ปิดสถานบันเทิง
ศบค. เคาะคำสั่ง ปิดสถานบันเทิง 41 จังหวัด 14 วัน เริ่มคืนนี้ วันที่ 9 เม.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวว่า ร่างข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉบับที่ 19 เห็นชอบ ข้อ 1 คือ สถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน ที่ตรวจพบการระบาด มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคที่จำเป็น ต้องดำเนินการในระยะเร่งด่วน จำนวน 41 จังหวัด ให้ปิดเป็นการชั่วคราวอย่างน้อย 14 วัน ตั้งแต่ เที่ยงคืนวันนี้-23 เม.ย.64 โดยสถานบริการที่อยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดอื่น นอกจากบัญชีแนบท้าย ผู้ว่าราชการจังหวัด อีก 36 จังหวัดที่เหลือ มีอำนาจในการดำเนินการตามกฎหมาย ในการสั่งปิดสถานบริการได้ หากมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ ในประกาศ ข้อ 2 การพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ เพื่อให้การจัดการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค เนื่องจากแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันของสถานการณ์ ให้ผู้ว่าฯ สามารถตรวจสอบ กลั่นกรอง และประเมินความเหมาะสมก่อนเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ในการพิจารณาอนุญาตให้ผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการกับสถานที่ที่ได้มีคำสั่งให้
ชีวิตนักร้อง! “แอ๊ว” ครวญ ไร้ทุนค้าขาย ไม่มีอาชีพเสริม วอนรัฐบาลเมตตาด้วย คุณแอ๊ว –ทัศนัย สีมันตะ นักร้องหนุ่มใหญ่ วัยห้าสิบเศษ พื้นเพเป็นคนยโสธร เรียนจบชั้น ป.4 ออกจากโรงเรียน เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ อาศัยอยู่กับญาติแถวปิ่นเกล้าฯ ทำงานครั้งแรกในโรงกลึง ย่านดาวคะนอง ทำอยู่หลายปี ย้ายมาอยู่กับอาในซอยโรงพยาบาลเจ้าพระยา ก่อนอาแนะนำให้ไปเรียนตัดผม พอกลางคืนให้ไปสมัครเสิร์ฟที่สวนอาหารแถวตลิ่งชัน “เป็นเด็กเสิร์ฟอยู่นานพอสมควร พอดีที่ร้านเขามีนักร้อง ตัวเราชอบร้องเพลงอยู่แล้ว เลยสมัคร จนได้ขึ้นเวที ตอนอยู่สวนอาหารโพธิ์ทอง ตลิ่งชัน ต่อมาย้ายมาร้องที่คาเฟ่แถวปิ่นเกล้าฯ จนกระแสคาเฟ่ซาไป ร้านอาหารอีสานบูมแทน เลยสมัครเป็นนักร้องในสวนอาหารอีสานมาจึงถึงวันนี้ ร้านล่าสุด คือ อีสานฟองแก้ว อยู่หลังห้างพาต้า ปิ่นเกล้าฯ” คุณแอ๊ว ย้อนความทรงจำให้ฟัง ก่อนเล่าต่อ ช่วงมาทำงานที่กรุงเทพฯ พยายามเรียนหนังสือต่อ แต่ไม่มีใครแนะนำ กระทั่งมามีโอกาสได้เรียนเมื่อไม่นานนี้ “พาหลานจากบ้านนอกมาเรียนมัธยมฯ ในกรุงเทพฯ แต่เขาเกเร โดดเรียน อาจารย์ไม่ไหว เลยแนะนำให้พาไปเรียนกศน. ก็พาหลานไป พอสมัครเสร็จ ถามอาจารย์ว่า ผมอายุมา
สถานบันเทิง ชี้! ไม่ปิดตอนนี้ อาจไม่มีอะไรให้ปิด ต้องยอมเจ็บ เพื่อรักษาประเทศ คุณปกรณ์กิตติ์ นนท์ธนาวงศ์ หุ้นส่วนสำคัญกิจการ “อีสานตะวันแดง สาดแสงเดือน” ย่านคลองตัน กรุงเทพฯ ให้สัมภาษณ์ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” กรณี กิจการในความดูแล ได้แจ้งทำการหยุดให้บริการชั่วคราว ตามแถลงการณ์ของรัฐบาล ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา และจนกว่าจะมีการประกาศเปิดให้บริการอีกครั้งว่า ร้านอีสานตะวันแดงฯ เปิดให้บริการมานานราว 24 ปีแล้ว ปัจจุบันมีวงดนตรีหนึ่งวงใหญ่ นักร้องชายหญิง ประมาณ 40 คน และพนักงานเสิร์ฟอีกราว 30 คน ส่วนการที่รัฐบาลมีมาตรการให้ปิดสถานบันเทิงยามค่ำคืน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น เขามองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องยอมเสียสละ เพราะถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ เสียหายมากขึ้นๆ เมื่อถึงวันนั้น คงไม่มีสถานบันเทิงอะไรให้ปิดอีกแล้ว “เรื่องนี้ มันเจ็บกันทุกคนแหละครับ ผมรับรองได้ แต่ถ้าไม่เจ็บตอนนี้ ต่อไปจะยิ่งหนัก เมื่อถึงจุดที่เอาไม่อยู่ ความเสียหายคงไม่ใช่เฉพาะตัวเรา ไม่ใช่เฉพาะธุรกิจของเรา แต่ประเทศจะยิ่งแย่” คุณปกรณ์กิตติ์ บอกอย่างนั้น และว่า “เ