น้ำแล้ง
มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ลงพื้นที่ชุมชนตำบลดงขี้เหล็ก จังหวัดปราจีนบุรี ชมความสำเร็จการบริหารจัดการน้ำชุมชน วันที่ 17 ส.ค. 2565 ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดร.รอยล จิตรดอน กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และผู้แทนจากภาคเอกชน ร่วมเยี่ยมชมจุดดำเนินงาน พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ชุมชนตำบลดงขี้เหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อดูตัวอย่างความสำเร็จของการบริหารจัดการน้ำชุมชน โดยมีบรรยายพิเศษในหัวข้อ วิกฤตทรัพยากร และวิกฤตเศรษฐกิจในยุคโควิด พร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การบริหารจัดการ ดิน น้ำ ป่า สู่ความมั่นคงทางเศรษฐกิจชุมชน และร่วมสรุปแนวทางรอดพ้นวิกฤตทรัพยากร และวิกฤตเศรษฐกิจ ชุมชนตำบลดงขี้เหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 35,189 ไร่ ประกอบด้วย 14 หมู่บ้าน มีประชากร 10,230 คน และ 2,224 ครัวเรือน เป็นชุมชนที่ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ แต่ประสบปัญหาน้ำแล้งทุกปี ขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและทำการเกษตร แต่พอถึงช่วงหน้าฝนจะประสบภาวะน้ำหลาก น้ำท่วมเป็นประจำ โดยเฉพาะบริเวณถนนสุวรรณศร ทำใ
ขนาดหน้าฝนยังแย่! พะเยาเริ่มจ่อวิกฤต อ่างเก็บน้ำแห้ง เหลือไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ถ้าฝนไม่ตก ในตำบลท่าจำปีต้องประสบกับภาวะภัยแล้งในช่วงฤดูแล้งที่จะมาถึงนี้อย่างแน่นอน อ่างเก็บน้ำแห้ง วันที่ 4 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพน้ำบริเวณอ่างเก็บน้ำตุ้มท่า ต.ท่าจำปี อ.เมือง จ.พะเยา ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของชาวบ้านใน ต.ท่าจำปี เริ่มมีปริมาณที่แห้งขอด หลังประสบกับภาวะฝนที่ไม่ตกลงมาบริเวณต้นน้ำของอ่างเก็บน้ำดังกล่าว จึงส่งผลให้ปริมาณน้ำในขณะนี้ถึงแม้จะอยู่ในช่วงของฤดูฝน แต่มีปริมาณน้ำเหลือเพียงไม่ถึง 20% ซึ่งสภาพบริเวณท้องอ่าง สามารถมองเห็นเนินดินและผิวดินอยู่ทั่วบริเวณกว้าง ซึ่งมีมากกว่าปริมาณน้ำของอ่างเก็บน้ำที่มีอยู่ในขณะนี้ โดยคาดว่าสถานการณ์น้ำที่มีปริมาณน้อยดังกล่าวนั้น จะส่งผลกระทบในช่วงของฤดูแล้งที่จะมาถึงอย่างแน่นอน กับสภาวะขาดน้ำหากไม่มีฝนตกลงมาเติมบริเวณอ่างเก็บน้ำในช่วงนี้ และก็จะทำให้พื้นที่ ในตำบลท่าจำปีต้องประสบกับภาวะภัยแล้งในช่วงฤดูแล้งที่จะมาถึงนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากอ่างเก็บน้ำดังกล่าวนั้น เป็นอ่างเก็บน้ำที่ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ท่าจำปี ถือว่าเป็นอ่างเก็บน้ำหลักที่สำคัญที่เกษตรก
“ช่วงน้ำแล้ง” ถือเป็นมหันตภัยร้ายของเกษตรกรไทยที่จะต้องประสบในทุกๆ ปี เนื่องจากเมื่ออยู่ในภาวะน้ำแล้ง การสูบน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาตินั้นย่อมเป็นไปได้ยาก ดังนั้น เกษตรกรไทยยุคใหม่ จึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันผ่านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ สู่ “เกษตรกรไทย 4.0” ที่สามารถประยุกต์ใช้เทคโนยีเข้ากับวิถีการเกษตรได้อย่างชาญฉลาด อีกทั้งยังสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน เพื่อเป็นการขจัดปัญหาการสูญเสียทรัพยากรต่างๆ โดยไม่จำเป็น พร้อมทั้งยังได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้น คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดตัว “สมาร์ทฟาร์มคิท” ชุดอุปกรณ์ควบคุมการรดน้ำอัจฉริยะต้นทุนต่ำ เสริมแกร่งเกษตรกรไทยยุค 4.0รับภัยแล้งพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนผ่านส่วนประกอบ3 ส่วน คือ 1) ระบบควบคุมการเปิด-ปิดน้ำการสั่งเปิด-ปิดระบบรดน้ำพืชผลในแปลงเกษตร พร้อมตั้งเวลาเปิด-ปิดน้ำได้ตามต้องการ 2) ระบบเซ็นเซอร์ติดตามสภาพอากาศการตรวจวัดอุณหภูมิและความชื้นในดินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม 3) ระบบสั่งการผ่านสมาร์ทโฟน การติดตามผล พร้อมสั่งรดน้ำและให้ปุ๋ยแก่พืชตามต้องการ ทั้งนี้ สมาร์ทฟาร์มคิท ช่วยควบคุมปริมาณก