บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
เปิดไทม์ไลน์ล่าสุด! ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 2568 ทั้งคนเก่าคนใหม่ เช็กเลยเปิดให้ยืนยันตัวตน-ประกาศผลตอนไหนบ้าง ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 2568 กระทรวงการคลัง เตรียมจะเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ทั้งผู้ถือบัตรเก่า และคนใหม่ เพราะขณะนี้จะครบ 2 ปีแล้ว เพื่อเป็นการทบทวนคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการใหม่ โดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบทบทวนมติครม. เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2565 เรื่อง โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 โดยปรับรอบการลงทะเบียนจาก 1 ปีเป็น 2 ปี เบื้องต้นลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 2568 มกราคม 2568 เปิดให้ลงทะเบียนทั้งคนเก่าและคนใหม่ มีนาคม 2568 ประกาศผล เปิดให้ยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ เมษายน 2568 เริ่มใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรรอบใหม่ สำหรับเว็บไซต์ ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 2568 กระทรวงการคลังเตรียมปรับปรุงเว็บไซต์เดิมเพื่อรองรับการลงทะเบียนรอบใหม่ โดยกระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าน่าจะมีผู้ลงทะเบียนประมาณ 10 ล้านราย คุณสมบัติ ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ เบื้องต้น อายุ 18 ปีขึ้นไป รายได้ไม่เกิน 100
คลัง เร่งจ่ายเงินหมื่นซ้ำ! หลังโอนไม่สำเร็จ 3.8 แสนราย ใครยังไม่ได้ เตรียมรับ 21 ต.ค. นี้ โอนซ้ำรอบแรก วันที่ 17 ต.ค. 2567 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25, 26, 27 และ 30 ก.ย. 2567 กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลาง ได้จ่ายเงินให้กับกลุ่มเป้าหมายตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสามารถจ่ายเงินให้ผู้มีสิทธิรวมทั้งสิ้น 14,438,628 ราย จ่ายสำเร็จ 14,057,341 ราย จ่ายไม่สำเร็จ 381,287 ราย ดังนั้น กรมบัญชีกลางจึงได้กำหนดวันจ่ายเงินตามโครงการฯ ในรอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ให้แก่ผู้มีสิทธิกลุ่มดังกล่าวให้เร็วขึ้น โอนครั้งที่ 1 จ่ายเงินวันที่ 21 ต.ค. 2567 ทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการภายในวันที่ 10 ต.ค. 2567 ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน/แก้ไขบัญชีภายในวันที่ 18 ต.ค. 2567 โอนครั้งที่ 2 จ่ายเงินวันที่ 21 พ.ย. 2567 ทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการภายในวันที่ 12 พ.ย. 2567 ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน/แก้ไขบัญชีภายในวันที่ 18 พ.ย. 2567 โอนครั้งที่ 3 จ
เปิดเงื่อนไข! ลงทะเบียน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ เช็กรายละเอียดได้ที่นี่ สำหรับ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในช่วงต้นปี 2568 หรือประมาณเดือน มี.ค. กระทรวงการคลังวางแผนว่า จะเปิดให้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน รอบใหม่ เพราะขณะนี้กำลังจะครบ 2 ปี หลังจากรอบล่าสุดที่เปิดลงทะเบียน เมื่อปลายปี 2565 เมื่อวันที่ 5 ก.ย. – 31 ต.ค. เพื่อเป็นการทบทวนคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการใหม่ โดยวางแผนไว้ว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะทบทวนผู้มีสิทธิกันใหม่ทุกๆ 2 ปี เพราะบางคนอาจจะมีคุณสมบัติที่หลุดจากเกณฑ์ไปแล้ว หรือบางคนที่ไม่ได้สิทธิ คุณสมบัติอาจจะผ่านในรอบนี้ ซึ่งรอบที่แล้วเดิมมีผู้ลงทะเบียนกว่า 14.9 ล้านคน แต่ปัจจุบันเหลืออยู่ราว 13.5 ล้านคน เพราะส่วนหนึ่งก็เสียชีวิตไป เกณฑ์คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ เบื้องต้นคาดว่าจะยังไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมคือ ลงทะเบียนรายบุคคล และตรวจสอบคุณสมบัติเป็นรายบุคคลและครอบครัว ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีรายได้คนละไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ภายในครอบครัว มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่
รู้ยัง! ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขึ้น BTS ฟรี เดินทางได้ทุกสถานี วงเงิน 750 บาท/เดือน อัปเดตกันอีกครั้ง ผู้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประชาชน เดินทางบีทีเอสได้ทุกสถานี! โดยทางเพจ รถไฟฟ้าบีทีเอส ได้แนะนำขั้นตอน ไว้ดังนี้ นำบัตรประชาชนของผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารทุกสถานี และบอกสถานีปลายทาง สำหรับค่าโดยสาร จะหักจากเงินสวัสดิการเพื่อการเดินทางทุกประเภท โดยในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะมีวงเงินสวัสดิการท่านละ 750 บาท/เดือน อย่างไรก็ตาม สงวนสิทธิ์จำหน่ายตั๋วโดยสาร ให้กับผู้เป็นเจ้าของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเท่านั้น รายละเอียดการใช้งานดังนี้ ต้องมีเงินเพื่อการเดินทาง ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขั้นต่ำ 17 บาท เพื่อให้ออกบัตรโดยสารราคาต่ำสุดได้ หากเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่พอค่าโดยสาร เจ้าหน้าที่จะออกบัตรโดยสารราคาต่ำสุด 17 บาท และให้ท่านไปจ่ายส่วนต่างด้วยเงินสด ที่สถานีปลายทาง ซื้อบัตรโดยสารได้ครั้งละไม่เกิน 2 ใบสำหรับการเดินทางขาไป และขากลับ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง (วงเงินสวัสดิการ 750 บาท/เดือน) สอบถามเพิ่มเติม : @btsskytrain ขอบคุณข้อมูล
เงินหมื่นมาแน่! รมว.คลัง ย้ำ แจกเงินหมื่นกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน ปลายเดือนกันยายนนี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลจะดำเนินการแจกให้กลุ่มเปราะบาง คาดว่าจะโอนเงินได้ในช่วงวันที่ 20 ก.ย. เป็นต้นไป ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ต้องรอ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ในวันที่ 12-13 กันยายน “รัฐบาลจะโอนเงิน 10,000 ให้กลุ่มเปราะบางเป็นกลุ่มแรก น่าจะสักช่วงวันที่ 20 ก.ย. นี้ ทั้งนี้ กลุ่มดังกล่าว มีผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 13.5 ล้านคน ส่วนผู้พิการนั้นมี 2.2 ล้านคน แต่บางคนก็อยู่ในกลุ่มบัตรสวัสดิการฯ อยู่ด้วย ซึ่งต้องตัดออกให้ข้อมูลไม่ซ้ำซ้อนกัน ก็น่าจะเหลือ 14.5 ล้านคน” นายพิชัย กล่าว สำหรับโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต เงินดิจิทัล 10,000 บาท จะปิดลงทะเบียนสำหรับกลุ่มที่มีสมาร์ทโฟน ในวันที่ 15 ก.ย. 2567 ตามกำหนดการเช่นเดิม โดยตอนนี้มีผู้ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐแล้ว 32 ล้านคน จากนั้นจะเปิดให้กลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ลงทะเบียนวันที่ 16 ก.ย. 2567 ไปจนถึงวันที่ 15 ต.ค. 2567 ส่วนใครที่ยังไม่ลงทะเบียน ยังมีเวลาเหลือถึงวันที่ 15 ก.ย. นี้ ข้อมูลจาก ข่าวสดออน
ดิจิทัลวอลเล็ต ได้ไปต่อ! แต่ปรับเงื่อนไข แจกเงินสดผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ครั้งเดียว 10,000 บาท วันที่ 21 ส.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยในสมัยรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อมาถึงรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กลับมีกระแสข่าวว่าโครงการจะถูกล้ม แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตยังเดินหน้าต่อ สอดคล้องกับที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ว่าดิจิทัลวอลเล็ต มีทางไปและมีทางออกที่ดี แต่ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียด ขอให้ขั้นตอนทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจะแถลงครั้งเดียว แหล่งข่าวระบุว่า การเดินหน้าของโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต จะมีการปรับเงื่อนไขเบื้องต้น จะเป็นการแจกเงินให้กับกลุ่มเปราะบางที่ลงทะเบียนไว้ก่อนเป็นอันดับแรกในวงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ตามที่สภาเห็นชอบอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท มาใช้แจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะเป็นการแจกเงินสดผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ในครั้งเดียว จำนวน 10,000 บาท โดยไม่กังวล
เสียงจากค้าปลีกภูธร สแกนใบหน้า บัตรคนจน พายอดขายฝืด เพราะขั้นตอนยุ่งยาก เป็นภาระประชาชน เมื่อวันที่ 16 มีนาคม นายมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากกระทรวงการคลังให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต้องมีการสแกนใบหน้าควบคู่กับการใส่รหัสคู่บัตร (PIN Code) จำนวน 6 หลัก ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ขณะนี้ที่ร้านประสบปัญหาแล้ว เนื่องจากขั้นตอนยุ่งยากมากขึ้น ทำให้การใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐลดจากเดิมเคยได้วันละ 300 ใบ เหลือ 80 ใบ และคาดว่าช่วงต้นเดือนซึ่งเป็นช่วงเงินเดือนออก จะทำให้เกิดความโกลาหลมากขึ้นอย่างแน่นอน นายมิลินทร์ กล่าวว่า อีกปัญหาที่พบคือ ผู้ป่วยติดเตียงที่ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่สามารถเดินทางมาได้ จะมีผู้ถือบัตรมาแทนนั้น พบว่าก็มีปัญหาเช่นกัน เพราะไม่สามารถสแกนแทนได้ ต้องมีใบรับรองจากโรงพยาบาลว่าเป็นผู้ป่วยติดเตียงจริง และต้องนำไปรับรองดังกล่าวยืนยันกับธนาคารเพื่อดำเนินการอนุมัติ ถึงจะสามารถรูดบัตรแทนได้ ดังนั้น ในขณะนี้ผลจากการปรับเกณฑ์ใหม่ ได้สร้างความวุ่นวาย และสร้างภาระให้กับประชาชนผู้ถือบ
เริ่มแล้ววันนี้ ผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จ่ายผ่านแอปถุงเงิน ต้องสแกนใบหน้าและใส่รหัส 6 หลัก เมื่อวันที่ 11 มี.ค. นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เพื่อให้การรับชำระค่าสินค้าและบริการผ่านสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐจากแอปพลิเคชันถุงเงินเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และโปร่งใส รัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง ได้กำหนดวิธีการรับชำระค่าสินค้าและบริการ ด้วยวิธีการสแกนใบหน้าควบคู่กับการใส่รหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. นี้ เป็นต้นไป ผู้มีสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐที่ไปใช้สิทธิที่ร้านค้าหรือผู้ประกอบการที่รับชำระค่าสินค้าผ่านแอปพลิเคชันถุงเงิน จะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมกดรหัสคู่บัตร PIN 6 หลัก และให้ร้านค้าหรือผู้ประกอบการสแกนใบหน้าทุกครั้ง ยกเว้นกลุ่มผู้มอบอำนาจให้ดำเนินการแทน เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ ผู้สูงอายุที่เดินทางไปยืนยันตัวตนเองไม่ได้ เป็นต้น และกลุ่มผู้ที่สแกนใบหน้าไม่ผ่านตั้งแต่ขั้นตอนยืนยันตัวตน (e-KYC) นายคารม กล่าวว่า สำหรับกรณีที่รหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก ถูกล็อก ให้ดำเนินการ ดังนี้ 1. หากผู้ใช้สิทธิยังจำรหัสเดิมได้ สามารถติดต่อ
รอบเก็บตก บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มใช้สิทธิ 1 พ.ค. นี้ เช็กเลย ได้สิทธิอะไรบ้าง วันที่ 11 เมษายน 2566 หลังจากผู้ผ่านเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ยืนยันตัวตนเรียบร้อยก่อนวันที่ 26 มี.ค. 2566 จำนวนทั้งสิ้น 12,565,862 ราย เริ่มใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2566 ไปแล้ว สำหรับการใช้สิทธิรอบต่อไป จะเป็นผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตน ระหว่างช่วงวันที่ 27 มี.ค.-26 เม.ย. 2566 ซึ่งจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2566 เป็นต้นไป โดยสิทธิสวัสดิการที่จะได้รับ มีดังนี้ 1. วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้า) และร้านอื่นๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน ตั้งแต่เวลา 05.00-23.00 น. 2. วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ตั้งแต่เวลา 05.00-23.00 น. (กระทรวงพาณิชย์ ช่วยเพิ่มอีก 20 บาทต่อคนต่อเดือน รวมเป็น 100 บาทต่อคนต่อเดือน จนถึงเดือน มิ.ย. 2566) 3. วงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 750 บาทต่อคนต่อเดื
กดรหัสบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผิดเกิน 3 ครั้ง แก้ไขได้ ตามวิธีนี้ วันที่ 5 เมษายน 2566 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการใช้สิทธิภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2566 ผ่านบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566 ณ วันที่ 5 เมษายน 2566 เวลา 13.00 น. มีมูลค่าการใช้สิทธิสะสมจำนวนกว่า 2,644.60 ล้านบาท จากผู้มีสิทธิ จำนวนกว่า 8.67 ล้านราย “ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้สิทธิในวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด และวงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะตามลำดับ” อย่างไรก็ดี ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 ซึ่งเป็นวันแรกที่มีการเริ่มใช้สิทธิ พบว่า ผู้มีสิทธิบางส่วนที่ยืนยันตัวตนที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำเร็จแล้ว โดยเมื่อไปใช้สิทธิที่ร้านธงฟ้า