เปิดใจ
เปิดใจ ไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล CFO หญิงแกร่งเมืองไทย กับ ความสำเร็จบนเส้นทางสายการเงิน ในแวดวงการเงิน ‘ไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล’ ถูกกล่าวถึงในฐานะ CFO มากความสามารถที่อยู่เบื้องหลังการพลิกวิกฤตการเงินให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่มากมายและยังเป็นนักการเงินเพียงไม่กี่คนในยุควิกฤตต้มยำกุ้งที่สามารถปรับโครงสร้างหนี้และโครงสร้างกิจการขนาดใหญ่ของเมืองไทยได้ วันนี้เราจะพาคุณย้อนเส้นทางความสำเร็จของไตรทิพย์กับภารกิจที่น้อยคนนักจะกล้าชน ไม่มีคำว่า “ทำไม่ได้” บนเส้นทางสายการเงินของไตรทิพย์ ด้วยสไตล์การทำงานของนักการเงินหญิงที่กล้าลุยทุกปัญหา ท้าชนทุกอุปสรรค ครบด้วยทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทำให้เธอเป็นที่หมายตาของบริษัทยักษ์ใหญ่มากมาย หนึ่งในนั้นคือ บริษัท ดีลอยท์ เธอเข้ามาเพื่อตั้งทีมที่ปรึกษาทางการเงิน ความท้าทายในครั้งนั้นทำให้เธอกลายเป็นเพชรเม็ดงามและเป็นที่พูดถึงในแวดวงการเงินอย่างมาก หลังเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการเงินไม่นาน รัฐบาลประกาศลอยตัวค่าเงินบาทปี 2540 ส่งผลให้ 58 ไฟแนนซ์ประกาศปิดกิจการ ธุรกิจขนาดใหญ่ล้มละลาย กระบวนการฟื้นฟูกิจการกลายเป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทยและอยู่ในช่วงร่างกฎหมายฟื้นฟ
เปิดใจ แม่ค้าสาว แต่งหน้าเป็นศพ ไลฟ์ขายเสื้อผ้าคนตาย แต่งหน้าเป็นศพขายเสื้อผ้าคนตาย – การไลฟ์ขายของ ดูจะไม่ใช่เรื่องแปลกอีกแล้วสำหรับการค้าขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ในยุคนี้สมัยนี้ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน เกิดเป็นกระแสฮือฮาขึ้นบนโลกโซเชียล เกี่ยวกับการไลฟ์ขายของของแม่ค้าสาวคนหนึ่ง ซึ่งมีวิธีการขายที่แตกต่างจากพ่อค้าแม่ค้าเสื้อผ้าเจ้าอื่นๆ คือการ “แต่งหน้าเป็นศพ” แล้วไลฟ์ขาย แต่นอกจากคอสตูมชวนขนหัวลุกแล้ว เสื้อผ้าที่เธอนำมาขายก็ไม่ใช่สินค้าทั่วไป แต่เป็น เสื้อผ้ามือสองจากคนตาย แม่ค้าสาวท่านนี้ คือ คุณกุ๊ก-กนิษฐา ทองมาก วัย 30 ปี ได้เปิดใจกับเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ว่า เธอยึดอาชีพเพ้นต์กางเกงยีนส์เสื้อผ้ามือสอง และปั้นงานเครื่องประดับโพลิเมอร์ขายมาได้หลายปีแล้ว ส่วนการขายเสื้อผ้าคนตายนั้น เพิ่งจะมาทำได้ไม่นาน “ตลาดสินค้าโดยเฉพาะเสื้อผ้ามือสอง มันก็ไม่ได้มีแค่เราที่เป็นคนขาย แล้วพอดีมีญาติเขาเอาเสื้อผ้าของคนในครอบครัวที่เสียชีวิตแล้วมาฝากเราขาย ก็ขอเขาแล้วเอามา มันก็มีขายได้บ้าง เลยมาลองไลฟ์ขายเสื้อผ้าคนตายดู แล้วที่เห็นว่าแต่งหน้าน่ากลัวๆ จริงๆ มันมีอยู่วันหนึ่งที่บ้านไฟดับ
สาวดีลิเวอรี่ เปิดใจ ทำงาน “ช่วงโควิด” ต้องลงทุน เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและลูกค้า หากใครยังจำกันได้ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” เคยนำเสนอเรื่องราวของ คุณทราย–ดาริสา ธรรมสถิร วัย 37 ปี สาวเปรี้ยวที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ แล้วหันมาจับจักรยานรับงานอิสระ (อ่านเรื่องก่อนหน้า คลิก) วันนี้มีโอกาสได้คุยกับเธออีกครั้ง จึงอดถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันไม่ได้ เธอเล่าว่า ตั้งแต่ทำงานเป็นเก็ท รันเนอร์มา ชีวิตมีความสุข รายได้มีประมาณหมื่นปลายๆ ซึ่งถือเป็นจำนวนที่เพียงพอที่จะเลี้ยงชีพตัวเองได้ ยิ่งสถานการณ์โควิดเข้ามามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิต ต้องยอมรับเลยว่า การเรียกใช้บริการดีลิเวอรี่ส่งอาหาร กลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เพราะแม้จะเป็นระยะทางเพียง 200 เมตร แต่คนก็ไม่ค่อยอยากออกจากบ้านไปซื้อเองแล้ว “การเรียกดีลิเวอรี่แทนการออกไปซื้อเองมันเพิ่มขึ้นก็จริง แต่ก็เรียกได้ว่า อาชีพแบบเราเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูงเหมือนกัน ผลกระทบอย่างเดียวเลยสำหรับทรายคือ เรื่องของแอลกอฮอล์ เพราะมันหาซื้อยากมาก ส่วนแมสก์เรามีอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้าโควิดมันก็มีเรื่องของฝุ่น ก็ซื้อเก็บๆ ไว้
เราไม่ทิ้งกัน! เปิดใจ คนได้เงิน 5 พัน “ยังดีที่ได้ แต่ยังไม่พออยู่ดี” เราไม่ทิ้งกัน! – เป็นเวลา 4 วันแล้ว สำหรับการทยอยโอนเงิน 5 พันบาท เข้าบัญชีธนาคารหรือบัญชีพร้อมเพย์ ที่ทางรัฐบาลได้เปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ เราไม่ทิ้งกัน เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งบางส่วนออกมาบอกว่าได้รับเงินเยียวยาแล้ว บางส่วนก็ยังคงรอต่อไป “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” ได้สอบถามไปยังผู้ที่ลงทะเบียนดังกล่าว โดย คุณเกด – ภัณภศรณ์ พ้นภัย แม่ค้าตลาดนัด วัย 45 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า เธอเองเป็นหนึ่งในคนที่เดือดร้อนและลงทะเบียนขอรับเงินชดเชย ซึ่งก็ได้รับเงินมาแล้วเรียบร้อย “ส่วนตัวพี่ได้เงินแล้วค่ะ ได้มาก็เอาไปต่อยอดซื้อพวกหมูฝอยอะไรนี่มาขาย เพราะเอาจริงๆ 5 พันต่อเดือนที่ได้มามันไม่พอหรอกค่ะ ค่านม ค่าอาหารเสริม ค่ายาของลูกพี่ เดือนนึง 3-4 พันแล้ว บางคนเขามีรายจ่ายไม่เท่ากัน ได้เงินมาก็ต้องมาพึ่งตัวเองอยู่ดี เพราะพูดตรงๆ เรารอรัฐบาลไม่ได้หรอก เพราะขั้นตอนเยอะและช้า เงินก็มีไม่พอแจกได้ทุกคนทั้งๆ ที่ก็เดือดร้อนกันหมด เพราะแบบนั้นเร
สาวเปิดใจ เค้กหลักร้อย จ่ายค่าลิขสิทธิ์หลักหมื่น รับผิดคิดไม่ถึงงานฝีมือเข้าข่าย! จากกรณีที่เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 62 เพจเฟซบุ๊ก “วุ้นละมุน เชียงใหม่” โพสต์ภาพพร้อมบอกเล่าเรื่องราวว่า ทำวุ้นขาย โดยช่วงบ่ายวันที่ 20 เม.ย. 62 นำวุ้นลายการ์ตูนโดราเอมอน จำนวน 2 ก้อน ที่ลูกค้าสั่งทำอ้างว่าจะเลี้ยงวันเกิดให้ลูกฝาแฝด ไปส่งให้ที่ร้านกาแฟตรงข้ามกับสถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ตามลูกค้านัด แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงกลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและตัวแทนลิขสิทธิ์โดราเอมอนจับ พร้อมพากันไปเจรจาไกล่เกลี่ยกันที่สถานีตำรวจ ก่อนที่จะมีการตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้หลักหมื่น เพื่อไม่ต้องไปต่อสู้คดีกันในชั้นศาล ซึ่งแม้เป็นการล่อซื้อ แต่ยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิด พร้อมได้นำประสบการณ์มาบอกเล่าเป็นกรณีตัวอย่างให้กับผู้อื่น โดยโพสต์ดังกล่าวมีการแชร์และมีผู้เข้าไปแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก ส่วนใหญ่ตำหนิและตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับพฤติกรรมของตัวแทนลิขสิทธิ์และการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำในลักษณะของการ “ล่อซื้อ” เช่นนี้ โดย น.ส.ทิพวรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ชาวอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ เจ
เปิดใจเด็ก 13 ขวบ เจ้าของลูกอม ‘Zollipops’ โกยรายได้เกือบ 200 ล้าน เมื่อปี 2561 หาเงินได้เยอะแยะตั้งแต่ยังเรียนอยู่แค่ชั้นมัธยม โดยเมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา อาลินา มอร์ส เด็กหญิงชาวรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา วัย 13 ขวบ สามารถทำรายได้จากการขาย ซอลลี แคนดี้ (Zolli Candy) ลูกอมที่นอกจากจะดีต่อสุขภาพฟัน ยังช่วยทำความสะอาดฟันได้ด้วย เป็นเงินถึง 6,000,000 ดอลลาร์ หรือราว 198 ล้านบาท อาลินาคิดส่วนผสมของลูกอมซอลลีขึ้นมาตั้งแต่เธออายุเพียง 9 ขวบ กระทั่งปัจจุบันลูกอมของเธอ ซึ่งมีทั้ง Zollipops, Zolli Drops และ Zaffi Taffy มีวางขายอยู่ในร้านค้า 7,500 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา รวมทั้งในเว็บอเมซอน ในห้างวอลมาร์ท ในโครเกอร์ ใน Whole Foods บริษัทที่ทำธุรกิจซุปเปอร์มาร์เก็ตในสหรัฐอเมริกา สาวน้อยนักคิด นักทำ ให้สัมภาษณ์กับ ยาฮู ไลฟ์สไตล์ (Yahoo Lifestyle) ถึงความเป็นมาและความสำเร็จของลูกอมในตระกูลซอลลีของเธอไว้ดังนี้ ยาฮู ไลฟ์สไตล์ ถามว่า “ฉันได้อ่านมาว่า หนูได้ไอเดียอยากทำลูกอม ซอลลีป๊อป (Zollipops) ตั้งแต่หนูอายุแค่ 7 ขวบ หนูมีการตัดสินใจ และพยายามทำอย่างไรให้ไอเดียนี้ของหนูเป็นจริงขึ้นมา?” อาลินา
เปิดใจชีวิตรันทด “เอ เชิญยิ้ม” เผยเอง ต้องเก็บเศษอาหารกินประทังชีวิต เอ เชิญยิ้ม ดาวตลกดัง เปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง one31 ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร โดยเปิดหมดตั้งแต่เรื่องบ้านแตก พ่อหอบลูกหนีแม่ พอโตขึ้นก็ลำบากถึงขั้นเก็บเศษอาหารในร้านฟาสต์ฟู้ดกินประทังชีวิต ชีวิตวัยเด็กเป็นยังไง? เอ : “เป็นเด็กบ้านแตก คือคุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกัน ตั้งแต่ผม 3 ขวบ ผมก็อยู่กับคุณพ่อมาตลอด ตอนเด็กๆ ก็มีคำถามเหมือนกันว่าแม่ไปไหน แต่พ่อก็ไม่ได้บอกให้เราเกลียดแม่ พ่อบอกว่ามีเหตุผลของผู้ใหญ่ที่ทำให้ไม่สามารถร่วมชีวิตกันได้ เราก็เข้าใจอยู่กับพ่อมาตลอดโดยที่คุณพ่อไม่มีภรรยาใหม่เลย” เคยถามพ่อไหมว่าทำไมแม่ถึงไป ปกติลูกจะอยู่กับแม่ แต่เราอยู่กับพ่อ เพราะอะไร? เอ : “คุณพ่อถึงกับหอบลูกหนีในช่วงที่แยกกัน ต่างคนต่างแย่งลูก พ่อก็หอบลูกหนีไปอยู่ต่างจังหวัดไปอยู่ในที่ที่แม่ไม่สามารถตามได้” เคยเจอคุณแม่บ้างไหม? เอ : “เคยเจอเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แล้วตอนนี้แม่ก็เสียชีวิตไปแล้ว” เห็นว่ามีช่วงที่คุณพ่อตกงาน ช่วงนั้นเป็นยังไงบ้าง? เอ : “คุณพ่อก็เปลี่ยนอาชีพจากตลกไปขายของ ไปขายลูกชิ้น ทำหล
เปิดใจ อดีตผกก.สืบสุรินทร์ โพสต์บอกเพื่อน ขอลาออกไปดูแลแม่ เปิดใจ อดีตผกก.สืบสุรินทร์ จากกรณี พ.ต.อ.จเร สุปิรยะ โพสต์บอกเพื่อนข้าราชตำรวจทางเพจเฟซบุ๊ก ว่าขอลาออกจากตำแหน่งผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เพราะเลือกไปดูแลแม่ที่แก่มีอายุมากแล้ว ปรากฏว่าโพสต์ดังกล่าวได้รับคำชื่นชมและคอมเมนต์จำนวนมาก ส่วนใหญ่ชื่นชมในความเป็นลูกกตัญญู ทดแทนบุญคุณ และเป็นบุคคลหาได้ยากในปัจจุบัน ต่อมาผู้สื่อข่าวติดต่อสัมภาษณ์ พ.ต.อ.จเร สุปิรยะ ทางโทรศัพท์ เจ้าตัวเล่าว่า ตั้งใจเขียนโพสต์ลาเพื่อนข้าราชการตำรวจในจังหวัดสุรินทร์ ด้วยกันให้รับทราบ เพราะว่าไม่ได้บอกกล่าวด้วยวาจา ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจและเข้ามาแชร์โพสต์ของตนเองออกไปเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีเพื่อนๆ และคนที่รู้จักกันเคารพนับถือโทร.มาให้กำลังใจเป็นจำนวนมากตลอดทั้งวัน จริงๆ แล้วตนเองตั้งใจจะลาออกจากราชการมานานเหมือนกัน เพราะว่าแม่อายุมากแล้ว 89 ปี ป่วยชราภาพ ไม่มีใครดูแล พี่ชายก็มีงานทำมีธุระ ไม่ค่อยได้มีเวลาให้เต็มที่ ส่วนตนเอง นานๆ ครั้งจะลางานมาดูแลแม่ และต้องใช้เวลาหลายวัน จึงคิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจลาออกจากราชการ เพราะเหลือเวลาราชการอยู่อ
เมื่อเวลา 18.45 น. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เปิดเผยภายหลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ว่า ขอบคุณศาลที่ให้โอกาสผมพิสูจน์ข้อเท็จจริงชั้นศาลฎีกา และขอบคุณ ที่อนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราวในครั้งนี้ นายสรยุทธ กล่าวว่า อยู่ข้างใน ก็ไม่สะดวกไม่สบายแน่ ต้องใช้คำว่าลำบาก แต่ต้องอดทนอยู่ให้ได้ เพราะอยู่ระหว่างขั้นตอนการเขียนฎีกา และปรึกษาทนายความให้เสร็จเพื่อยื่นให้ศาลรับรองฎีกา เพราะฉะนั้นจะยากสำหรับการอยู่ข้างใน และสุดท้ายก็ได้รับการประกันตัว “ใจหนึ่งก็อยากออกให้เร็วที่สุด ต้องยื่นฎีกาให้เร็วที่สุดเพื่อให้ได้ประกันตัว จึงต้องทำให้ดีที่สุด ภายใต้ข้อจำกัด ก็ต้องอดทนอยู่ข้างใน แนวทางต่อจากนี้ ไม่คิดอะไรเลยนอกจากไปหาแม่ก่อน ผมยังมีเวลาเล็กน้อยตามกำหนด คือ 30 วัน เพราะตอนอยู่ข้างในฎีกาอาจยังไม่รอบคอบ จากนี้ ก็ต้องไปทำให้รัดกุมดีที่สุด” นายสรยุทธ กล่าว ที่มา : ข่าวสดออนไลน์