รถยนต์ BEV
ไอเสียรถยนต์ สาเหตุหลักเกิด PM2.5 ในเมือง แนะใช้รถยนต์ BEV ทางแก้ระยะยาว ปัจจุบันฝุ่น PM2.5 ได้กลายมาเป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่บั่นทอนสุขภาพของคนไทย ซึ่งสาเหตุหลักในแต่ละพื้นที่นั้นแตกต่างกัน ดังนั้น การแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดจึงไม่อาจใช้รูปแบบเดียวกันหมดได้ในทุกพื้นที่ โดยในเขตเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ นั้น สาเหตุสำคัญกว่า 65% เกิดจากการปล่อยไอเสียรถยนต์ ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ฝุ่น PM2.5 ที่ปล่อยออกจากรถยนต์นั่งและรถปิกอัพในแต่ละวันในกรุงเทพฯ อาจสูงถึงไม่ต่ำกว่า 6 พันล้านมิลลิกรัม ดังนั้น แนวทางหลักในการจัดการปัญหาฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพฯ จึงน่าจะเป็นการบริหารจัดการการปล่อยไอเสียรถยนต์ โดยเฉพาะจากรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 15 ปี ซึ่งมีจำนวน 1.45 ล้านคันในกรุงเทพฯ คิดเป็นสัดส่วนถึง 20% ของรถยนต์นั่งและรถปิกอัพที่จดทะเบียนทั้งหมดในกรุงเทพฯ และส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่ปล่อยฝุ่น PM2.5 สูงกว่าแบบอื่น ซึ่งแนวทางการบริหารจัดการหรือแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 จากไอเสียในกรุงเทพฯ อาจพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวกับการใช้รถยนต์โดยตรง อาทิ การปรับใช้มาตรฐานยูโร 5 ในปี 2567 ตามแผนการสนับสนุน
รถยนต์ไฟฟ้าจีน เร่งตีตลาดไทย คาดยอดขายปี 65 เกิน 10,000 คัน มาตรการสนับสนุนเพื่อส่งเสริมการสร้างตลาดรถยนต์ BEV (Battery Electric Vehicle) หรือ รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ ของภาครัฐที่เพิ่งออกมา ช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ BEV ได้อย่างมาก ทำให้การแข่งขันเริ่มคึกคักขึ้นทันที นำโดยค่ายรถจีน ที่อาศัยจังหวะที่ค่ายรถกระแสหลักยังไม่พร้อมทำตลาดเร่งดึงส่วนแบ่งลูกค้ามาก่อน ด้วยจุดแข็งสำคัญคือ การเลือกผลิตภัณฑ์บุกตลาดและการตั้งราคาที่ดึงดูดใจผู้ซื้อในวงกว้างขึ้น ซึ่งหลังจากนี้น่าจะเห็นการบุกตลาดและเข้ามาลงทุนของค่ายรถสัญชาติจีนรายใหม่ๆ มากขึ้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ปี 2565 มีโอกาสที่ค่ายรถจีนอาจจะชิงส่วนแบ่งตลาดรวมได้ถึง 80% เพิ่มขึ้นจาก 58% ในปี 2564 จากยอดขายรถยนต์ BEV ที่คาดว่าจะทำได้เกินกว่า 10,000 คัน ขยายตัวมากกว่า 412.0% (YoY) ขณะที่ค่ายตะวันตก มีส่วนแบ่งตามมาเป็นอันดับสอง จากปัจจัยบวกด้านฐานผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อสูงและการขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในประเทศ ส่วนค่ายญี่ปุ่น เนื่องจากเข้ามาทำตลาดช้ากว่าจึงมีช่วงเวลาสั้นกว่าในการชิงส่วนแบ่งตลาด อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดรถยนต์ยังคงมีประเด็นสงครามรัสเซีย-