สงครามรัสเซีย-ยูเครน
สศอ. เผย สงครามรัสเซีย-ยูเครน ยืดเยื้อ ส่งผลกระทบทางอ้อมต่ออุตสาหกรรม แนะผู้ประกอบการปรับตัวหาประเทศคู่ค้าใหม่ พร้อมขยายช่องทางการตลาด นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อในปัจจุบัน ส่งผลต่อภาคการส่งออกของไทยเพียงเล็กน้อย สะท้อนจากมูลค่าการค้ารวม (การส่งออกและนำเข้า) ของไทยกับรัสเซีย-ยูเครนที่มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับการค้าทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ไทยได้รับผลกระทบทางอ้อม เนื่องจากรัสเซีย-ยูเครนเป็นผู้ผลิตและส่งออกพลังงาน รวมทั้งสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ในตลาดโลก ซึ่งกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานเป็นวงกว้างทั่วโลก รวมถึงผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมจากราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูง ต้นทุนการผลิตและการขาดแคลนวัตถุดิบส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับสูงขึ้น และทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก อีกทั้งความเชื่อมั่นต่อบรรยากาศการค้าและการลงทุน โดยอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการใช้พลังงานต่อต้นทุนรวมในการผลิตสูง ได้แก่ อุตสาหกรรมเม็ดพลาสติก ร้อยละ 30.56 เหล็กและเหล็กกล้า ร้อยละ 20.03 ผลิตภัณฑ์พลาสติก ร้อยละ 10.48 ยางรถยนต์ ร้อยละ 7.37 และ
สงครามรัสเซีย-ยูเครน พ่นพิษ ตัวเลขจัดตั้งธุรกิจใหม่ มี.ค. ลดลง 19% วันที่ 28 เมษายน 2565 นายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยตัวเลขการจดทะเบียนธุรกิจ จัดตั้งใหม่ทั่วประเทศเดือนมีนาคม 2565 พบว่า มีจำนวน 7,164 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 25,939.56 ล้านบาท ลดลง 19% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 8,841 ราย ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 682 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 397 ราย คิดเป็น 5% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 247 ราย คิดเป็น 3% “แม้การจดทะเบียนจัดตั้งใหม่เดือนนี้จะลดลง แต่ก็ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 7 ปี เมื่อเทียบเฉพาะเดือนมีนาคมที่มีการจดทะเบียนธุรกิจ นอกจากนี้ ผลกระทบจากปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน มีผลต่อต้นทุนด้านพลังงานในการผลิตสินค้าของผู้ประกอบการ รวมไปถึงแนวโน้มราคาสินค้าสูงขึ้น กำลังซื้อลดลง ตามภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการชะลอการลงทุน แต่ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคาดว่าเศรษฐกิจไทยยังเติบโต 3.2% จากการท่องเที่ยว
ร้านอาหารดอง พ้อ สงคราม-สภาพอากาศ ทำ แซลมอนแพง ขายแทบไม่มีกำไร แต่เป็นเมนูที่ต้องมีติดร้าน! มีข่าวให้เห็นมาสักระยะแล้ว สำหรับ ปลาแซลมอน ที่มีราคาแพงขึ้น ทำให้ร้านอาหารเริ่มทยอยปรับราคาอาหารไปตามๆ กัน คุณนุ๊ก-ปัญจพล อณุพินิช เจ้าของร้านปูดอง ปองดู ได้เปิดใจกับ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ เกี่ยวกับสถานการณ์การขึ้นราคาของแซลมอนให้ฟังว่า ขายดีสุดๆ พ่อค้าไอเดียบรรเจิด ยกทะเลดองใส่แก้ว ยอดพุ่งวันละ 400 แก้ว ด้วยความที่ร้านขายอาหารดอง กุ้งดอง ปูม้าดอง ปูไข่ดอง ไข่ดอง และ แซลมอนดอง อยู่ แน่นอนว่าได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบอย่าง แซลมอน ที่ขึ้นราคาเช่นกัน เพราะแซลมอนถือเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักของทางร้าน โดยเฉลี่ยการใช้วัตถุดิบของทางร้านตอนนี้ จะใช้กุ้งวันละประมาณ 30-40 กิโลกรัม ต้นทุนกุ้งตอนนี้ ราคาจะสวิง ขึ้นลงแทบทุกวัน แต่จะอยู่เรตประมาณ 200-220 บาท ส่วนปูไข่ จะสั่งมาเป็นรอบใหญ่ๆ ไซซ์ที่ร้านก็จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 400-500 บาท ส่วนปูม้า จะได้มาค่อนข้างถูก อยู่กิโลกรัมละ 160-200 บาท และ ไข่แดง ราคาตามห้างทั่วๆ ไป จะอยู่แผงละประมาณหลักร้อย “ส่วน แซลมอน อันนี้ราคาค่อนข้างแรง สวิงเยอะมาก เพราะมันหลายๆ
เอกา โกลบอล พร้อมรับมือ สงครามรัสเซีย-ยูเครน กดดัน ต้นทุนผลิต ค่าขนส่งพุ่ง สงครามรัสเซีย-ยูเครน กดดันราคาต้นทุนการผลิตและต้นทุนขนส่งพุ่งแรง กระทบต่อราคาอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วโลกปรับขึ้น “เอกา โกลบอล” ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) เผยผู้ประกอบการต้องปรับตัวรับมือผลกระทบเศรษฐกิจระยะยาว วันที่ 19 เมษายน 2565 นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) เปิดเผยว่า ผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครน รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ยังเป็นสถานการณ์สำคัญที่กดดันราคาต้นทุนวัตถุดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมา เริ่มเห็นราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคหลายประเภทปรับตัวสูงขึ้น กระทบต่อต้นทุนการผลิตทั่วโลก ทั้งราคาวัตถุดิบและค่าขนส่งปรับสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีผลกระทบต่อเนื่องถึงการทยอยปรับขึ้นราคาอาหาร ราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค ทั่วโลกและไทย ซึ่งส่งผลต่อรายจ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นโดยตรง และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปพุ่งขึ้นแรง ล่าสุด ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของ
สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย ผู้มีรายได้น้อย-SMEs กระทบหนัก ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยที่กำลังจะเริ่มฟื้นตัวให้มีแนวโน้มสะดุดลง แม้ว่ารัสเซียและยูเครนจะไม่ใช่ประเทศคู่ค้าหลักของไทย แต่รัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของโลก ขณะที่ทั้งรัสเซียและยูเครนต่างเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่ของโลก ซึ่งความขัดแย้งดังกล่าว ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ ราคาแร่โลหะและวัตถุดิบต่างๆ ราคาปุ๋ย และราคาธัญพืช ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารสัตว์และผลิตอาหาร ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของหลายธุรกิจในไทยเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการบางส่วนต้องขึ้นราคาสินค้า ซึ่งสะท้อนผ่านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ก.พ. ที่ขยับสูงขึ้นแตะ 5.23% (YoY) สูงสุดในรอบ 13 ปี กระทบผู้บริโภคโดยตรง ขณะเดียวกัน รายได้ครัวเรือนไทยยังคงเปราะบาง โดยจากการสำรวจพบว่า 33.8% ของครัวเรือนที่สำรวจมีรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย ขณะที่ครัวเรือนราว 67.5% ไม่มีเงินออม ดังนั้น ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเลือกใช้จ่ายเฉพาะจำเป็น ลดหรือชะลอการบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยแ
จับตา โอกาส-ผลกระทบ จาก สงครามรัสเซีย–ยูเครน ต่อการส่งออกสินค้าของไทย เว็บไซต์ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยข้อมูล การปรับประมาณการส่งออกของไทยปี 2565 จาก 4.3% มาอยู่ที่ 3.4% จากความท้าทายของวิกฤตรัสเซีย–ยูเครน โดยแรงหนุนการส่งออกของไทยล้วนมาจากราคาสินค้าในกลุ่มปัจจัยการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน สินค้าเกษตร และสินค้าจำเป็น อาทิ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ ผลไม้และอาหารทะเล ทั้งนี้ การส่งออกไปยังสหภาพยุโรป (ไม่รวมอังกฤษ) เป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตต่ำสุดในบรรดาตลาดส่งออกหลักของไทย อย่างไรก็ตาม หากการเจรจาระหว่างรัสเซีย–ยูเครนมีข้อตกลงเร็วกว่าคาดอาจช่วยให้การส่งออกไทยขยายตัวสูงขึ้นที่ 3.7% นอกจากนี้ ยังคงต้องติดตามการแพร่ระบาดของโควิดในจีนที่หากขยายวงกว้างออกไปก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่กระทบการส่งออกของไทย ทั้งนี้ จากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ กับพันธมิตรทำให้รัสเซียตอบโต้ด้วยการห้ามส่งออกสินค้าสำคัญ 200 รายการจนถึงสิ้นปี 2565 ซึ่งสินค้าบางรายการเป็นสินค้าขั้นกลางน้ำ–ปลายน้ำ ทำให้การผลิตที่พึ่งพาสินค้าจากรัสเซียอาจสะดุดและมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และหากชาติตะวันตกยกร
สงครามรัสเซีย-ยูเครน ฉุดส่งออก รถยนต์ไทย ปี 65 คาด ติดลบ 6-11% ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ปริมาณการส่งออกรถยนต์ไทยในปี 2565 นี้มีแนวโน้มลดลงมาอยู่ระหว่าง 850,000 ถึง 900,000 คัน หรือ -6.0% ถึง -11.0% (YoY) โดยโอกาสที่จะช่วยพยุงตัวเลขส่งออกในปีนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน และความรวดเร็วที่มาตรการคว่ำบาตรต่างๆ จะยุติลง รวมถึงค่ายรถหน้าใหม่ในไทยอย่างจีนจะสามารถส่งออกตามแผนที่เคยวางไว้หรือไม่ อยากให้ตามมาวิเคราะห์ด้วยกัน ดังนี้ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ได้สร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์โลกเป็นวงกว้าง ทั้งจากการซ้ำเติมปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีอยู่เดิม จากการที่รัสเซียและยูเครนเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบหลายตัวสำหรับการผลิตชิปอิเล็กทรอนิกส์และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า แต่หลังจากที่รัสเซียโดนคว่ำบาตร และได้มีการตอบโต้ด้วยการงดส่งออกสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ แร่ต่างๆ และสินค้าเกษตรหลายรายการ ทำให้หลายประเทศทั่วโลกเกิดปัญหาเงินเฟ้อสูงขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง และสินค้ารถยนต์ก็จัดอยู่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยราคาสูงจึงเป็นสินค้ากลุ่มแรกๆ ที่จะได้รับ
ดัน ปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) ! รอบเดือน พ.ค. – ส.ค. 65 เรียกเก็บที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 23.38 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 4.00 บาทต่อหน่วย วันที่ 17 มี.ค. เว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ รานงานข่าว นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า จากการประชุม กกพ. เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2565 ได้มีมติให้ปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 โดยให้เรียกเก็บที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 23.38 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 4.00 บาทต่อหน่วย ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อค่าเอฟทีมาจากผลกระทบสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งส่งผลต่อวิกฤตราคาพลังงานโลกเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ทำให้ กกพ. ต้องปรับสมมติฐานการประมาณการ ค่าเอฟทีใหม่ให้สะท้อนราคาเชื้อเพลิงในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสถานการณ์ที่ ก๊าซธรรมชาติ (LNG) ในอ่าวไทยลดลงในช่วงปลายสัมปทาน ประมาณการค่าใช้