โดนัลด์ ทรัมป์
คนไทยในอเมริกาสะเทือน! ทรัมป์ขึ้นภาษี 37% ร้านอาหารไทยเสี่ยงปรับราคา-เสียอัตลักษณ์ เรียกได้ว่าสะเทือนทุกหย่อมหญ้า หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีศุลกากร สินค้านำเข้าในสหรัฐฯ ทุกประเภท 10% และจะเก็บภาษีเพิ่มเติมกับหลายประเทศ พบว่า ไทย ถูกเก็บภาษีถึง 37% ในขณะที่จีน 34% เวียดนาม 46% และไต้หวัน 32% ทำให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ โดยเฉพาะคนไทยในอเมริกาที่ต้องพึ่งพาสินค้านำเข้าจากไทยเป็นหลัก วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณอาท-สุภกิจ ภัทรธีรานนท์ เจ้าของเพจ ร้านเด็ด อเมริกา เกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะผู้บริโภคและผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในอเมริกา ไทยเสียเปรียบจากนโยบาย America First คุณอาท กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทรัมป์ได้ประกาศก่อนหาเสียงอยู่แล้ว ว่าเขาจะใช้นโยบาย America First ที่จะให้อเมริกาได้ดุลการค้ากลับมา ทำให้ทรัมป์ต้องการปรับสมดุลผ่านการขึ้นภาษี ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ สินค้านำเข้าอย่างเหล็กก็เคยโดนมาตรการภาษีมาแล้ว แต่รอบนี้น่าตกใจ เพราะ อัตราภาษีสูงถึง 37% ซึ่งเกือบแตะ 50% การขึ้นภาษีรอบนี้กระทบเป็นวงกว้าง ไม
CIMB Thai จัดสัมมนาเจาะการลงทุนยุคทรัมป์ Investment Outlook 2025 : Navigating Thailand’s Economy and Financial Market in the Trump Era ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จัดสัมมนา Investment Outlook 2025 : Navigating Thailand’s Economy and Financial Market in the Trump Era สำหรับสมาชิก CIMB Preferred เพื่ออัปเดตมุมมอง กลยุทธ์ และทิศทางการลงทุนปี 2025 โดยผู้เชี่ยวชาญการลงทุนจาก ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ผนึกกำลังกับ 3 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำ บลจ.อีสท์สปริง (Eastspring) บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) และ บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) กล่าวเปิดงานโดย สุวดิศ ดิสถาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารช่องทางการขาย ธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย บรรยายหัวข้อ Global Economic Update Y2025 มองว่า นโยบายการค้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดย IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังเติบโตที่ 2% และจีนขยายตัวต่ำกว่า 5% แต่สหรัฐฯ มีแนวโน้มขาดดุลการค้ามากขึ้น แม้จะขาดดุลกับจีนลดลงจาก 40% เหลือ 20% แต่
โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศชัยชนะ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 47 ระหว่าง “คามาลา แฮร์ริส กับ โดนัลด์ ทรัมป์” ซึ่งเป็นที่น่าจับตามองจนทำให้มีการทำนายผลว่าใครจะได้รับตำแหน่ง ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น โดย สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ได้เผยแพร่คลิปน้องหมูเด้งทำนายถึงผลการเลือกตั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ได้ให้หมูเด้งเลือกระหว่างตะกร้าผลไม้ที่เต็มไปด้วยผลไม้หลายชนิด ที่มีชื่อของ คามาลา แฮร์ริส กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ปรากฏว่าหมูเด้งเลือกกินผลไม้ที่มีชื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์” เป็นการทำนายว่าทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งนี้ ล่าสุดทรัมป์ออกมาประกาศชัยชนะ หลังคาดการณ์ว่ามีแนวโน้มชนะผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 อย่างไรก็ตาม ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้วิเคราะห์ถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า “การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ วันที่ 5 พ.ย. 2024 กำลังจะส่งผลให้เกิดความผันผวนและความเปลี่ยนแปลง สำนักวิจัยฯ ประเมินฉากทัศน์ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับการเลือกตั้งใหม่ เพราะหากรองประธ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ หากไบเดนชนะ เศรษฐกิจสหรัฐ ฟื้นตัวเร็ว วันที่ 3 พ.ย. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ผลโพลและการคาดการณ์ต่างๆ มองการเลือกตั้งทั่วไปของสหรัฐ ที่มีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน ไปในทิศทางเดียวกันว่า โจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐ ในปี 2564 มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3.0% ในขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลลาร์ก็มีแนวโน้มอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับเงินสกุลต่างประเทศอื่นๆ ตามความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกที่ลดลง อย่างไรก็ตาม หากผลการเลือกตั้งพลิกโผโดยทรัมป์ได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีต่ออีกสมัย จะทำให้ตลาดเงินตลาดทุนผันผวนอย่างมาก ดัชนีตลาดหุ้นของสหรัฐ ปรับตัวลดลง ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลง แม้ว่าความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐ จะเพิ่มสูงขึ้น กรณีที่โจ ไบเดน ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี และพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา คาดว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ให้เติบโตมากกว่าในกรณีที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี ไม่ต่ำกว่า 1% ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยหากเศรษฐกิจสหรัฐ ขยายตัวได้เพิ่มขึ้น
ชื่นชม “บิล เกตส์” บิ๊กไมโครซอฟท์-รวยล้นฟ้า ติดดินต่อแถวซื้อ “เบอร์เกอร์” กินเอง ชื่นชม “บิล เกตส์” – วันที่ 18 ม.ค. เดลี่ย์เมล์ รายงานกระแสชื่นชมมหาเศรษฐีนักธุรกิจคนดัง บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทไมโครซอฟท์ บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา และหนึ่งในบุคคที่ร่ำรวยที่สุดในโลก หลังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์รูปบิล เกตส์ ยืนต่อแถวรอซื้อแฮมเบอร์เกอร์ที่ร้าน ดิ๊กส์ ไดรฟ์-อิน แฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดในเมืองซีแอตเทิล เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มีชาวเน็ตแห่กดไลก์มากกว่า 17,000 ครั้ง และแชร์รูปแล้วกว่า 14,000 ครั้ง นายไมก์ กาลอส อดีตพนักงานบริษัทไมโครซอฟท์ ถ่ายรูปบิล เกตส์ ในชุดเสื้อผ้าสบายๆ ยืนเข้าคิวที่ร้านดิ๊กส์ ไดรฟ์-อิน เมื่อ 13 ม.ค. เพื่อซื้อดีลักซ์เบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟรายส์ และโค้กแก้วใหญ่ รวมแล้ว 7.68 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 243 บาท) Billionaire Bill Gates, 63, was spotted in line at Dick’s Drive-In burger joint in Seattle on Sunday. /Mike Falos/Facebook/ นายกาลอสพิมพ์ข้อความบรรยายภาพดังกล่าวว่า “เมื่อคุณมีทรัพย์สินราว 100,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ (3.1 ล้านล้านบาท) จัดตั้งมูลนิธิการกุศลที่ใหญ่ที่
วันที่ 20 ต.ค. โฆษกรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเผยแพร่แถลงการณ์ ระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะส่งคณะผู้แทนประธานาธิบดี นำโดยนายเจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดี ร่วมด้วย นายกลิน เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าร่วมในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 26 ต.ค. นี้ รมว.กลาโหม แห่งสหรัฐอเมริกา โอกาสนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในนามประชาชนชาวอเมริกัน นายทรัมป์ระบุว่า พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงครองใจพสกนิกรชาวไทย และทรงสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา พระราชกรณียกิจด้านนวัตกรรม การทูต และการอุทิศพระวรกายเพื่อทรงงานตลอดระยะเวลา 70 ปี จะเป็นมรดกที่ยังประโยชน์สู่อนุชนรุ่นหลังไปอีกยาวนาน ที่มา : ข่าวสดออนไลน์
สำนักเอเอฟพีรายงานว่า นางเมลาเนีย ทรัมป์ ภรรยาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45 และเด็กชายบาร์รอน ทรัมป์ บุตรชายวัย 10 ขวบ อาจจะยังคงพักอยู่ที่นครนิวยอร์กต่อไป ขณะที่ตัวนายทรัมป์เองจะต้องย้ายไปอยู่ที่ทำเนียบขาว หลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี นายเจสัน มิลเลอร์ ผู้อำนวยการทีมสื่อสารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ว่า เมลาเนีย ทรัมป์ และบาร์รอน ทรัมป์ จะยังคงพักอยู่ที่ตึกทรัมป์ ทาวเวอร์ เนื่องจากทั้งนายและนางทรัมป์ ต่างเป็นห่วงเรื่องการเรียนของเด็กชายบาร์รอน หากต้องเปลี่ยนที่เรียนกลางคันระหว่างเทอม อย่างไรก็ตาม จะมีการออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการออกมาในเร็วๆนี้ ข่าวระบุว่า นายมิลเลอร์ ออกมาชี้แจงต่อผู้สื่อข่าว หลังจากมีรายงานจากนิวยอร์ก โพสต์ ระบุว่า นางเมลาเนีย ทรัมป์ วัย 46 ปี และเด็กชายบาร์รอน จะยังคงพักอยู่ที่อาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ในนิวยอร์ก จนกว่าจะหมดภาคเรียน เพื่อให้เด็กชายบาร์รอนสามารถเรียนอยู่ที่โรงเรียนที่เรียนอยู่ขณะนี้ได้ต่อไป ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่นิวเจอร์ซีย์ ว่า ตนจะย้ายเข้าไปพำนักอยู่ทำเนียบปร
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งแรกหลังชนะการเลือกตั้งกับรายการ 60 มินิตส์ ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส เกี่ยวกับการเดินหน้าแผนการจัดการกับผู้อพยพที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในสหรัฐว่า จะจัดการกับผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายซึ่งมีประวัติอาชญากรรม เป็นเครือข่ายของแก๊งอาชญากร รวมถึงผู้ค้ายาเสพติดซึ่งน่าจะมีอยู่ราว 2-3 ล้านคน ให้ออกนอกประเทศสหรัฐหรือไม่ก็จับพวกนี้เข้าคุก ทรัมป์อ้างว่าตัวเลขดังกล่าวมาจากข้อมูลประวัติอาชญากรรมในรายงานของกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติเมื่อปี 2556 ซึ่งพบว่ามีชาวต่างชาติซึ่งมีประวัติอาชญากรรมราว 1.9 ล้านราย อย่างไรก็ดีสื่อสหรัฐรายงานเมื่อเดือนกันยายนว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นการประเมินอย่างกว้างซึ่งไม่ได้มีเพียงผู้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่มีถิ่นพำนักถาวรอย่างถูกต้องตามกฏหมายและผู้ที่มีวีซ่าชั่วคราวอีกด้วย ขณะที่ตัวเลขที่แท้จริงของผู้ที่กระทำผิดกฎหมายซึ่งลักลอบเข้าเมืองและไม่มีเอกสารถูกต้องน่าจะอยู่ที่ราว 820,000 รายเท่านั้น ทั้งนี้ทรัมป์ยังคงยืนยันว่าจะเดินหน้าตามแผนการที่จะสร้างกำแพงตลอดแนวชายแดนระหว่างสหรัฐและแม็กซิโกค
วันดีคืนดีที่ปารีส มีคนพบเห็นว่า จิตรกรผู้สร้างสรรค์ฝีมือดีได้เข้าไปแสดงผลงานในห้องน้ำแห่งหนึ่ง ด้วยการวาดภาพต่อเติมใบหน้าบุคคลให้เข้ากันเหมาะเจาะกับโถปัสสาวะรูปริมฝีปากสตรี แต่บรรดาผู้สันทัดกรณีโดยเฉพาะงาน โฟโตช้อปบอกว่า ไม่น่าจะใช่งานของนักรังสรรค์ภาพข้างถนน แต่เป็นการตัดต่อภาพโดยใช้เครื่องมือเสียมากกว่า หากประเด็นกลับไปเพ่งเล็งอยู่ที่ใครเป็นผู้สร้างงานชิ้นนี้ และทำด้วยเจตนาใด เนื่องจากใบหน้าที่อวดโฉมอยู่นั้น เป็นตัวแทนผู้สมัครเข้าแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกำลังมีคะแนนตีตื้น ฮิลลารี่ คลินตัน คู่แข่งขันเข้ามาเรื่อยๆ งานนี้แม้จะหาต้นตอไม่ได้ แต่ขอบอกว่า ‘แสบสุดๆ’ ไปเลย ขอบคุณภาพประกอบและข้อมูลจากเว็บไซต์ boredpanda ที่มา มติชนออนไลน์