เส้ยทางเศรษฐีออนไลน์
ส่องเทรนด์สินค้าไซซ์เล็ก ตอบโจทย์ยุค…ข้าวยาก หมากแพง เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังเผชิญความยากลำบาก หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนต้องหันมารัดเข็มขัดรายจ่าย เดอะ จาการ์ตา โพสต์ รายงานว่า ขณะนี้ผู้บริโภคซื้อสินค้าบางชนิดน้อยลง หรือไม่ก็เปลี่ยนใจไปซื้อสินค้าที่ราคาถูกกว่า ซึ่งเทรนด์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่เกิดการระบาดของไวรัส และน่าจะยังอยู่ต่อไปอีกยาวๆ เพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นกลับมา “พีที ยูนิลีเวอร์ อินโดนีเซีย” ผู้ผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภครายใหญ่ พยายามคิดหาวิธีรับมือกับความประหยัด โดยเน้นให้สินค้ามีราคาแพงน้อยลง และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทเปิดตัวสินค้าทางเลือกที่มีราคาถูกลง และมีปริมาณน้อยลง เมื่อเทียบกับสินค้าปกติที่มีอยู่ เช่น สบู่เหลวไลฟ์บอย และซอสถั่วเหลือง “บังโก้” ที่มีขนาดเล็กลง เศรษฐกิจอินโดนีเซียหดตัว 5.32% ในไตรมาส 2 ปีนี้ และมีแนวโน้มจะหดตัวต่อเนื่องในไตรมาส 3 ซึ่งจะทำให้อินโดนีเซียเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งแรกนับจากปี 2542 ขณะเดียวกัน อินโดนีเซียก็มีคนว่างงานหลายล้านคน รวมถึงคนที่มีรายได้ลดลงจากการระบาดของโควิด-19 เช่นเดียวกับ “แซมส์ คลับ” (Sam
ความบันเทิงยุคโควิด-19! คาราโอเกะ แบบ #New Normal โควิด-19 ทำให้โลกเปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งผู้บริโภคและเจ้าของธุรกิจต่างต้องปรับตัวรับความปกติรูปแบบใหม่ (New Normal) ที่ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นแบบไหน “คาราโอเกะ” เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนัก เพราะเป็นสถานที่ที่มักรองรับผู้คนจำนวนมาก และต้องมีมาตรการลดความเสี่ยง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า สำนักข่าวเกียวโด หยิบยกการปรับตัวของผู้ประกอบการคาราโอเกะในญี่ปุ่น หลังทางการไฟเขียวให้กลับมาดำเนินธุรกิจได้ “คาราโอเกะ มาเนคิเนโกะ” ใกล้สถานีชินจูกุ ใช้เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เช็กลูกค้าทุกคน จะได้แน่ใจว่าไม่มีผู้ที่เป็นไข้สูงเข้าใช้บริการ นอกจากนี้ ลูกค้าจะต้องร้องเพลงด้วยไมโครโฟนที่มีผ้าครอบ พร้อมกรอบพลาสติกกันน้ำลาย พร้อมทั้งมีถุงมือเตรียมไว้สำหรับลูกค้าที่ต้องการสวม ลูกค้าหญิงวัย 18 ปี ที่มาร้องเพลงกับเพื่อน บอกว่า เธอได้มาคาราโอเกะครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ซึ่งเธอรู้สึกมีความสุขมากๆ ส่วนนักศึกษามหาวิทยาลัย วัย 21 ปี มองว่า มาตรการรับมือไวรัสมีความเหมาะสมและรับผิดชอบ ทำให้เขาใช้บริการได้อย่างสบายใจ คาราโอเกะในญี่ปุ่น ต้อง
อยู่เมืองไหนอยากตามไป…! ชุมชน “ผีน้อย” ระอุ ชวนไล่ล่าสาวโพสต์คลิปด่ากราด “ผีน้อย” – จากกรณีคลิปฮอต แชร์กันทั่วบ้านทั่วเมือง ที่สาวไทยรายหนึ่งออกมาโพสต์ด่ากราด “เป็นผีน้อยแล้วหนักหัวใคร” และขอหนีไวรัสโควิด-19 จากประเทศเกาหลีใต้ กลับมายังบ้านเกิดนั้น ล่าสุด มีรายงานข่าวจากชุมชนคนไทยในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีทั้งผู้ที่เดินทางไปทำงานอย่างถูกกฎหมาย และหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายหรือที่เรียกกันว่า “ผีน้อย” ว่า กำลังเกิดกระแสความไม่พอใจอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับพฤติกรรมการโพสต์ของหญิงสาวคนดังกล่าว ทั้งยังมีการระบุว่า ไม่ใช่ “ผีน้อย” ทุกตัว ที่ต้องการให้รัฐบาลไทยเข้ามาช่วยเหลือ “ในไลน์กลุ่ม คนไทยที่ทำงานในเกาหลี กำลังพากันต่อว่า ผีน้อย ที่ออกมาโพสต์คลิป เพราะการไปพูดแบบนั้น คนที่เกลียดอยู่แล้ว ยิ่งจะเกลียดผีน้อยเข้าไปอีก บางคนถึงกับถามไถ่ นางอยู่เมืองไหน จะพากันไปไล่กระทืบ” รายงานข่าว ระบุ ก่อนบอกด้วยว่า เมืองที่ “ผีน้อย” ของไทย นิยมไปทำงาน คือ เมืองซูวอน กับ เมืองอันซาน ซึ่งอยู่ใกล้กับกรุงโซล และค่อนข้างห่างจากเมืองแทกู-คยองซัง ที่กำลังมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนงานที่ “ผีน้อย”
พาณิชย์ โชว์ทำลาย แบรนด์เนมก๊อบ 10 ล้านชิ้น มูลค่า 550 ล้านบาท วันที่ 12 ก.ย. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวในการเป็นประธานดำเนินการทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ที่คดีถึงที่สุดแล้ว ณ ลานอเนกประสงค์ กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 7 กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและพัฒนาระบบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา สำหรับการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ภายใต้ การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งมีผู้แทนจาก 17 หน่วยงาน เป็นอนุกรรมการ โดยปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งตลาดที่มีการขายสินค้าละเมิด (Physical Markets) และตลาดออนไลน์ (Online Markets) รวมทั้งเข้มงวดป้องปรามการนำเข้าหรือออกทางช่องทางผ่านแดนตลอดจนทำความเข้าใจ และทำคว
ดวงประจำวันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน 2562 ราศีใดได้ลาภทางการเงิน ราศีใดมีโชคดีเกือบทั้งวัน ราศีเมษ เกิดตั้งแต่ 13 เม.ย.-14 พ.ค. ท่านจะพบว่ามีกิจการบางอย่างชะงักชักช้า คนอ่อนกว่าหรือบริวารของศัตรูเก่า เข้ามารับใช้ท่านอย่างใกล้ชิด จะมีการตรวจโรคเล็กๆ น้อยๆ บริวารบุตรหลานช่วยเหลือการงานอย่างเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ ราศีพฤษภ เกิดตั้งแต่ 15 พ.ค.-14 มิ.ย. ท่านมีตำแหน่งหน้าที่ทางการงานสูงขึ้น บริวารอยู่ในโอวาทและทำตามหน้าที่อย่างแข็งแรง ได้ลาภทางการเงินเป็นอันมาก และทางการงานได้ลาภเป็นหนังสือหรือลายลักษณ์อักษร ราศีมิถุน เกิดตั้งแต่ 15 มิ.ย.-15 ก.ค. ท่านมีร่างกายแข็งแรงดีอยู่แล้ว พลานามัยจะดียิ่งๆ ขึ้นไป อีกสองวันจะเป็นการเริ่มต้นศักราชการเจริญรุ่งเรืองของท่าน ท่านไม่ควรกู้หนี้ยืมสินใครใดๆ ทั้งสิ้น จะมีผู้มาอาศัยอยู่กับท่าน ราศีกรกฎ เกิดตั้งแต่ 16 ก.ค.-16 ส.ค. ท่านจะได้รับสิ่งของมีค่าและสวยงามเป็นอันมาก จะได้รับประโยชน์จากคณะศิษย์และบริวาร ถ้ามีอาการเกี่ยวกับดวงตาจะหายได้โดยรวดเร็ว การงานบางอย่างควรระงับยับยั้งไว้ชั่วคราว ราศีสิงห์ เกิดตั้งแต่ 17 ส.ค.-16 ก.ย. ท่านจะนำบุตรหลานหรือครูอาจารย์จะได้ผลด
โอกาสธุรกิจรายย่อย ทุนเริ่มต้น 8,000 บาท “Flash Home” บาย “แฟลช เอ็กซ์เพรส” ข่าวแจ้งว่า บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด (Flash Express) ผู้ให้บริการด้านขนส่งแบบครบวงจร ภายใต้คอนเซ็ปต์ “คิดถึง ส่งถึง In mind In delivery” เดินหน้ารุกธุรกิจ E-commerce เปิดโปรเจ็กต์ “Flash Home” (แฟลช โฮม)โครงการที่สร้างโอกาสการทำธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย และกลุ่มพ่อบ้าน แม่บ้าน ที่สนใจในธุรกิจขนส่ง และอยากเริ่มต้นทำธุรกิจของตนเองที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมาก แต่สร้างรายได้ที่มั่นคง พร้อมชูแนวคิดเรื่องการเปลี่ยนพื้นที่ในบ้านหรือร้านค้าที่มีอยู่เดิมให้เป็นจุดบริการรับ-ส่งพัสดุของ แฟลช เอ็กซ์เพรส โดยธุรกิจดังกล่าวจะสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อย และกลุ่มพ่อบ้าน แม่บ้าน ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า มีอาชีพที่มั่นคง ที่สำคัญยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เข้ามารองรับการเติบโตในการใช้บริการรับ – ส่งพัสดุของคนในชุมชนที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับเงื่อนไขการรับสมัคร มีดังนี้ 1. มีบ้านหรือร้านที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นจุดบริการพัสดุ 2. มีพื้นที่จัดเก็บพัสดุที่ปลอดภัย 3. ผู้สมัครต้องไม่เป็นตัวแทนผู้
ของดีเมืองตราด “สามกระต่าย” น้ำปลาไทยขวัญใจเพื่อนบ้าน ส่งขายกัมพูชาเดือนละแสนขวด “ธุรกิจนี้ว่าไปแล้ว ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความตั้งใจเท่าไหร่ น่าจะมาแบบจับพลัดจับผลูมากกว่า” คุณวิบูลย์ เครือลอย ผู้บริหารวัย 60 เศษ ของบริษัท เทพพรชัย อุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำปลา ตรา “สามกระต่าย” โอท็อป 5 ดาว ของจังหวัดตราด ที่มีเสียงร่ำลือหนาหู หากใครไปเที่ยวเมืองตราด แล้วไม่ได้หิ้วน้ำปลายี่ห้อนี้ติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้าน ถือว่าพลาดอย่างแรง เริ่มต้นบทสนทนาอย่างนั้น ก่อนย้อนที่มากิจการของครอบครัวให้ฟังว่า แต่เดิมเมื่อราว 40 ปีก่อน คุณกุลวิทย์ เครือลอย คุณพ่อของเขา ประกอบอาชีพทำการประมง มีเรือจับและรับซื้อปลาแถวเกาะกูด จังหวัดตราด ซึ่งปลาที่จับและรับซื้อมานั้น จะถูกขายต่อให้กับโรงน้ำปลาเจ้าใหญ่-แบรนด์ดัง อย่าง ทิพรส ปลาหมึก ตราชั่ง ฯลฯ ซึ่งฐานการผลิตอยู่ในพื้นที่แตกต่างกันไป มีทั้งอำเภอแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ปากน้ำระยอง จังหวัดระยอง และ จังหวัดชลบุรี โดยโรงน้ำปลาแต่ละยี่ห้อนั้นจะมีเรือบรรทุกขนาดใหญ่ ความจุประมาณ 70-80 ตัน แล่นมารับซื้อ ปลาไส้ตัน หรือ “ปลาหัวอ่อน” ตามภาษาคนตราด จากกิจการ
“ช่อดอกไม้ธนบัตร” ของขวัญสายเปย์ ยอดขายกระฉูดรับวันวาเลนไทน์ ต้อนรับวันแห่งความรัก ด้วยธุรกิจยอดขายมาแรง “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” เชื่อว่า หลายๆ คนคงเคยเห็นผ่านตามาแล้ว โดยเฉพาะงานรับปริญญา อย่าง “ช่อดอกไม้ธนบัตร” ดอกไม้ธนบัตร – ร้านช่อขวัญ ร้านรับทำช่อดอกไม้ บายศรี และพวงมาลัยจากธนบัตร เจ้าของคือ คุณญาณี ญาณีภรณ์ เจ้าของร้าน วัย 30 ปี เล่าให้ฟังว่า ตนทำธุรกิจมา 5 ปีแล้ว ปกติ ยอดสั่งซื้อของลูกค้าจะอยู่ที่ 10 – 20 ช่อ แต่วาเลนไทน์ปีนี้ มียอดขายมากกว่าปกติเป็นเท่าตัว รายได้อยู่ที่หลักหมื่น มีออร์เดอร์สั่งทำกว่า 40 ช่อ โดยกลุ่มลูกค้าจะมีในทุกระดับอายุ ทั้งขาจรและขาประจำ เธอกล่าวว่า ตนศึกษาวิธีการพับกระดาษ และการทำช่อดอกไม้จากยูทูบ มาต่อยอดเป็นธุรกิจ ลูกค้าส่วนใหญ่ จะนิยมสั่งทำรูปดอกกุหลาบ และดอกลิลลี่ แน่นอนว่า ในการทำธุรกิจที่ต้องใช้ “ธนบัตร” หรือ “เงิน” เป็นวัตถุดิบหลักในการจัดทำ คุณญาณี กล่าวว่า ใช้ทั้งเงินของทางร้าน และเงินที่ลูกค้าโอนมา โดยในกรณีที่ต้องใช้ธนบัตรจำนวนมาก จะใช้เงินของลูกค้า เพราะทางร้านสะสมไว้ไม่เพียงพอ ซึ่งตนเคยทำมากที่สุดถึง 300 ใบ แต่ก็ไม่ใช่เรื
“ปิ้ง ย่าง ทอด ถาดยักษ์” ของกินขายดี ถูกใจวัยรุ่น แชร์กันกิน แชร์กันจ่าย สมัยนี้ของกินขายดีต้องยักษ์ๆ ใหญ่ๆ ไล่มาตั้งแต่ ส้มตำถาดยักษ์ พิซซ่ายักษ์ แฮมเบอร์เกอร์ยักษ์ ซีฟู้ดถาดยักษ์ ก๋วยเตี๋ยวชามยักษ์ ล่าสุดเห็นมีขนมโตเกียวยักษ์ ของยักษ์ๆ ถูกจริตวัยรุ่น ไปกันหลายคน แชร์กันกิน แชร์กันหาร เลยสุดคุ้ม และเป็นความท้าทายคนกินที่ต้องกำจัดให้หมด และเป็นจุดขายของหลายร้าน ถ้ากินหมดได้กินฟรี กินไม่หมดต้องจ่ายตังค์ ตามงานแสดงอาหาร มักจะมีการปรุงอาหารกระทะยักษ์ ให้มาช่วยกันทำหลายๆ คน มีทั้งงานในประเทศและนอกประเทศ เช่น ข้าวผัดกระทะยักษ์ ไข่เจียวยักษ์ เมื่อปี 2536 กว่า 25 ปีมาแล้ว อาจารย์พลศรี คชาชีวะ แห่งโรงเรียนแม่บ้านทันสมัย ยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวอยู่ มีแรงอยากจะทำงานมหกรรมอาหารขึ้นมาเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เลยไปหาท่านเสรี วังส์ไพจิตร ซึ่งหล่อและหนุ่มกว่าอาจารย์พลศรี ตอนนั้นท่านเป็นรองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เห็นดีด้วย พอมีผู้สนับสนุนเป็นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย งานเลยเป็นรูปเป็นร่าง แม่บ้านทันสมัยยังจับมือกับบริษัทน้ำมันพืชมรกตในยุคนั้นมี คุณศุภลักษณ์ อัศวานนท์ เป็นผู้บริหาร