไม่หลับ และ กระตุ้นการทำงานของหัวใจทำให้หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น ความดันโลหิตสูงขึ้น จึงไม่เหมาะสำหรับเด็ก และผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ และเครื่องดื่มชาเขียวส่วนใหญ่มีการเติมน้ำตาลลงไปประมาณ 5% ทำให้เด็กและคนดื่มติดหวาน จน ไม่ยอมกินน้ำ นมหรืออาหารที่ไม่หวาน และการกินน้ำตาลมากเกินไปจะทำให้เป็นโรคอ้วน เบาหวาน และมีผลเสียต่อสุขภาพ *เครื่องดื่มชาเขียวจึงมีผลเสียต่อร่างกาย ไม่ควรให้เด็กและผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจดื่ม และโปรดจำ ไว้ว่า”เครื่องดื่มชาเขียว ยิ่งดื่ม ยิ่งอ้วน อันต
เมื่อวันที่ 17 เมษายน นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เข้าสู่ฤดูร้อน อุณหภูมิที่สูงขึ้น จึงทำให้รู้สึกกระหายน้ำ การดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวานหรือน้ำอัดลมจึงเป็นทางเลือกลำดับต้นๆ ซึ่งผลการศึกษา โดยเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน ในปี 2559 พบว่าคนไทยบริโภคน้ำตาลเฉลี่ย 39.4 กิโลกรัม หรือ 108 กรัมต่อวัน หรือ 27 ช้อนชาต่อวัน ซึ่งมากกว่าที่องค์การอนามัยโลกแนะนำถึง 5 เท่า และในปี 2560 พบอัตราโรคอ้วนในวัยเรียน ร้อยละ 10.15 โดยแหล่งอาหารที่เป็นที่มาสำคัญของการได้รับน้ำตาลมากเกินของเด็กไทย ได้แก่ น้ำอัดลมและนมเปรี้ยว ซึ่งการได้รับปริมาณน้ำตาลมากเกินความจำเป็นจะทำให้ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญหรือนำไปใช้ไม่หมด กลายเป็นไขมันสะสมในร่างกาย เป็นอีกหนึ่งสาเหตุให้ร่างกายหลั่งสารอินซูลินออกมามากเกินจำเป็น นพ.อรรถพล กล่าวอีกว่า ในระยะยาวร่างกายจะผลิตอินซูลินได้น้อยลง หรืออินซูลินที่ผลิตออกมาด้อยประสิทธิภาพจนทำให้ร่างกายเกิดโรคเบาหวานและโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่นๆ ตามมา จึงควรเริ่มต้นกินหวานให้น้อยลง สั่งหวานน้อยเป็นประจำให้เป็นนิสัย เป็นการสร้างความเคยชินในการรับรสตัวเองและกลายเป็นคนไม