เลี้ยงหมู
อดีตหนุ่มโรงงาน ผันตัวเป็น เกษตรกร ต่อยอด เลี้ยงหมูครบวงจร สร้างเงินได้กว่าหลักล้าน! ฟาร์มเลี้ยงหมู เกิดเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จากราคาเนื้อหมูที่ปรับราคาเพิ่ม ส่งผลให้เกษตรกรทำฟาร์มเลี้ยงหมูได้รับอานิสงส์ไปด้วย ช่วงโควิดหลายคนกลับบ้านและมาเลี้ยงหมูจนร่ำรวยกว่าการทำงานประจำ ก็มีหลายราย รวมถึงอดีตพนักงานโรงงานรายนี้ ผันตัวเองมาเปิดร้านเป็นตัวแทนจำหน่ายอาหารหมู ปัจจุบันได้เป็นเจ้าของธุรกิจเลี้ยงหมูครบวงจร ที่มีเงินหมุนเวียนในระบบหลักล้านบาท คุณดิเรก โมราราช เจ้าของร้านรัชดาการเกษตร จำหน่ายอาหารสัตว์ และฟาร์มเลี้ยงหมูครบวงจร จังหวัดบึงกาฬ เล่าว่า ตนเองได้เปิดร้านรัชดาการเกษตรมาได้ประมาณ 7 ปี เริ่มจากจำหน่ายอาหารสุกร (อาหารหมู) เพียงอย่างเดียว และค่อยเพิ่มเป็นอาหารวัวและไก่เข้ามาเสริม แต่หลังจากเป็นตัวแทนขายอาหารหมูให้กับผู้ผลิตอาหารหมูรายหนึ่ง ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 2-3 แสนบาท โดยได้ลาออกจากการทำโรงงานมาเปิดร้านขายอาหารสัตว์ตามน้องเขยที่ทำมาก่อน และเห็นว่า รายได้ดี ก็มาทำบ้าง ปัจจุบัน ไม่ได้แค่ขายอาหารสัตว์ แต่เขายังทำฟาร์มเพาะพันธุ์ลูกหมู ส่งให้กับเกษตรกรในเครือข่ายด้วย รวมถึง
หลังเจอปัญหาวิกฤตทางการเมือง ปี 2554 ธุรกิจสมุนไพรและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ที่เคยสร้างรายได้สะพัดวันละแสน กลับขายไม่ออก ขาดทุนสะสมจนกลายเป็นหนี้ก้อนโต แต่ “ศุภธิดา ศรีชารัตน์” ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรค เธอปรับตัวสู้ชีวิตใหม่อีกครั้ง โดยน้อมนำแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต จนสามารถปลดหนี้เงินล้านได้สำเร็จภายในระยะเวลาเพียง 4 ปี คุณศุภธิดา เกิดและเติบโตในครอบครัวเกษตรกร ในหมู่บ้านหนองกอง หมู่ที่ 3 อำเภอโดด อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จังหวัดศรีสะเกษ เธอเห็นพ่อแม่ทำนามาตลอดชีวิตแต่ไม่รวยสักที หลังเรียนจบมัธยมจึงตัดสินใจไปทำธุรกิจค้าขายที่กรุงเทพฯ โดยเปิดร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ที่ห้างเซ็นทรัล สาขาบางนา และที่อิมพีเรียล สำโรง ระยะแรกธุรกิจเติบโตดีมาก สร้างรายได้สูงถึงวัน 100,000- 200,000 บาท แต่การใช้ชีวิตในสังคมเมืองหลวงมีภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ทั้งค่ากินอยู่ ค่าเช่าที่ ค่าจ้างคนงาน ฯลฯ หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วแทบไม่เหลือผลกำไร ต่อมาเกิดวิกฤตทางการเมือง สินค้าขายไม่ดี เกิดหนี้สินก้อนโต กว่าล้านบาท ช่วงปลายป
เผยสูตรอาหารสัตว์ต้นทุนต่ำ ช่วยให้ลูกหมูโตเร็ว ขายได้น้ำหนักดี อาหารสัตว์มีความสำคัญ และจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการดำรงชีวิตของสัตว์ อาหารของสัตว์อาจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือเกิดขึ้นจากการแปรรูปพืชและสัตว์ ในยามนี้ หากใครเลี้ยงสัตว์เชิงการค้า โดยอาศัยอาหารสัตว์ที่มีขายในท้องตลาดเป็นหลัก อาจมีภาระต้นทุนการผลิตสูง เพราะอาหารสัตว์ส่วนใหญ่มีราคาแพง สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู หากใครสนใจอยากลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์ ขอแนะนำสูตรอาหารสัตว์จากภูมิปัญญาชาวบ้านและงานวิจัย จำนวน 3 สูตร ที่ใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นมาดัดแปลงเป็นอาหารสัตว์ ช่วยให้หมูเติบโตแข็งแรง และขายได้น้ำหนักดี เทคนิคเลี้ยงหมูแบบชีวภาพ คุณนรงค์ สุรธรรม อยู่บ้านเลขที่ 278 หมู่ที่ 1 บ้านอาฮี ตำบลอาฮี อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย เริ่มต้นเลี้ยงหมูหลุม แบบโบราณก่อนจะพัฒนาเป็น การเลี้ยงหมูแบบชีวภาพ เพื่อลดต้นทุนการเลี้ยง คุณนรงค์ เลี้ยงหมูแบบชีวภาพ โดยนำอาหารวัตถุดิบที่หาง่ายในท้องถิ่น เช่น กล้วยดิบ มันสำปะหลัง มะละกอ ใบกระถิน มาใช้เลี้ยงหมูแล้ว ยังสามารถใช้เลี้ยงวัวและปลาได้อีกด้วย พบว่า หมูเจริญเติบโตดีมาก 5 เดือน ก็จับขายได้แล้ว
นายสุรชัย สุทธิธรรม สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาสุกรตกต่ำทั่วประเทศ ซึ่งเกิดจากการที่เกษตรกรขยายแม่พันธุ์สุกรเกินปริมาณที่จำเป็นจากปกติที่ทั่วประเทศควรมีแม่พันธุ์ไม่เกิน 1 ล้านตัว แต่ขณะนี้คาดว่ามีมากถึง 115,0000 ตัว โดยในแม่พันธุ์ 1 ตัวสามารถให้ลูกได้ถึง 20 ตัวต่อปี ส่งผลให้ขณะนี้มีลูกสุกรเกิดมามากถึง 2-3 ล้านตัว จากเดิมที่มีประมาณ 1 ล้านตัวเท่านั้น สาเหตุที่มีแม่พันธุ์เกินความต้องการ เป็นเพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาราคาสุกรค่อนข้างดีและมีเสถียรภาพทำให้เกษตรกรขยายฟาร์มและแม่พันธุ์ออกไปเรื่อยๆ ทำให้ราคาจำหน่ายสุกรหน้าฟาร์มต่อกิโลกรัม (กก.) ตกต่ำโดยราคาสุกรหน้าฟาร์มภาคตะวันตก ราคา 46-47 บาท ตะวันออก 50 บาท อีสาน 49 บาท เหนือ 54 บาท ใต้ 52 บาทเท่านั้น จากที่เคยจำหน่ายได้เฉลี่ยก.ก.ละ 65 บาท เท่ากับว่าขาดทุนเฉลี่ยถึงตัวละ 1,500 บาท และคาดว่าจะยังคงราคานี้ต่อไปอีกสักระยะ จนกว่าแผนการลดจำนวนแม่พันธุ์สุกรจะได้ผล โดยขณะนี้ทางสมาคมอยู่ระหว่างการลดจำนวนแม่พันธุ์ทั้งประเทศด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อรณรงค์ให้มีการบริโภคสุกรมากขึ้น เช่นการทำหมูหันเพื่อลดแม่พันธุ์ กิจกรรมจำหน่ายเนื้