มิชลินสตาร์
เปิดเส้นทาง เชฟมิชลินสตาร์ อายุน้อย มากความสามารถ รักขนมไทย ขนมไทย เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนรู้จักกันดีและวางขายตามตลาดทั่วไป แต่น้อยคนนักที่จะได้สัมผัสขนมไทยชาววังสูตรโบราณเพราะหารับประทานได้ยาก ยิ่งเป็นขนมที่สลักลวดลายวิจิตรบรรจงเองด้วยมือแล้ว ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ นั่นจึงทำให้เชฟขนมหวานไทยระดับตำนานอย่าง เชฟบอย-ปิยะชาติ พุทธวงษ์ เชฟ Michelin Star 1 ดาว ปี 2019 และที่ปรึกษาร้านอาหารเสน่ห์จันทร์ เนรมิตปิ่นโตขนมไทยมงคลที่นอกจากจะสวยงาม อ่อนช้อย ตามความเป็นไทยแล้ว ยังผสมผสานความทันสมัยด้วยการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นสากลและยั่งยืนอีกด้วย สำหรับที่มาของปิ่นโตขนมไทยนี้ มาจาก Passion ของเชฟบอยที่มีพื้นฐานความสนใจในขนมไทยมาตั้งแต่สมัยเด็กและทักษะการรังสรรค์ที่ได้ผ่านการเคี่ยวเข็ญในทุกองค์ประกอบจากวิทยาลัยดุสิตธานี จนซึมซับรากฐานของความเป็นไทยเข้าไปในทุกอณูของร่างกายและจิตวิญญาณ “คุณยายของผมเป็นครูสอนคหกรรม ตอนอยู่บ้านได้เข้าไปช่วยงานท่านในครัวบ่อยๆ ทำขนมหลายอย่างตั้งแต่บัวลอย ปุยฝ้าย ไปจนถึงเค้กโบราณ เค้กมะตูม เลยทำให้ได้เรียนรู้ด้านการเรือนการทำอาหารมาตลอด” เชฟบอย เล่าที่มา ก่อนคุยให้ฟังต่อ จนมาช่
3 ดาว ที่รู้จักคือ มิชลินสตาร์ รางวัลทรงคุณค่ากับวงการอาหารทั่วโลก พอพูดถึงดาวก็ทำให้นึกถึงรางวัลอันทรงคุณค่าของวงการอาหารที่เป็นความฝันของใครหลายๆ คน นั่นคือ มิชลินสตาร์ ที่เกิดขึ้นมาเพื่ออยากสร้างแบรนด์ อยากกระตุ้นยอดขายให้กับตนเอง จนนำมาสู่การทำไกด์บุ๊กเล่มเล็กๆ สีแดง ที่เรียกว่า มิชลิน ไกด์ ในปี ค.ศ. 1900 เพื่อบอกเส้นทางของสถานที่ต่างๆ สำหรับนักเดินทาง และหนึ่งในนั้นคือ ร้านอาหาร วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ จะพาไปส่องถึงที่มาของมิชลินสตาร์ และสำรวจไปพร้อมกันว่าในไทยมีใครบ้างที่ได้รับ ดาว 3 ดวง จุดเริ่มต้นของมิชลินสตาร์ (Michelin Star) เกิดจากบริษัทยางรถยนต์ฝรั่งเศส ของสองพี่น้องที่ชื่อว่า อังเดรและเอดเวิร์ด มิชลิน อยากให้ผู้คนออกเดินทางและกระตุ้นยอดขายธุรกิจยางรถยนต์ จึงออกไอเดียเริ่มทำ ไกด์บุ๊กเล่มเล็กๆ สีแดง ที่เรียกว่า มิชลิน ไกด์ ในปี ค.ศ. 1900 (Michelin Guide) ซึ่งเป็นแผนที่สำหรับนักเดินทางให้ออกไปในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมทั้งร้านอาหาร มิชลินสตาร์ คือการจัดอันดับร้านอาหารคุณภาพ โดยการให้ดาว ตั้งแต่ 1 ดาว, 2 ดาว และ 3 ดาว จากร้านอาหารที่นำเสนออาหารคุณภาพดีที่สุด ซึ่งหลักเกณฑ
มติชนอคาเดมี ชวนเข้าครัวปรุงสำรับ “ข้าวแช่ชาววังประยุกต์ สูตรเชฟมิชลินสตาร์” เชฟบอย-ปิยะชาติ พุทธวงษ์ “ข้าวแช่” เพียงได้ยินชื่อก็คิดถึงความประณีตของงานแกะสลัก ข้าวหอมมะลิเรียงเม็ดสวย แช่อยู่ในน้ำกลิ่นหอมของน้ำลอยดอกไม้ ทานคู่กับเครื่องเคียงนานาชนิด ให้ความรู้สึกชื่นใจ ดับความร้อนแรงของคิมหันตฤดู และยังเป็นสำรับที่หลายคนคิดว่า “ไม่มีทางทำได้ เพราะวิธีการปรุงคงจะยากเกินกว่าจะทำได้” วันนี้ มติชนอคาเดมี จะมาชวนทุกท่านเปิดประสบการณ์ และพิสูจน์ว่า แท้จริงแล้ว ข้าวแช่ เมนูชาววังนั้นทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด โดยเฉพาะได้กูรูด้านอาหารไทยอย่าง เชฟบอย-ปิยะชาติ พุทธวงษ์ เชฟจากร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ มาเป็นอาจารย์สอนแบบจับมือทำ พร้อมแจกสูตรแบบไม่มีกั๊ก…รับรองว่าทุกท่านจะมีวิชาติดตัว เพื่อไปสร้างสรรค์ให้สงกรานต์ปีนี้ พิเศษกว่าปีไหน โดยจะเปิดหลักสูตร “ข้าวแช่ชาววังประยุกต์ สูตรเชฟมิชลินสตาร์” ในวันเสาร์ที่ 2 เมษายน 2565 ณ มติชนอคาเดมี ประชานิเวศน์ 1 เชฟบอย-ปิยะชาติ พุทธวงษ์ เชฟหนุ่มผู้หลงใหลในเสน่ห์อาหารและขนมไทย เติบโตมาในจังหวัดบึงกาฬ ผูกพันกับอาหารไทยและขนมไทยตั้งแต่วัยเยาว์ เนื่องจากคุณยายเ
มิชลิน ไกด์ เปิดลิสต์ 106 ร้านอาหาร ติดโผ บิบ กูร์มองด์ ปี 2564 เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่รางวัลใหญ่ “มิชลินสตาร์” จะประกาศในช่วงกลางเดือนนี้ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2564 ได้ประกาศรายชื่อร้านอาหารต่างๆ รวมถึงสตรีตฟู้ดที่ผ่านการคัดเลือกให้ได้รับสัญลักษณ์ ‘บิบ กูร์มองด์’ (Bib Gourmand) มาเรียกน้ำย่อยก่อน โดย ‘มิชลิน ไกด์’ ได้มอบสัญลักษณ์ ‘บิบ กูร์มองด์’ ซึ่งแสดงภาพ ‘บิเบนดัม’ หรือ ‘มิชลินแมน’ ทำท่าเลียริมฝีปาก ให้แก่ร้านอาหารที่นำเสนออาหารคุณภาพดีซึ่งผ่านการจัดเตรียมอย่างพิถีพิถันในราคาที่ย่อมเยาคุ้มค่าไม่เกิน 1,000 บาท (ราคาสำหรับอาหาร 3 คอร์ส ได้แก่ อาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก และของหวาน ไม่รวมเครื่องดื่ม) สำหรับรายชื่อร้านอาหาร มีจำนวนทั้งสิ้น 106 ร้าน แบ่งเป็นร้านในกรุงเทพฯ 65 ร้าน, เชียงใหม่ 20 ร้าน, ภูเก็ตและพังงา 21 ร้าน ซึ่งในจำนวนนี้ติดอันดับครั้งแรก 17 ร้าน และเลื่อนระดับจาก ‘มิชลิน เพลท’ 4 ร้าน ดังนี้ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล – ๑๐๐ มหาเศรษฐ์ – แอน ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ – บ้านเบญจรงค์ ปาย – บ้านผัดไทย – บ้านส้มตำ (
เป็นอีกย่านที่มีร้านอาหารอร่อยๆ มากมาย ขนาดมิชลินสตาร์ยังเคยมามอบดาวให้กับหลายๆ ร้าน สำหรับย่านประตูผีหรือแยกสำราญราษฎร์ พื้นที่เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร หนึ่งในร้านเด็ดเสิร์ฟอาหารใต้ ชื่อ “คอระฆัง” (Kor Ra Kang) ที่นำสูตรอาหารใต้ รสชาติจัดจ้านจากภูเก็ตมาประยุกต์ให้คนกรุงเทพฯ และผู้ที่ไม่สามารถทานอาหารที่มีรสเผ็ดร้อนจัดจ้านได้ลิ้มลอง โดยที่ยังคงความกลมกล่อมของอาหารไว้อย่างลงตัว ปรุงจานต่อจาน ขายคุณภาพ ขายความสดใหม่ของวัตถุดิบ ปริมาณอาหารคุ้มค่ากับราคา สารพัดเมนูเด็ด คัดสรรมาเสิร์ฟ สูตรเฉพาะของทางร้าน คุณวรวุฒิ จันทร์ไข่ ผู้จัดการร้าน เล่าว่า “คอระฆัง” เป็นหนึ่งในตัวอักษรไทยที่มีความหมายดี เป็นสิริมงคล ดังกังวาน บวกกับความรู้สึกที่อยากให้ความอร่อยส่งเสียงได้แบบ “ระฆัง” จึงเกิดเป็นชื่อร้าน “คอระฆัง” ขึ้นมา ซึ่งการตกแต่งร้านเลือกใช้โทนสีขาวสะอาดตา บรรยากาศสบาย เป็นอาคารไม้ มีการวาดลวดลายสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ลงบนผนัง เอาระฆังมาทำโคมไฟ ดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้พบเห็นที่ผ่านไปมา ปัจจุบัน ร้าน “คอระฆัง” มี 2 สาขา คือ “ประตูผี” ตรงข้ามวัดเทพธิดาราม เปิดได้เกือบปีแล้ว และสาขาซอยอารีย์ ส
มิชลินสตาร์จริงๆนั้นเริ่มต้นมาจากไกด์บุ๊คที่ใช้บอกเส้นทางของสถานที่ต่างๆ รวมทั้งร้านอาหารในแต่ละประเทศ โดยการจัดลำดับเพื่อตัดสินว่าร้านดังกล่าวจะได้มิชลินสตาร์หรือไม่ และได้กี่ดวงนั้นจะมีหลักเกณฑ์ก็คือ 1.คุณภาพของส่วนผสม 2.ทักษะในการปรุง 3.รสชาติและความคิดสร้างสรรค์ 4.ราคาอาหาร 5.ความคงที่ของคุณภาพอาหาร มิชลินสตาร์ นั้นเปรียบเสมือนรางวัลโนเบลแห่งร้านอาหาร เพราะการที่จะได้ดาวมาประดับร้านอาหารซักดวงหนึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นการได้มีโอกาสรับประทานอาหารระดับมิชลินสตาร์จึงถือเป็นเรื่องที่นักชิมทุกคนใฝ่ฝัน แต่ส่วนใหญ่มักจะติดอยู่ที่ราคา เพราะร้านมิชลินสตาร์ส่วนใหญ่นั้นก็เป็นร้านอาหารชื่อดังระดับโลก แต่ล่าสุดมิชลินสตาร์เพิ่งประกาศมอบมิชลินสตาร์ 1 ดวงให้กับร้านอาหารเล็กๆในศูนย์อาหารของประเทศสิงคโปร์ที่มีชื่อว่า Liao Fan แม้ร้านแห่งนี้จะมีเมนูอยู่ไม่กี่อย่าง ประกอบด้วยไก่อบซอส หมูแดง หมูกรอบ ซี่โครงหมู แต่ทุกๆอย่างล้วนดูดีและน่ากินมากๆ โดยเลือกโปะได้ทั้งหน้าข้าว บะหมี่ หรือเส้นที่เรียกว่าหอฟั่น (Hor Fun) ราคาเริ่มต้นที่จานละ 2 ดอลลาห์สิงคโปร์ หรือราวๆ 50 บาทไทยเท่านั้