สรยุทธ สุทัศนะจินดา
เปิดคลิปเต็ม ‘สรยุทธ’ จัดรายการเรื่องเล่าชาวเรือนจำ สัมภาษณ์ ‘อธิบดีราชทัณฑ์’ วันที่ 2 พ.ค. เฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์ ได้โพสต์คลิปรายการ “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ” โดยมี นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรข่าว เป็นผู้ดำเนินรายการ โพสต์ดังกล่าวระบุว่า “กรมราชทัณฑ์ ได้จัดทำรายการ “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ” ขึ้นเพื่อไว้สำหรับเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ใหักับผู้ต้องขังภายในเรือนจำ/ทัณฑสถานทั่วประเทศ โดยรายการดังกล่าวเป็นการฝึกวิชาชีพด้านการตัดต่อและการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ของผู้ต้องขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังจากที่กรมราชทัณฑ์ ได้เปิดให้ผู้ต้องขังรับชมแล้ว และมีประชาชน สื่อมวลชน ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก จึงได้นำออกเผยแพร่เพื่อให้ทุกท่านได้รับชม และรับทราบถึงภารกิจของกรมราชทัณฑ์ในครั้งนี้ เทปนี้เป็นเทปย้อนหลังเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2563 EP2 มีการสัมภาษณ์ พันตํารวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ ซึ่งช่วยให้ผู้ต้องขังเข้าใจสถานการณ์โควิด ณ ขณะนั้นได้ดีมากขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้ต้องขังที่ป่วยเป็นโควิดในเรือนจำเพียง 2 คน และรักษาหายแล้ว ที่สำคัญคือ ไม
เป็นน้องรักอีกคนสำหรับ “โก๊ะตี๋ อารามบอย” ซึ่งหลังจาก “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อต่อสู้คดีในชั้นศาลฎีกา โก๊ะตี๋ ก็รีบไปหาในทันที แม้ว่า จะไม่ได้ไปรับที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ แต่หนุ่มโก๊ะตี๋ ได้โพสต์ภาพกำลังโอบกอดสรยุทธ พร้อมเขียนว่า “แคปชั่นไม่มี…มันดึกแล้ว!!! #ฝันดีครับทุกคน”
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง วันที่ 12 ก.ย. 60 เวลา 16.00 น.เศษ ศาลได้อ่านคำสั่งของศาลฎีกา ที่นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อายุ 51 ปี อดีตพิธีกรรายการข่าวชื่อดังและกก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 3 และ น.ส.มณฑา ธีระเดช อายุ 45 ปี พนักงาน บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา หลังจากที่เช้าวันนี้ (12 ก.ย.) ได้มีผู้พิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตฎีกา ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้รับคำฎีกาและสำนวนคดีทั้งหมดส่งให้ศาลฎีกาแล้ว โดยคำสั่งขอปล่อยชั่วคราวนั้น ศาลฎีกา พิจารณาแล้ว เห็นว่า ในชั้นนี้เห็นควรให้อนุญาตปล่อยชั่วคราว ตีราคาประกันคนละ 5 ล้านบาท และกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล และให้จำเลยทั้งสอง ต้องมารายงานตัวต่อศาลทุก 3 เดือน ทั้งนี้ การให้ประกันตัวดังกล่าว จำเลยทั้งสองได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นสมุดบัญชีเงินฝากคนละ 5 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ได้ลงชื่อรับรองคำร้องขอฎีกา ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง และได้ส่งไปให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง รับฎีกาไว้พิจารณา ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้ส่งคำร้องให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณา โดยนายสรยุทธ ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในวันนี้
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 ก.ย. นายมนต์อนันต์ เรืองจรัส ทนายความนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เปิดเผยหลังจากเข้าพบนายสรยุทธว่า ในส่วนของครั้งก่อนที่ศาลไม่ได้ให้ประกันตัวเพราะว่าในเรื่องของคดีมีข้อจำกัด แต่จะเร่งดำเนินการให้จบโดยเร็ว ซึ่งทางเราก็ไม่ได้เจาะจงในเรื่องของการประกันตัวมากนัก จะเจาะในเรื่องของฎีกามากกว่าว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งทางด้านนายสรยุทธก็ไม่ได้เร่งรัดในเรื่องของเวลา ซึ่งนายสรยุทธก็เข้าใจในเรื่องของคดี นายมนต์อนันต์ เรืองจรัส ทนายความนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อย่างไรก็ตาม นายสรยุทธนั้นไม่อยากให้คุณแม่ทราบเรื่องอะไรมากเท่าไหร่ ซึ่งตอนนี้แม่อยู่ที่โรงพยาบาล โดยอาจจะกระทบกระเทือนทางจิตใจได้ ส่วนวันนี้ตนยังไม่เห็นญาติของนายสรยุทธเดินทางมาแต่อย่างใด ในส่วนของวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดซึ่งทนายไม่สามารถเข้ามาได้แต่ทางญาติสามารถเดินทางเข้ามาเยี่ยมได้ตามปกติ 08.00-12.00 น. เท่านั้น ในส่วนของความกังวลนายสรยุทธนั้น เป็นเรื่องปกติของคนข้างใน ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับตัวและก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรเป็นพิเศษ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ห้องพิจารณาคดี 709 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้องบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อายุ 50 ปี กรรมการผู้จัดการฯ อดีตพิธีกรรายการเล่าข่าวชื่อดัง, นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมการผู้จัดการ บจก.ไร่ส้ม, น.ส.มณฑา ธีระเดช อายุ 43 ปี เจ้าหน้าที่บริษัทไร่ส้มฯ และนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด หรือนางชนาภา บุญโต อายุ 47 ปี อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิปลอม และร่วมกันทำให้เกิดความเสียหาย คำฟ้องอัยการโจทก์สรุปว่า เมื่อประมาณกลางเดือนกรกฎาคม 2549 จำเลยทั้งสี่ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและทำให้เสียหาย ทำลายซึ่งเอกสาร และจำเลยทั้งสี่ร่วมกันนำเอกสารใบคิวโฆษณารายการคุยคุ้ยข่าวระหว่างเดือนมกราคม 2549 – พฤษภาคม 2549 จำนวน 139 แผ่น ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิที่จำเลยร่วมกันทำปลอมขึ้นไปใช้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ บมจ.อสมท จำกัด เพื่อเป็นหลักฐานในการโฆษณาและคิดค่าโฆษณาส่วนเกินในรายการคุยคุ้ยข่าว ทำให้