สหรัฐอเมริกา
ทิ้งอาชีพครู มา “รับจ้างซื้อของ” ได้เงินปีละกว่า 3 ล้าน!!! ตัดสินใจลาออกจากอาชีพครู ซึ่งมีเงินเดือนมั่นคงมา 20 ปี เพื่อมา “รับจ้าง” ตระเวนซื้อของให้ชาวบ้าน อาจฟังดูเป็นการตัดสินใจที่ไร้สาระ แต่ปรากฏว่า นี่คือการตัดสินใจที่ “เอ็ด เฮนเนสซี” อดีตครูโรงเรียนมัธยมศึกษาในเมืองโอวีเอโด รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา รู้สึกว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิต และทำให้รู้สึกด้วยว่าเขาเดินมาถูกทางแล้ว ทั้งนี้ จากรายงานข่าวของซีเอ็นเอ็น ที่นำเสนอเรื่องราวของเอ็ด เฮนเนสซี อดีตครูโรงเรียนโอวีเอโด ไฮสคูล เล่าว่า ตั้งแต่เป็นครูสอนหนังสือมา 20 ปี นายเฮนเนสซีเล่าว่า เขาไม่เคยมีรายได้เกินกว่าปีละ 50,000 ดอลลาร์ หรือราว 1,625,000 บาท และด้วยรายได้จำนวนแค่พออยู่พอกิน ทำให้เฮนเนสซีต้องใช้ชีวิตแบบกระเบียดกระเสียรมาก เพื่อให้แต่ละเดือนสามารถจัดสรรเงินได้อย่างลงตัวในการดูแลปากท้องของตัวเอง และลูกๆ อีก 2 คน แล้วยังมีหนี้ที่กู้มาตอนสมัยเรียนระดับมหาวิทยาลัย ที่ยังต้องผ่อนชำระอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ด้วยฐานะการเงินที่แทบชักหน้าไม่ถึงหลังในแต่ละเดือน ทำให้เฮนเนสซีต้องดิ้นรนหาทางสร้างรายได้เพิ่ม และทำให้เจ้าตัว
ไม่ต้องแย่งกันลงทะเบียน! หนุ่มไทยแชร์ประสบการณ์ รัฐบาลสหรัฐฯ แจกเช็คช่วยโควิด เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 64 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Cameron Reiser ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แชร์ประสบการณ์สวัสดิการช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยไม่ต้องลงทะเบียนว่า “แชร์ประสบการณ์สวัสดิการช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ” วันนี้ผมเพิ่งได้รับเช็คจากการช่วยเหลือของรัฐบาล เป็นครั้งที่สอง ซึ่งครั้งนี้รัฐบาลจ่ายให้จำนวน $600 ต่อคน (18,000 บาท) ผมกับแบรนดอนได้มาคนละใบ = $1200 (36,000 บาท) ถ้ารวมครั้งแรกที่รัฐบาลเคยจ่ายให้ คนละ $1200 ผมได้มาสองคนเท่ากับ $2400 (72,000 บาท) และหลังจากประธานาธิบดีไบเดนได้รับตำแหน่งแล้ว มีการประกาศแล้วว่าอาจจะจ่ายให้อีกคนละ $1400 (42,000) ถ้ารวมทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐฯ จ่ายให้ต่อคน 3 ครั้ง = $3200 หรือ 96,000 บาทโดยที่ไม่ต้องลงทะเบียน ไม่ต้องยื่นอะไรทั้งนั้น รวยจนจ่ายเท่ากันหมด ได้รับเป็นเช็คที่สามารถขึ้นเงินได้ทันที และรัฐบาลจ่ายให้แทบทุกคนที่มีเลขเสียภาษี ซึ่งประชากรเกือบทุกคนจะมีเลขเสียภาษีติดตัวอยู่แล้ว รัฐบาลที่นี่เค้ามองว่าการที่ได้ช่วยเหลือประชาชน ก็ยังได้ช่วยเหลือเศรษฐกิจในประเทศด้วย เพราะเงินที่ประช
หนังสือพิมพ์เดอะ พอร์ตแลนด์ เพรส เฮอราล์ด รายงานข่าวดี ที่เกิดขึ้นกับพนักงานในร้านอาหารเดอะ ซิลเวอร์ สตรีท ทาเวิร์น ในเมืองวอเตอร์วิล รัฐเมน สหรัฐอเมริกา เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ที่เจอลูกค้าใจพระ เข้ามานั่งรับประทานอาหารคิดเป็นเงินเพียง 48.76 ดอลลาร์ หรือราว 1,550 บาท แต่ให้ทิปพนักงานเป็นเงิน 2,000 ดอลลาร์ หรือราว 63,600 บาท (เครดิตภาพจาก เฟซบุ๊กของ Silver Street Tavern & Restaurant ) ข่าวอ้าง ซาแมนธา คล๊าร์ก สาวเสิร์ฟวัย 21 ที่คอยดูแลลูกค้าสองสามีภรรยาสูงวัยที่เธอบรรยายว่าเป็นชายสูงวัยที่ดูเป็นสุภาพบุรุษ ส่วนภรรยาก็ดูเป็นสุภาพสตรี และต่างดูเป็นมิตร และดูเป็นคนง่ายๆ ว่า ระหว่างเธอคอยดูแลให้บริการที่โต๊ะของสามีภรรยาคู่นี้ ก็มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่ คุณสามีบอกกับเธอว่า มีพนักงานคนหนึ่งหยิบแก้วไวน์ผิดมาให้ จากนั้นบาร์เทนเดอร์ จึงทำเครื่องดื่มแก้วใหม่มาให้ ซึ่งซาแมนธา บอกว่า เธอยังนึกกลัวว่า ลูกค้าชายสูงวัยผู้นี้ อาจจะขอพบผู้จัดการร้านเพื่อบอกให้รู้ถึง ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่า ลูกค้าชายสูงวัยกลับมอบเงินทิป 2,000 ดอลลาร์ หรือราว 63,600 บาท บอกใ
เปิด 5 ประเทศที่ต้องการแรงงานไทย เผยอาชีพสุดรุ่งตลาดต่างประเทศตามหา ชี้ภาษาเป็นสิ่งสำคัญ “จ๊อบไทย” เปิด 5 ประเทศต้องการแรงงานไทย เผยงานช่าง วิศวกรรม ไอที ยังรุ่ง รับตลาดแรงงานต่างประเทศ จ๊อบไทย (JobThai) ผู้ให้บริการหางาน สมัครงาน ออนไลน์ อันดับ 1 ของประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลงานที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานต่างประเทศ จากฐานข้อมูลของจ๊อบไทยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 พบว่ามีงานต่างประเทศจำนวนกว่า 1,194 อัตรา โดยมี 5 ประเทศที่มีความต้องการแรงงานไทยไปทำงานด้วยมากที่สุด คือ 1.สหรัฐอเมริกา จำนวน 626 อัตรา ตามมาด้วย 2.ญี่ปุ่น จำนวน 240 อัตรา 3.ฟิลิปปินส์ จำนวน 77 อัตรา 4.ไต้หวัน จำนวน 40 อัตรา และ 5.จีน จำนวน 20 อัตรา ซึ่งงานที่ต้องการแรงงานไทยมากที่สุด ได้แก่ งานช่าง วิศวกรรม และไอที ตามลำดับ นอกจากนี้ยังเผยให้เห็นว่าประเทศญี่ปุ่นมีความต้องการอาชีพที่น่าสนใจ คือ ผู้ดูแลผู้สูงอายุ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีสังคมผู้สูงอายุอยู่จำนวนมาก นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการจ๊อบไทย (JobThai) กล่าวว่า จ๊อบไทย (JobThai) ผู้ให้บริการหางาน สมัครงาน ออนไลน์
วันที่ 20 ต.ค. โฆษกรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเผยแพร่แถลงการณ์ ระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะส่งคณะผู้แทนประธานาธิบดี นำโดยนายเจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดี ร่วมด้วย นายกลิน เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าร่วมในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 26 ต.ค. นี้ รมว.กลาโหม แห่งสหรัฐอเมริกา โอกาสนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในนามประชาชนชาวอเมริกัน นายทรัมป์ระบุว่า พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงครองใจพสกนิกรชาวไทย และทรงสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา พระราชกรณียกิจด้านนวัตกรรม การทูต และการอุทิศพระวรกายเพื่อทรงงานตลอดระยะเวลา 70 ปี จะเป็นมรดกที่ยังประโยชน์สู่อนุชนรุ่นหลังไปอีกยาวนาน ที่มา : ข่าวสดออนไลน์
เว็บไซต์ Careercast.com ของสหรัฐอเมริกา เผยข้อมูล นำมาวิเคราะห์และจัดอันดับอาชีพที่ดีและแย่ที่สุดในปี 2016 โดยที่ในปีนี้อาชีพที่ถูกยกให้เป็นอันดับ 1 คือ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (data scientist)เป็นตำแหน่งงานมาแรงที่กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในสหรัฐอเมริกา โดยงานนี้ไม่ใช่แค่เพียงเข้าถึงข้อมูลขนาดใหญ่ แต่จะต้องนำข้อมูลนั้นมาวิเคราะห์ นำไปใช้เพื่อศักยภาพในการแข่งขันของธุรกิจ ซึ่งจะต้องมีทักษะในการเชื่อมโยงหลายๆ สิ่งเข้าด้วยกัน และอาชีพนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลนี้ยังเป็นอาชีพที่ทำรายได้มากที่สุดอีกด้วย อันดับ 2 คือ นักสถิติ (Statistician) อันดับ 3 นักวิเคราะห์รักษาความปลอดภัยข้อมูล (Information Security Analyst) อันดับ 4 นักตรวจการได้ยิน/นักโสตสัมผัสวิทยา (Audioligist) อันดับ 5 แพทย์อัลตราซาวด์ (Diagnostic Medical Sonographer) ส่วนด้านอาชีพที่แย่ที่สุดของปี 2016 ตกเป็นของอาชีพ นักข่าวหนังสือพิมพ์ (Newspaper Reporter) ที่เตอนนี้ และในอนาคตอาจจะถึงทางตันของภาวะสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีรายได้ลดลงเรื่อยๆ รวมถึงพนักงานเองก็ต้องปรับตัวกับสภาพของบริษัทด้วยเช่นกัน ประชาชาติฯออนไลน์แปลและเรียบเรียง
หลังจากซุ่มทดสอบแล่นอยู่บนถนนในเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ที่มีทั้งถนนขึ้นเนินเขาสูง ถนนเก่าๆ แคบๆ สะพานเก่าๆ ที่มีอยู่มากมาย แล้วไหนยังจะถนนที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง โดยใช้เวลาทดสอบอยู่เกือบ 2 ปี กระทั่งได้ผลทดสอบเป็นที่น่าพอใจแทบจะเหมือนกับรถยนต์ที่มีคนขับในที่สุด “อูเบอร์” บริการรถแท็กซี่ผ่านแอพพลิเคชั่นก็ได้ฤกษ์เปิดให้บริการ “รถแท็กซี่แบบไร้คนขับ” ในเมืองพิตต์สเบิร์กเป็นที่แรกและที่เดียวเท่านั้น ไปเมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา ในการเปิดตัวรถแท็กซี่ที่ท้าทายความกล้าของคนชอบ “ลองของใหม่” อูเบอร์ได้ใช้รถยนต์ฟอร์ด ฟิวชั่น ไฮบริด (Ford Fusion Hybrid) 4 คัน ที่ติดตั้งอุปกรณ์เลเซอร์ กล้อง และชุดอุปกรณ์เซนเซอร์ ตัวจับสัญญาณต่างๆ ครบครัน ซึ่งในอนาคตอันใกล้อูเบอร์บอกว่า กำลังร่วมมือกับบริษัทรถยนต์วอลโว่ของสวีเดน เพื่อพัฒนารถแท็กซี่แบบไร้คนขับออกมาให้บริการมากขึ้น ทั้งนี้ จากรายงานข่าวของเอเอฟพี เล่าว่า ด้วยความที่แท็กซี่แบบไร้คนขับยังเป็นบริการที่ใหม่มาก ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย และความสบายใจของผู้โดยสาร ในระยะแรกรถแท็กซี่แต่ละคันจึงจะมี “ช่างเทคนิค” 2 คนนั่งไปกับผู้โ