บัญชี
สองสาวพี่น้อง ยอมรับสารภาพ ปลอมเลขที่บัญชี บิณฑ์ เอาเงินเข้าตัวเอง! จากกรณี นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ดารา-นักแสดงชื่อดัง และผู้จัดการฝ่ายกิจการพิเศษมูลนิธิร่วมกตัญญู ถูกมิจฉาชีพสวมรอยนำภาพพร้อมข้อความการประกาศนำเงินและรับบริจาคไปช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยในจ.อุบลราชธานี โดยมีการปลอมแปลงเลขบัญชีธนาคาร เพื่อหลอกลวงผู้มีจิตศรัทธาให้โอนเงินก่อนนำไปโพสต์บนโลกสังคมออนไลน์ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น อ่าน สาวโผล่ อ้างไม่รู้ชื่อ เลขที่บัญชี อยู่บนโพสต์บริจาคน้ำท่วม บิณฑ์ ได้ยังไง โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องดูเจตนาของผู้ที่โพสต์นั้นว่ามีนัยแอบแฝงหรือไม่อย่างไร หากมีเจตนาเพื่อมีจุดประสงค์ให้ประชาชนเกิดหลงเชื่อว่าบัญชีที่โพสต์และนำรูปผู้เสียหายซึ่งเป็นบัญชีที่รับบริจาคน้ำท่วมไปหลอกลวงจริง จะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับเช่นกัน ล่าสุด พบว่า เพจ ข่าวนกกระจอก ได้ให้บิณฑ์ ต่อสายคุ
จ๊อบไทยสรุปตัวเลขของประเภทงานที่เปิดรับสมัครมากที่สุด 5 อันดับแรกในไตรมาส 1 ประจำปี 2562 ซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานมากที่สุด โดยประเภทงานที่มีการเปิดรับสมัครมากที่สุดจากทั่วประเทศ ได้แก่ 1. ขาย จำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 36,600 อัตรา 2. ช่างเทคนิค จำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 20,200 อัตรา 3. ผลิต/ควบคุมคุณภาพ จำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 15,377 อัตรา 4. ธุรการ/จัดซื้อ จำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 15,231 อัตรา และ 5. บัญชี จำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 12,765 อัตรา ตามลำดับ ซึ่งจะเห็นได้ว่างานที่มีความต้องการแรงงานมากที่สุดก็ยังเป็นงานขาย ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญของทุกองค์กร รองลงมาคือช่างเทคนิคและผลิต/ควบคุมคุณภาพที่สอดรับการกับขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ นอกจากนี้จากการวิเคราะห์ยังเผยให้เห็นข้อมูลของ 3 ประเภทงานที่มีความต้องการแรงงานเติบโตมากที่สุดในช่วงไตรมาส 1 ประจำปี 2562 คือ โยธา/ก่อสร้าง เติบโตเฉลี่ยคิดเป็น 11.69% ตามมาด้วย ช่างเทคนิค คิดเป็น 4.09% และ คอมพิวเตอร์/ไอที คิดเป็น 3.21% นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการจ๊อบไทย (JobThai) กล่าวว่า ทั้งนี้จะเห็นไ
กรมบัญชีกลางจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดให้ผู้มีสิทธิรับเงินทั่วประเทศ ผ่านระบบสวัสดิการสังคม ตามโครงการ National e-Payment รอบแรกกว่า 56,400 ราย เป็นเงินกว่า22.6 ล้านบาท ส่วนที่เหลือได้รับเงินภายใน ก.ย. แน่นอน นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ในวันนี้ (9 ก.ย. 59) กรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินสวัสดิการจากภาครัฐ ให้กับประชาชนโดยตรงตามนโยบายของรัฐบาล โดยนำร่องการจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ผ่านระบบสวัสดิการสังคมตามโครงการ National e-Payment เป็นโครงการแรก ซึ่งกรมบัญชีกลางได้จัดทำระบบการจ่ายเงินสวัสดิการสังคมเพื่อให้สามารถรองรับการจ่ายเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีสิทธิโดยวิธีการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคาร ทั้งนี้ได้มีการประสานความร่วมมือจากกรมกิจการเด็กและเยาวชน ในด้านการจัดทำข้อมูล และกรมการปกครอง ในด้านการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าว เพื่อให้สามารถจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิได้ตรงตัว ไม่ซ้ำซ้อน โดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิโดยตรง พร้อมกันทั่วประเทศ ในอัตราเดือนละ 400 บาท ให้ครบทุกคน ภายในเดือนกันยายนนี้แน่นอน สำหรับรอบแรกจะจ่ายพร้อมกั