แพทย์เตือน
แพทย์เตือน ช่วงหน้าฝน ระวังเห็ดพิษ ดูให้ดีก่อนซื้อรับประทาน เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีและโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงนี้มีฝนตกในหลายพื้นที่ ซึ่งหลังจากฝนตกประมาณ 2 วัน จะมีการเจริญเติบโตของเห็ดป่าขึ้นเองตามธรรมชาติ ประชาชนมักนิยมเก็บเห็ดป่ามาขายหรือนำมาปรุงอาหาร ซึ่งในแต่ละปีจะพบผู้ป่วยจากการรับประทานเห็ดพิษเป็นประจำ เนื่องจากเห็ดป่ามีทั้งเห็ดที่รับประทานได้และเห็ดพิษ ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ โดยข้อมูลจากรายงานโรคในระบบเฝ้าระวังตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-25 พฤษภาคม 2563 พบผู้ป่วย 85 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด 3 กลุ่ม คือ กลุ่มอายุ 45-54 ปี รองลงมา กลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป และ 25-34 ปี ตามลำดับ เห็ดพิษที่เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตส่วนใหญ่ คือ เห็ดระโงกพิษ บางแห่งเรียกว่าเห็ดระโงกหิน เห็ดระงาก หรือเห็ดไข่ตายซาก ซึ่งเห็ดชนิดนี้คล้ายคลึงกับเห็ดระโงกขาว หรือไข่ห่าน ที่สามารถรับประทานได้ แต่แตกต่างกันคือ เห็ดระโงกพิษจะมีก้านสูง กลางดอกหมวกจะนูนเล็กน้อย มีกลิ่นค่อนข้างแรง นอกจากนี้ ยังมีเห็ดป่าชนิดที่มีพิษรุนแรงคือ เห็ดเม
ไปกันใหญ่แล้ว “แคปซูลกากเพชร” กินให้อึฟรุ้งฟริ้ง แพทย์เตือน อาจเกิดอันตราย เมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) เพจเฟซบุ๊ก หมอแล็บแพนด้า โพสต์เรื่องราว ระบุว่า ตอนนี้มีแคปซูลกากเพชรหรือที่เรียกว่า กลิตเตอร์ ขายในต่างประเทศ เมื่อกินเข้าไป กากเพชรจะปนออกมากับอุจจาระ ทำให้อุจจาระของคุณเปล่งประกาย เฉิดฉาย หลายคนอาจจะเคยเห็นกากเพชรที่ใช้ตกแต่งอาหาร ซึ่งอันนั้นเป็น food grade คือกินได้ ทำมาจากแป้งข้าวโพด น้ำตาล และสีผสมอาหารแบบแวววาว เป็นสีที่ผ่านการตรวจสอบว่าปลอดภัย กินได้ คณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) เขาออกมาระบุเลยว่า ถ้าใครจะเอามาตกแต่งอาหารจะต้องเลือกใช้กลิตเตอร์ชนิด ‘กินได้’ (food grade) เท่านั้น ! ทีนี้มันก็มีกลิตเตอร์อีกแบบหนึ่ง มีส่วนประกอบพลาสติกขนาดเล็ก ซึ่งคนสามารถกินได้ก็จริง ไม่ตาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย เพราะบางทีพลาสติกพวกนี้มักจะปนเปื้อนโลหะ หรือสารเคมี ซึ่งถ้ากินบ่อยๆ ก็อาจส่งผลเสียระยะยาวต่อร่างกายได้ในอนาคต และอีกอย่างหนึ่ง กลิตเตอร์มีขนาดเล็กมาก เบามาก ถ้าเผลอหลุดเข้าไปในระบบทางเดินหายใจ ก็อาจจะทำให้ปอดระคายเคือง ไอ หรือหายใจติดขัดได
แพทย์เตือน! อากาศหนาวสุขภาพเปลี่ยน ทั้งหัวใจ/ความดัน ทั้ง “เฉื่อยและอ้วน” นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์ชะลอวัย กล่าวว่า เมื่อความเย็นเริ่มมากระทบผิวกายไม่ว่าจะเป็นหนาวลม, เย็นแบบแห้งๆ หรือหนาวสะท้านแบบชื้นฝน ย่อมทำให้คนเราเจ็บป่วยได้ ซึ่งเรื่องของสุขภาพที่เปลี่ยนไปตอนหน้าหนาวนั้น มีสิ่งที่ถูกเตือนกันบ่อยครั้งทุกปีคือ โรคหวัด,ไข้หวัดใหญ่, ปอดติดเชื้อ, มือเท้าปาก, เริม, ผิวแห้งฯลฯ อย่างไรก็ดี อากาศที่หนาวเย็นลงขณะเราออกไปทำงานนอกบ้านหรือไปเที่ยวรับไอหนาวนั้นมีผลต่อสุขภาพมากกว่าแค่ “เป็นหวัด” คัดจมูกฟุดฟิดไอจาม แต่มันอาจส่งผลได้ถึงอวัยวะภายในของเราที่มองไม่เห็น ไปจนถึงอารมณ์และจิตใจได้ด้วย นพ.กฤษดา กล่าวถึง ผลกระทบต่อสุขภาพของความหนาวที่อาจถูกมองข้าม มาเล่าเพื่อจะได้เอาไว้ช่วยดูแลป้องกันเพิ่มได้เอง ดังต่อไปนี้ คือ 1. สุขภาพดวงตา เมืองหนาวที่เย็นจัดจนหิมะลงขาวโพลนนั้น มีคำหนึ่งใช้เรียกอาการผลกระทบจากแสงอาทิตย์ที่สะท้อนหิมะมาสู่ดวงตาว่า “Snow blindness” หรือตาพังเพราะแสงสะท้อนจากหิมะ จากรายงานของ University of Pittsburgh Medical Center ที่ระบุว่า ผืนหิมะสามารถสะท้อ
แพทย์เตือน อากาศร้อนจัดอันตราย! ระวังป่วย “ฮีทสโตรก” เด็ก-ผู้สูงอายุ-ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือ กำลังพักฟื้น ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง จากอากาศร้อนจัดช่วงเดือนเมษายน โดยพบว่า หลายจังหวัดอุณหภูมิทะลุ 40 องศาไปแล้วหลายพื้นที่ โดยเว็บไซต์ eldoradocountyweather.com ได้ทำการรวบรวมข้อมูลอุณหภูมิจากเมืองต่าง ๆ ในโลก รายงานสภาพอากาศเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 62 ที่ผ่านมา นั้นพบว่า เมืองเซ๊าะ ประเทศพม่า อุณหภูมิสูงที่สุดในโลกถึง 45.8 องศา ส่วนหลายจังหวัดของประเทศไทยก็ไม่น้อยหน้า อุณหภูมิสูงติดอันดับ 1 ใน 15 ของเมืองที่ร้อนที่สุดในโลกด้วย ซึ่งพบว่า จ.เลย ติดอันดับ 5 ที่อุณหภูมิ 43.4 องศา อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ติดอันดับ 6 ที่อุณหภูมิ 43.3 องศา อ.เถิน จ.ลำปาง ติดอันดับ 8 ที่อุณหภูมิ 43.3 องศา และ จ.สุโขทัย ติดลำดับ 13 ที่อุณหภูมิ 42.9 องศา อ่านข่าว เปิดสถิติ ไทยร้อนพุ่งติดอันดับโลก ไม่ใช่แค่จังหวัดเดียว! ล่าสุด เฟซบุ๊ก กรมการแพทย์ ออกแถลงการ เตือนภัย อากาศร้อนอันตราย ระวังป่วยโรคลมแดดหรือฮีทสโตรก ระบุว่า สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ เตือนประชาชนให้ระวังโรคลมแดด เนื่องจากปัจจุบันประเทศไท
หมอโพสต์เตือน! ดื่มสุราหนักท้องโต อันตรายถึงชีวิต คนไข้โอดทรมาน จะไม่ดื่มอีก นพ.สุริยพงณช์ สุริยะพงฑากุล โพสต์เรื่องราวอุทาหรณ์สำหรับคนที่ชอบดื่มสุรา โดยระบุว่า พิษและอันตรายจากสุราครับ แอลกอฮอล์ดื่มทุกครั้งจะถูกทำลายที่ตับ ยิ่งดื่มบ่อยจะทำให้ตับยิ่งทำงานมาก สุดท้ายตับทนไม่ไหวก็ตายไป ทำให้ตับหดตัวแข็ง พอตับแข็งก็จะทำให้เส้นเลือดจากลำไส้ด้านล่างทั้งหมดไหลผ่านเส้นเลือดดำใหญ่ (Portal Vein) เข้าตับที่แข็งไม่ได้ ผลคือเกิดน้ำรั่วออกจากเส้นเลือดจากลำไส้ทั้งหมดออกมาอยู่ในช่องท้องเรียก Ascitis ทำให้แน่นท้อง ท้องมานน้ำจะดันกำบังลมทำให้หายใจลำบาก หนักท้องทำให้เดินลำบาก ผลเสียต่อสุขภาพเห็นชัดคือ ตับเสียสภาพเซลตับตาย ตับแข็ง ท้องมานน้ำ บางรายกลายเป็นก้อนมะเร็งในตับตามมาครับ ผลเสียทางครอบครัว เศรษฐกิจทำงานไม่ได้ต้องป่วยมีคนดูแลภรรยาบางท่านก็อดทนอยู่กันไปเพื่อลูก แต่ผู้ป่วยรายนี้ทิ้งไปมีสามีใหม่แถมเป็นต่างชาติ ทิ้งลูกชายไว้ แต่น้องก็ช่วยเฝ้าคุณพ่อที่โรงพยาบาลครับ สองวันนี้ได้ช่วยดูดเอาน้ำในช่องท้องออกวันละ1000cc รวมวันนี้ 2000cc ผู้ป่วยว่าดี หายใจโล่งขึ้นตั้งแต่เมื่อวาน แต่การดูดน้ำออกมากขนาดนี้ต้องเ