วัดเสียวสวาท
ปมดราม่าชื่อ “วัดเสียวสวาท” ทำชาวต่างถิ่นกังขาไม่กล้าทำบุญ สังคมวิจารณ์หนักประเด็นศีลธรรม เรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อใหม่!!! ร้อนถึงเจ้าอาวาส ต้องออกมาแจงว่า ชื่อวัดแห่งนี้มีมานานกว่า 100 ปี บรรพบุรุษคนภูไทในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นผู้ตั้งให้ “ชื่อวัดเป็นคำศัพท์โบราณภายท้องถิ่น คำว่า ‘เสียว’ มากจากต้นเสียวตามภาษาชาวบ้านท้องถิ่นเรียกกัน ซึ่งมักจะขึ้นอยู่ริมน้ำ มีรากที่แตกแขนงแผ่ไพศาล ทนต่อทุกสภาพอากาศ ทั้งร้อน แล้ง หนาว หรือแม้กระทั่งน้ำท่วมขัง ส่วนคำว่า ‘สวาท’ มาจากคำว่า สะว่ะสะเหว่ย เป็นภาษาภูไทดั้งเดิม หมายถึง ความสุข ความเจริญ” เป็นคำอธิบายของ พระวีระพงษ์ อินทโชโตเจ้าอาวาสรุ่นที่ 7 ของวัดเสียวสวาท ทั้งนี้ มติชนสืบค้นที่มาของต้นเสียวตามที่เจ้าอาวาสกล่าวถึงนั้น เป็นพืชที่ชาวอีสานรู้จักดี โดยมีการเรียกชื่อทั้งเสียวใหญ่ เสียวน้อย เสียวเล็ก เสียวป่า เป็นต้น ข้อมูลจากฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ ม.อุบลราชธานี ระบุว่า เป็นไม้พุ่มรอเลื้อยขนาดเล็ก สูงประมาณ 2 เมตร เปลือกลำต้นเรียบ สีน้ำตาล กิ่งอ่อนเป็นสันเหลี่ยมสี่เหลี่ยม ใบเดี่ยว ปลายใบมนและเป็นติ่ง โคนใบมนเบี้ยว หลังใบเรียบเป็นมัน ท้องใบเรียบสี
ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านกลางเจริญ ต.บลต้นผึ้ง อ.พังโคน จ.สกลนคร ว่า มีวัดในหมู่บ้านชื่อวัดเสียวสวาท กำลังก่อสร้าง หอระฆัง แม้จะจำนวนเงินไม่มากแต่ก็ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ มีเฉพาะหมู่บ้านใกล้เคียง ในพื้นที่เท่านั้นที่ร่วมทำบุญ ลูกหลานที่ทำงานต่างจังหวัดร่วมทั้งกรุงเทพ ทำบุญผ้าป่ากฐินมาทอดถวาย ไม่เคยได้ถึงแสนบาทสักครั้ง ส่วนใหญ่เมื่อนำซองไปแจก คนที่รับซองมักสงสัยในชื่อว่า เสียวสวาท ทำให้แปลก ใส่มารายละ 10 บาท 20 บาทเท่านั้น จึงเดินทางไปที่วัดดังกล่าว พบกับพระอาจารย์วีระพงษ์ อินทโชโต เจ้าอาวาส วัดเสียวสวาท บ้านกลางเจริญ หมู่ 9 ตำบลต้นผึ้ง อ.พังโคน จ.สกลนคร เป็นวัดที่อยู่ติดกับลำห้วยปลาหาง ที่ไหลลงแม่น้ำยามและลงสู่แม่น้ำอูนและ ลำน้ำสงคราม ตลอดจนแม่น้ำโขง พระอาจารย์วีระพงษ์ กล่าวเมื่อแจ้งว่าเป็นผู้สื่อข่าว จึงทักขึ้นก่อนว่า จะมาถามเรื่องชื่อวัดหากเดาไม่ผิด พร้อมกับเปิดเผยว่า วัดนี้มีพื้นที่ 9 ไร่ 3 งาน เดิมตั้งอยู่หมู่บ้านโพนสว่าง ต.ต้นผึ้ง ต่มามีการแบ่งแยกหมู่บ้านการปกครองขึ้น อีก จึงขึ้นกับหมู่บ้านกลางเจริญ หมู่ 9 ต.ต้นผึ้ง ได้รับ เดิมมีกุฏิที่สร้างเขียนไว้ พ.ศ. 2463 และได้พระราชท