ฝุ่น
ตรุษจีน 68 ขนม-ผลไม้-เนื้อสัตว์ คึกคักขึ้น แต่ ‘กงเต๊ก’ ขายไม่ออก คนห่วงเรื่องฝุ่นที่มาจากการเผา วันที่ 27 มกราคม 68 ตรงกับวันจ่าย ผู้คนต่างออกมาจับจ่ายใช้สอยเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการไหว้ในวันพรุ่งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตลาดย่านประชานิเวศน์ 1 โดยมีคนไทยเชื้อสายจีนเข้ามาจับจ่ายบางตา ด้วยสภาพเศรษฐกิจมีส่วนให้ผู้คนประหยัดเงินกันมากขึ้น หรือแม้แต่พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ไม่ได้ยึดติดหรือจำเป็นต้องจัดของไหว้ชุดใหญ่ตามแบบคนรุ่นก่อนทำมา พ่อค้าแม่ค้าจึงต้องปรับตัวและตามพฤติกรรมของผู้บริโภคให้ทันเพื่อความอยู่รอด ร้านขนมน้ำเพชร กล่าวว่า ลูกค้าจะมาเป็นบางช่วง เนื่องจากวันจ่ายไม่ได้ตรงกับวันหยุด ปีที่แล้วก็ไม่ได้ตรงกับวันหยุด แต่มีความรู้สึกว่าปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว คึกคักกว่า ถึงแม้ต้นทุนแต่ละอย่างสูง แต่ทางร้านก็ไม่อยากปรับราคาขึ้น เพราะเข้าใจ หากปรับราคาสูงลูกค้าก็จะหนี ด้วยประสบการณ์จากปีที่แล้ว ไม่ได้เตรียมของไว้เยอะยังขายยาก ดังนั้น ปีนี้เลยไม่ได้กักตุนสินค้าไว้เยอะเท่าไหร่ อีกเรื่องคือ เงินดิจิทัล มีความคิดว่าไม่ได้มีผลช่วยกระตุ้นเท่าไหร่ เพราะคนเริ่มไหว้เจ้ากันน้อยลง พอมาคนรุ่
PM2.5 ฝุ่นพิษฉุดรั้งเศรษฐกิจไทย! ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท สภาพแวดล้อมในประเทศไทยตอนนี้ ฝุ่น PM2.5 ปกคลุมเกือบทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งส่งผลให้คนไทยป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศที่เพิ่มมากขึ้น แต่พิษร้ายของตัวปัญหาอย่าง PM2.5 ไม่ใช่แค่ทำร้ายร่างกายเท่านั้น แต่ยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอีกด้วย โดยทางศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้คาดคะเนถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน ปกคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตประจำวัน สะท้อนจาก ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เฉลี่ยสูงกว่าระดับ 100 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ต่อเนื่องติดต่อกันเกิน 1 สัปดาห์ (18-26 มกราคม 2568) ทำให้คนบางกลุ่มต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะด้านสุขภาพ คนไทยป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวกับมลพิษทางอากาศเพิ่มขึ้น หนึ่งในปัจจัยกระตุ้นคือ มลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละออง PM2.5 จากสถิติ พบว่า ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศทั้งหมด 13 โรค ทั่วประเทศมีอย
4 สมุนไพร ต้านภัย PM2.5 หาได้ง่ายๆ เสริมภูมิคุ้มกันได้ด้วยตัวเอง ช่วงนี้ค่าฝุ่นในกรุงเทพฯ ขึ้นสูงเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม ซึ่งเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ มีสมุนไพรมาแนะนำ 4 ตัว ที่ช่วยในเรื่องภูมิคุ้มกัน และป้องกันไข้หวัด มีอะไรบ้างไปดูกันเลยย หญ้าดอกขาว จัดเป็นพืชที่หาได้ง่าย มีอยู่ทั่วไป รสเย็น มีสรรพคุณที่สามารถรักษาได้อย่างมากมายทั้ง บรรเทาอาการไข้ทับระดู ช่วยลดไข้ ไข้มาลาเรีย เป็นยาล้างปอดที่ดีจึงช่วยบรรเทาอาการไอ แก้เจ็บคอ ใช้รักษาอาการปวดได้ ทั้งปวดท้อง โรคกระเพาะ ปวดเมื่อย และปวดข้อ สามารถนำมาใช้ได้ทั้งต้น วิธีใช้สามารถนำทั้งต้นและใบไปต้มกับน้ำแล้วนำมาดื่ม รางจืด สามารถรักษาโรคไข้หวัด รักษาโรคติดเชื้อในกระแสเลือด สามารถต้านและกำจัดเชื้อโรคบางชนิดในกระแสเลือด ข้อควรระวังคือ รางจืดเป็นสมุนไพรที่ไม่เหมาะสำหรับกินต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานเพราะอาจมีผลกับตับ ไต และระบบเลือด มะขามป้อม สมุนไพรชนิดนี้อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงเชื่อกันว่ามีฤทธิ์ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ต้านการอักเสบ ช่วยรักษาโรคหลากหลาย เช่น ลดคอเลสเตอรอลในเลือด ลดการแข็งตัวของห
ฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ดูแลตัวเองยังไง แนะ 7 วิธีรับมือ PM2.5 จากสถานการณ์ ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินมาตรฐานในหลายพื้นที่ ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของเรา ในการเฝ้าระวังและป้องกันตนเองจาก PM2.5 ควรปฏิบัติอย่างไรบ้าง นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระบบต่างๆ เช่น ระบบตา ผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ และระบบหัวใจและหลอดเลือด หากร่างกายได้รับสัมผัส PM2.5 เข้าไป จะก่อให้เกิดอาการต่างๆ โดยความรุนแรงของอาการมีตั้งแต่ระดับเล็กน้อย เช่น แสบตา คันตา น้ำตาไหล คัดจมูก มีน้ำมูก แสบจมูก แสบคอ ไอแห้งๆ คันตามร่างกาย มีผื่น อาการระดับปานกลาง เช่น ตาแดง มองภาพไม่ชัด เลือดกำเดาไหล เสียงแหบ ไอมีเสมหะ หัวใจเต้นเร็ว และอาการระดับรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด เหนื่อยง่าย หากมีอาการรุนแรง ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที การเฝ้าระวังและป้องกันตนเองจาก PM2.5 รองอธิบดีกรมอนามัย แนะนำดังนี้ 1. ติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศ จากสื่อหรือช่องทางต่างๆ ในพื้นที่ ได้แก่ โทรทัศน์ วิทยุชุมชน เป็นต้น โดยให้สังเกตสีเป็นหลัก หากเป็นสีส้มและสีแดง ซึ่ง
แจกสูตร ลูกกลอนดูแลปอด ด้วยสมุนไพร ภูมิปัญญาไทย สู้ภัยฝุ่น PM2.5 ดร.ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวแสดงความเป็นห่วงสุขภาพของประชาชน ในช่วงที่มีการเผชิญกับฝุ่น PM2.5 ต่อเนื่องมาหลายเดือนว่า กลุ่มที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ ผู้ป่วยกลุ่มที่มีภาวะ “ภูมิแพ้อากาศ” ผู้ป่วยกลุ่มนี้ไวกับฝุ่น PM2.5 มีโอกาสที่จะกำเริบได้ แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเป็นตัวกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละอองในบ้าน ควันบุหรี่ ควันธูป กลิ่นน้ำหอมแรงๆ สารเคมีต่างๆ ผู้ป่วยควรจะสังเกตว่ามีปัจจัยอะไรที่สัมผัสแล้วทำให้อาการกำเริบ และหลีกเลี่ยง “การกำเริบของอาการภูมิแพ้จะเกิดในช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ หรือมีภูมิต้านทานต่ำ ดังนั้น ต้องทำให้ร่างกายแข็งแรงตลอดเวลา ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และกินอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งจากงานวิจัยในปัจจุบันพบว่า อาหารที่มีเคอร์ซิติน ที่มีอยู่มากในแอปเปิ้ล ผลไม้ตระกูลเบอร์รี หัวหอม กระหล่ำ บร็อกโคลี ชาเขียว มีฤทธิ์ต้านการหลั่งสารที่ทำให้เกิดการแพ้ หรือฮีสตามีน” “การรับประทานวิตามินซี เช
จะดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อ PM2.5 ของไทย ขึ้นอันดับต้นของโลก “เมืองฝุ่นเยอะที่สุด” ผ่านมา 3 วัน ที่ค่าฝุ่น PM2.5 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากกว่า 150 ไมโครกรัม ถือว่าเป็นเมืองอันดับต้นๆ ของโลกที่มีค่าฝุ่นเกินกว่าค่าที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ที่ 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทำให้ตลอด 3 วันมานี้ มีการพูดถึงปัญหา วิธีการจัดการ และการแก้ปัญหาต่างๆ อย่างมากมาย เมื่อค่าฝุ่นมีปริณมาณสูงจะส่งผลเสียต่อร่างกายในหลายด้าน ทั้งเรื่องของทางเดินหายใจและปอดจะเกิดอาการระคายเคือง ไอ จาม มีเสมหะ หากสูดดมมากเกินไปก็ก่อให้เกิดมะเร็งได้ นอกจากนี้ ยังรวมถึงภัยต่อหัวใจ ภัยต่อสมอง ทั้งหมดนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ วิธีการหลีกเลี่ยงฝุ่น ควรงดกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อลดความเสี่ยงในการสูดดมฝุ่น PM2.5 หากจำเป็นต้องออกข้างนอกหรือในพื้นที่ที่มีปริมาณค่าฝุ่นสูงควรใส่หน้ากาก N95 หรือแมสก์ที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นอีกทางเลือกตามความเหมาะสม ทั้งนี้ หากอยู่ในบ้านก็สามารถหาต้นไม้ฟอกอากาศที่ใช้งบประมาณไม่สูงมาทดแทนชั่วคราวได้ หรือกรณีที่มีปัจจัยที่เหมาะสม เครื่องฟอกอากาศ ก็เป็นวิธีการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพที่จะพ
นักวิทยาศาสตร์ไทยแนะ 9 ข้อปฏิบัติตัวป้องกันไวรัส-ฝุ่น เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ข้อปฏิบัติตัวป้องกันไวรัส – นอกจากสถานการณ์ทางการเมืองอันร้อนระอุที่ประชาชนต่างตื่นตัวและให้ความสนใจกันแล้ว สถานการณ์การแพร่ระบาดของ ‘ไวรัสโควิด-19′ เอง ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องตามติดกันอยู่ เพราะถือเป็นโรคทึ่ต้องคอยเฝ้าระวังอย่างมากเลยทีเดียว ผู้รู้หลายๆ ท่าน ต่างออกมาแนะมาตรการรับมือกับไวรัสดังกล่าวกันหลากหลาย จนผู้เสพข่าวบางคนเกิดอาการวิตกกังวล จนไม่กล้าออกนอกบ้านกันเลยทีเดียว นายนำชัย ชีววิวรรธน์ ผู้อำนวยการฝ่ายเผยแพร่วิทยาศาสตร์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “Namchai Chewawiwat” ถึงประเด็นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยแนะนำ 9 ข้อปฏิบัติตัวท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก โดยข้อความดังกล่าวระบุว่า “ผมไม่ตระหนก แต่เข้าโหมดปรับตัวรับความเสี่ยงจากโควิด-19 และฝุ่นอย่างเต็มที่ 1.ไม่เอาฝ่ามือเปล่าๆ จับลูกบิด ที่จับประตู แต่ใช้ท่อนแขนหรือตัวผลักประตู
กรมอนามัยวอน ตรุษจีนลดการเผากระดาษเงิน-ทอง เพื่อลดฝุ่น PM2.5 ตรุษจีน – แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลตรุษจีน คนไทยเชื้อสายจีน นิยมจุดธูป เผากระดาษเงินกระดาษทอง และเผาสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ เพื่อบูชาเทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษ ซึ่งการจุดธูปและการเผากระดาษเงินกระดาษทองในแต่ละครั้งจะปล่อยสารมลพิษออกมาคือ ควันและขี้เถ้า ซึ่งสารมลพิษที่ปล่อยออกมา ได้แก่ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทน และสารก่อมะเร็งหลายชนิด ซึ่งพบโลหะหนักเหล่านี้อยู่ในขี้เถ้ามากกว่าฝุ่นละอองในอากาศประมาณ 3-60 เท่า ซึ่งหากได้สัมผัส อาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้ “ทั้งนี้ ช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ อาจจะตรงกับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ที่ยังคงต้องเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพ การจุดธูป รวมทั้งการเผากระดาษเงินกระดาษทองในปริมาณที่มากอาจจะทำให้เกิดควันที่มีสารก่อมลพิษต่างๆ มากมาย ส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งความรุนแรงของอาการจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปริมาณและระยะเวลาที่ได้รับสารนั้น
ภาคประชาชนชี้! มาตรการรัฐแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เห็นเป็นรูปธรรม คือ การฉีดน้ำ ข่าวจาก change.org แจ้งว่า เมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา กลุ่ม Friend Zone และตัวแทนจากกรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ยื่นรายชื่อผู้สนับสนุนแคมเปญ “ออกมาตรการตั้งรับวิกฤตฝุ่น PM2.5 ที่จะเกิดขึ้นซ้ำแน่นอน” พร้อมข้อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ต่อกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งทางกรมก็ตอบรับว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่แม้จะมีสัญญาณก้าวหน้าในบางเรื่อง เช่น การออกประกาศบังคับให้รถยนต์ใหม่ใช้มาตรฐาน EURO 6 และการควบคุมควันดำรถ แต่ทางกลุ่มผู้รณรงค์ เห็นว่ายังไม่มีมาตรการและกรอบเวลาที่ชัดเจนเพียงพอในด้านอื่นๆ “มาตรการของรัฐ ที่ประชาชนเห็นเป็นรูปธรรม คือ การฉีดน้ำ ซึ่งทำได้เพียงชั่วคราว และช่วยลดเฉพาะฝุ่นเม็ดใหญ่ แต่ฝุ่นที่เป็นปัญหาคือฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นฝุ่นละเอียดและขนาดเล็กเกินกว่าที่น้ำซึ่งมีขนาดอนุภาคใหญ่กว่าจะจับฝุ่นได้ ที่สำคัญ การฉีดน้ำอาจไปรบกวนเซ็นเซอร์วัดฝุ่นทำให้การวัดค่าฝุ่นออกมาผิดเพี้ยนได้” ตัวแทนกลุ่มผู้สนับสนุนแคมเปญ “ออกมาตรการตั้งรับวิกฤตฝุ่น PM2.5 ที่จะเกิดขึ้นซ้ำแน่นอน” ระบุอย่างนั้น ก่อนบอกด้วยว่า นาทีนี้
หมอกควันเหนือวิกฤตอีก ผงะ! ไฟป่าโหมพร้อมกัน 9 จว.กว่า 3,088 จุด รับข่าวนายกฯไปเชียงใหม่ วันที่ 1 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์มลพิษ ฝุ่นควันในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ว่า ล่าสุดสถานการณ์กลับมาอยู่ในสภาพที่เลวร้ายอีกครั้ง โดยค่าดัชนีคุณภาพอากาศขึ้นสูงอยู่ในระดับไม่ดีอย่างยิ่ง จนถึงอากาศเป็นอันตราย ทั้งนี้ เมื่อเวลา 05.00 น. ค่าสูงสุดอยู่ที่สถานีเทศบาลตำบลบ้านแม่ อ.สันป่าตอง ค่า AQI 486 ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 อยู่ที่ 478.49 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ในเขตตัวเมือง สถานีวัดโรงพยาบาล (รพ.) มหาราชนครเชียงใหม่ ต.ศรีภูมิ ค่าAQI อยู่ที่ 244 ค่า PM 2.5 อยู่ที่ 193.73 มคก./ลบ.ม. ขณะที่ข้อมูลดาวเทียมระบบ VIIRS ตรวจพบจุดความร้อน Hotspot ภาคเหนือตอนบนสูงมาก จำนวน 3,088 จุด ณ วันที่ 1 เมษายน 2562 เวลา 02.00 น. ได้แก่ จ.แม่ฮ่องสอน จำนวน 981 จุด จ.เชียงใหม่ จำนวน 615 จุด จ.เชียงราย จำนวน 370 จุด จ.ลำปาง จำนวน 302 จุด จ.น่าน จำนวน 219 จุด จ.แพร่ จำนวน 214 จุด จ.ตาก จำนวน 211 จุด จ.พะเยา จำนวน 116 จุด และ จ.ลำพูน จำนวน 60 จุด ทั้งนี้ กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือกองทัพภาคที