สมคิด
‘สมคิด’ แนะ ประชาชนต้องรู้จักช่วยตัวเอง อย่ารอแต่รัฐบาล ยันเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง วันที่ 9 ก.ย. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนไม่ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรีที่คุมด้านเศรษฐกิจแล้ว เป็นรองนายกรัฐมนตรีที่คุมกระทรวงเศรษฐกิจเพียง 4 กระทรวงเท่านั้น โดยยืนยันว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแรง ดังนั้น ทุกคนต้องมีความเชื่อมั่น เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัว สิงคโปร์ก็มีปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวเหมือนไทย มีความยากลำบากในการแก้ไขปัญหา แต่สิงคโปร์ก็ไม่ตกใจ และไม่จำเป็นต้องมีมาตรการอะไรออกมา ในส่วนของไทยไม่ใช่ว่าเมื่อมีปัญหาอะไรก็ต้องให้มีมาตรการกระตุ้นออกมาอยู่เสมอไป ทุกคนต้องรู้จักลุกขึ้นมาสู้ ช่วยตัวเองบ้าง เศรษฐกิจไทยไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมด อย่างไรก็ดี นายสมคิด ปฏิเสธที่จะชี้แจงกรณีโพล 2 สำนัก ได้แก่ นิด้าโพล และสวนดุสิตโพล ได้สอบถามความคิดเห็นประชาชน โดยส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลสอบตกด้านนโยบายเศรษฐกิจ โดยกล่าวเพียงว่า ให้ไปดูรายละเอียดของโพลทั้งหมดด้วยว่ามีรายละเอียดอย่างไร
ผัก-มะนาว-หมูแพง ‘สมคิด’ สั่งพาณิชย์ เร่งแก้ปัญหาปากท้อง-ตรึงค่าครองชีพ ช่วยชาวบ้าน ผัก-มะนาว-หมูแพง – นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า จากการปรับตัวของดัชนีราคาผู้บริโภคที่สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.24% โดยมีที่มาจากการสูงขึ้นของสินค้ากลุ่มอาหาร โดยเฉพาะกลุ่มพืชผักและมะนาวที่ต้องประสบปัญหาภัยแล้ง และเนื้อสุกรชำแหละที่สูงขึ้นจากการปรับตัวของสุกรมีชีวิต ซึ่งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแลราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มที่มีปัญหาจากภัยแล้งให้ราคาอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับต้นทุนหรือที่เกษตรกรขายได้ และย้ำไม่ให้มีการฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมอื่นให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดไม่ให้มีการกักตุนหรือทำให้เกิดความปั่นป่วนราคาในตลาด กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้มีมาตรการลดค่าครองชีพให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อยให้มีการจัดหาสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาดจำหน่ายผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐที่มีอยู่กว่า 56,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ร้านอาหารหนูณิชย์ และจัดให้มีการจัดง
“สมคิด”จวกขรก.ใส่เกียร์ว่าง ขณะที่นักลงทุนไทย-เทศชะงัก จับตาผลการเลือกตั้ง เอกชนมั่นใจหลัง 24 มี.ค. ชี้ชัดอนาคตไทยต้องไม่ทะเลาะ รัฐบาลใหม่เดินหน้านโยบายต่อเนื่องหนุนจีดีพีโตทะลุ 4.1% ชี้บาทแข็งสะท้อนพื้นฐานศก.ไทยแกร่ง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่ายอมรับช่วงใกล้เลือกตั้งข้าราชการเกียร์ว่าง ดังนั้นครึ่งแรกของปี 2562 นี้จะเต็มไปด้วยความผันผวน ไม่มีพลัง เพราะทุกคนหยุดดู การลงทุนทั้งในและต่างประเทศก็หยุดดู การขับเคลื่อนก็ไม่มีพลังเหมือนปีที่ผ่านมา แต่เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะประคองครึ่งปีนี้ให้ผ่านไปได้ “หลังการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.นี้ ถ้ามีสัญญาณความต่อเนื่องของนโยบาย ผมเชื่อว่า ครึ่งหลังของปีนี้เศรษฐกิจไทยจะไปได้ต่อเนื่องแน่นอน เพราะเรามีโครงการลงทุนอยู่ในมือ ซึ่งตอนนี้ทั้งกดทั้งอัดทั้งดันโครงการท่าเรือมาบตาพุด/แหลมฉบัง สนามบินเป็นการตอกย้ำว่าอีอีซีได้เกิดแล้ว การส่งออกครึ่งปีหลังก็ไม่น่าจะเลวร้ายไปกว่าครึ่งปีแรก การบริโภคภายในก็จะดีขึ้น การผลิตภาคอุตสากรรมขยายตัว การท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่น เมื่อทุกภา
“สมคิด” กำชับลดต้นทุนเกษตรกร หนุนสู่ตลาดออนไลน์ หนุน SMEs เกษตร หรือ SMAEs ช่วยกันยกระดับเกษตรกร 30 ล้านคน ดึงสหกรณ์การเกษตร และSMAEs เป็นหัวขบวนนำการเปลี่ยนแปลง ขู่ข้าราชการเกียร์ว่าง ช่วงเตรียมเลือกตั้ง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ร่วมปาฐกถาพิเศษ ในงาน “สานพลัง ปฏิรูปภาคเกษตรไทย” ในโอกาสครบรอบ 52 ปี ธ.ก.ส. โดยมีผู้แทนเกษตรกร เกษตรกรรุ่นใหม่ สหกรณ์การเกษตร ผู้ประกอบการเกษตรจากทั่วประเทศ มาร่วมงาน นายสมคิดย้ำว่า ภาคเกษตรยุคนี้ต้องปฏิรูปให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ด้วยการนำสหกรณ์ที่มีความเข้มแข็ง และผู้ประกอบการภาคเกษตร (SMAEs) ช่วยกันยกระดับเกษตรกร เพื่อโน้มน้าวชาวบ้านให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะภาคเกษตรมีชาวบ้านถึง 30 ล้านคน แต่กลับมีสัดส่วนทางเศรษฐกิจ (GDP) เพียงร้อยละ 8 จึงต้องยกระดับเกษตรเพิ่มมูลค่าการผลิต การพัฒนาตลาดออนไลน์ ต้องทำอย่างจริงจัง นอกจากนี้ต้องการให้กระทรวงเกษตรฯ ช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกร โดยเฉพาะปุ๋ย เป็นต้นทุนถึงร้อยละ 30 ของต้นทุนการผลิต จึงต้องหาทางลดภาระ และลดความเสี่ยง เพราะให้นโยบายเรื่องนี้ไปแล้ว 2 ปี ยังเงียบอยู่ไม่คืบหน้า “การส่งเสริมเกษต
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังนายฮิโระคิ มิสึมะตะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กรุงเทพฯ เข้าพบว่า เจโทรแจ้งให้ทราบเบื้องต้นถึงผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนญี่ปุ่น ที่มาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งตัวเลขความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมองไปในครึ่งปีหลังนี้ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ต้องรอให้ทางเจโทรแถลงตัวเลขอย่างเป็นทางการต่อไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาคเศรษฐกิจจริงจะดีขึ้นจริงหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ทั้งการส่งออก การลงทุน ราคาสินค้า การใช้จ่าย และรายได้ของคนมีรายได้น้อย ขณะนี้ทุกคนทราบดีว่าโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ไม่ใช่ปัญหา สามารถเดินได้แล้ว สิ่งสำคัญคือต้องช่วยให้คนมีรายได้น้อยอยู่ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรี กำลังดูเรื่องนี้อยู่ เช่น การท่องเที่ยวจะต้องไม่กระจุกอยู่ในเมืองใหญ่ เพราะนักท่องเที่ยวปีละ 30 ล้านคน หากกระจายไปยังจังหวัดต่างๆ จะช่วยให้คนท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้นทันที อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เป็นหน้าที่เฉพาะกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเท่านั้น ที่จะมาดูแลเรื่องนี้ กระทรวงอื่น เช่น กระทรวงคมนาคม ก็ต้องเข้ามาช่วยดูแล อำนวยความสะดวกใ
เมื่อวานนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวในการแถลงผลงานครบรอบ 2 ปีรัฐบาลว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว จีดีพีอยู่ที่ 0.8 % ปัจจุบันโตขึ้น 3.5% ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของทุกฝ่าย โดยธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจะอยู่ที่ 3.2% ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ คาดว่าจีดีพีปีอยู่ที่ 3.4-3.5% เราพ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว เราไม่ได้หลงทาง เรามาถูกทางแล้ว นายสมคิดยอมรับว่า แต่เศรษฐกิจก็ยังไม่ดีพอ เพราะการเติบโตยังไปไม่ถึงประชาชนรากหญ้า โดยเฉพาะเกษตรกรที่เผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ น้ำท่วม น้ำแล้ง เมื่อเกษตรกรยังลำบากอยู่ ทำให้เงินหมุนไม่เพียงพอ รัฐบาลจึงต้องหาทางเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและลดรายจ่าย โดยเฉพาะภาวะหนี้สิน การปรับโครงสร้างหนี้ ฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำอย่างแรกคือ การพัฒนาโครงการต่างๆ ในชนบทให้เข้มแข็งขึ้น สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้า ดึงการท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชน ที่รัฐบาลหมดงบประมาณไปกับการพัฒนาฐานรากจำนวนมาก อย่างที่สองคือ การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ทั้งทางรถไฟ สนามบิน มอเตอร์เวย์ที่จะเพิ่มอีก 3 เส้นทา