พลังงานทดแทน
โครงการ “อยู่ดี ทวีผลิตผล” ยกระดับ “นวัตกรรมพลังงานไทย” สร้างสุขประชาชน เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 กระทรวงพลังงาน โดย กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกวดนวัตกรรมด้านพลังงานและพลังงานทดแทนภาคประชาชน ภายใต้แนวคิด “อยู่ดี ทวีผลิตผล” นวัตกรรมพลังงานสร้างสุขประชาชน เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ พร้อมส่งเสริม เชิดชู นักออกแบบนวัตกรรมคนไทย และเผยแพร่เทคโนโลยีนวัตกรรมด้านพลังงานสำหรับภาคครัวเรือน ชุมชน และเกษตรกรรมของประเทศไทย ที่มีองค์ความรู้ด้านพลังงานและพลังงานทดแทน ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาใช้งานได้จริง นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การประกวดนวัตกรรมด้านพลังงานและพลังงานทดแทน เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา อยู่ดี ทวีผลิตผล นวัตกรรมพลังงานสร้างสุขประชาชน ได้มีนักออกแบบนวัตกรรมพลังงานภาคประชาชนที่มีองค์ความรู้ด้านพลังงานและพลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้น คาดหวังว่า จะเป
กระทรวงพลังงาน ขอเชิญร่วมงานมอบรางวัลประกวดภาพวาด เทิดพระเกียรติ ด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ปีที่ 6 วันที่ 17 ก.ย.นี้ บริเวณลานวีรันดา ชั้น 1 เดอะคริสตัล (เอกมัย-รามอินทรา) โดยงานนี้ จัดขึ้นเพื่อเพื่อสะท้อนถึงพระราชกรณียกิจ พระราชดำริ ตลอดจนพระราชจริยวัตร ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ที่มุ่งหวังให้ประชาชนได้ตระหนักถึงคุณค่าของพลังงาน สำหรับปีนี้มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดมากกว่า 500 ภาพ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ประเภทละ 16 รางวัล รวมทั้งหมด 64 รางวัล โดยมีเงินรางวัลรวมกว่า 1 ล้านบาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร และยังมี การนำผลงานทั้งหมด ไปจัดแสดงนิทรรศการ วาดภาพเทิดพระเกียรติด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ปีที่ 6 ในหัวข้อ “พลังงาน เพื่อชีวิต” ซึ่งจะจัดแสดงระหว่างวันที่ 17-19 ก.ย. บริเวณลานวีรันดา ชั้น 1 เดอะคริสตัล (เอกมัย-รามอินทรา)
นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่ จ.กระบี่ ว่า อยู่ระหว่างการดำเนินงานของคณะกรรมการไตรภาคี เพื่อหาข้อสรุปนำเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อสั่งการต่อไป สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าเทพา จ.สงขลา เป็นไปตามแผนงาน อยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ(คชก.) ซึ่งทั้ง 2 โครงการ มีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์การพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าในภาคใต้ และของประเทศ ซึ่งปัจจุบันความต้องการไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นทุกปี และหากประเทศยังมีการใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าในสัดส่วนที่มากดังเช่นปัจจุบัน แต่ไม่มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และเทพา จะต้องเพิ่มการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวมากขึ้นเรื่อยๆ ระยะยาวจะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าของประชาชนสูงขึ้น นายกรศิษฏ์กล่าวว่า การพัฒนาพลังงานทดแทนในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นโรงไฟฟ้าที่ไม่มีความมั่นคงในการจ่ายไฟฟ้า กฟผ.จึงต้องเตรียมโรงไฟฟ้าหลักรองรับในสัดส่วนที่เท่ากัน ซึ่งเป็นภาระส่วนเพิ่มที่ผู้ลงทุนพลังงานทดแทนไม่ต้องจ่าย แต่ถูกผลักเป็นภาระค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องจ่ายเพิ่ม อย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนก็เป็นนโยบายที่ภาครัฐมีเป้าหมาย