ในหลวง
สายธารแห่งพระเมตตา ช่วยปวงประชาสู้ภัยโควิด ในวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เราได้เห็นการส่งต่อความช่วยเหลือจากหลากหลายหน่วยงาน แก่ประชาชนคนไทยที่ได้รับความเดือดร้อน ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ตั้งแต่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกแรก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และทรงรับเป็นพระราชภารกิจสำคัญที่จักต้องให้ความช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ ตลอดจนคนทุกคนที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทย อุปกรณ์สำคัญทางการแพทย์ที่พระราชทานด้วยพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ถูกส่งต่อไปยังผู้ที่เดือดร้อน และประสบปัญหา ให้ได้รับการช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา ในโรงพยาบาล และศูนย์บริการทางการแพทย์หลายแห่ง มีเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ที่ติดเชื้อจาก “โครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน เพื่อรับมือสถานการณ์โรคโควิด-19” จากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ถูกตั้งขึ้นจากพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานเครื่องช่วยกดหน้าอกเพื่อฟ
ในหลวง-พระราชินี พระราชทานนวัตกรรม “ห้องตรวจหาเชื้อ” แก่ รพ.ทั่วประเทศ ห้องตรวจหาเชื้อ – เพจ ศูนย์ข้อมูล COVID-19 เผยแพร่ข่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยพสกนิกร พระราชทานนวัตกรรม “ห้องตรวจหาเชื้อ” พัฒนาโดยเอสซีจี ใน “โครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน” แก่ 20 โรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ จากการติดเชื้อโควิด-19 โดยพระราชทานแก่โรงพยาบาลกลาง สังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เป็นแห่งที่ 3 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนวัตกรรม “ห้องตรวจหาเชื้อ” (Modular Swab Unit) ที่พัฒนาโดยเอสซีจี ให้แก่ โรงพยาบาลกลาง สังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เป็นแห่งที่ 3 เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ด้วยการแยกพื้นที่ระหว่างทีมแพทย์และคนไข้ห่างออกจากกัน โดยมี นายแพทย์สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร แพทย์หญิงสุภาพร กรลักษณ์ รองผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร นายแพทย์เพชรพงษ์ กำ
“ในหลวง” มีพระราชกระแส ทรงแสดงความเสียพระราชหฤทัย เหตุกราดยิงที่โคราช ในหลวง – วานนี้ (11 ก.พ.) เว็บไซต์ สำนักข่าวพระราชวัง ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชกระแส ทรงแสดงความเสียพระราชหฤทัย ในเหตุการณ์กราดยิงที่ จ.นครราชสีมา ชื่นชมเจ้าหน้าที่ จิตอาสาฯ และเห็นใจผู้ตกอยู่ในเหตุการณ์ โดยรายละเอียดมีดังนี้ ข้าพเจ้าและพระราชินีรู้สึกเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง ที่ได้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นในประเทศของเรา ที่จังหวัดนครราชสีมา นับแต่บ่ายวันเสาร์ ที่ ๘ กุมภาพันธ์ ต่อเนื่องถึงเช้าวันอาทิตย์ ที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ อันทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากได้รับอันตราย ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ความสูญเสียในครั้งนี้ ได้สร้างความสะเทือนใจอย่างใหญ่หลวงให้แก่ข้าพเจ้าและพระราชินี ด้วยเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ทั้งเป็นเหตุรุนแรงที่เกิดจากการกระทำอันโหดร้ายเกินกว่าผู้ใดจะคาดคิด ต่อชาวไทยด้วยกันอันเป็นทั้งเพื่อนมนุษย์และเพื่อนร่วมชาติ ข้าพเจ้าและพระราชินีขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้ที่ต้องประสบความสูญเสีย และเห็นใจ ชื่นชมผู้ตกอยู่ในเหต
ในหลวง-พระราชินี พระราชทานเวชภัณฑ์ให้ชาวจีน พร้อมเที่ยวบินไปรับคนไทยในอู่ฮั่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ แพทย์ พยาบาล ติดตามการรักษาผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อและผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวังจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่รักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี นายอนุทิน กล่าวว่า การเตรียมการรับคนไทยจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศไทยได้เตรียมพร้อมทุกอย่าง โดยมีทีมแพทย์ 2 ทีม ได้แก่ ทีมจากสถาบันบำราศนราดูร ประกอบด้วย แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน แพทย์ระบาดวิทยา จิตแพทย์ ทีมที่ 2 เป็นแพทย์จากเหล่าทัพ เป็นการบูรณาการทำงานตามนโยบายของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อดูแลคนไทยที่กลับจากอู่ฮั่นให้ดีที่สุด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมเวชภัณฑ์ไว้พร้อมแล้ว “ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินี พระราชทานเวชภัณฑ์ ของใช้จำเป็นในการดำรงชีวิตและการป้องกันโรคให้กับประชาชนชาวจีน โดยจะนำไปพร้อมเที่ยวบินวันพรุ่งนี้” นายอนุทิน กล่าว นายอนุทิน กล่าวต่อว่า เราต้องทำให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดกับคนไทยที่กลับมา ทุกคน
ในหลวง ทรงห่วงสถานการณ์ไวรัสโคโรนา โปรดเกล้าฯ ส่งพระราชสาส์นถึง “สี จิ้นผิง” ในหลวง – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ส่งข้อความพระราชสาส์น แสดงความห่วงใยไปยังประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงกรณีเกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย และพื้นที่อื่น ๆ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ความว่า ฯพณฯ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กรุงปักกิ่ง ข้าพเจ้ารู้สึกกังวลและห่วงใยอย่างยิ่งจากการระบาดอย่างกว้างขวางและรุนแรง ของไวรัสโคโรนาในนครอู่ฮั่น ซึ่งขณะนี้ได้แพร่กระจายไปสู่จังหวัดและมณฑลต่าง ๆ ทั่วประเทศ ประชาคมโลกย่อมเกิดความประทับใจในความพยายามและความมุ่งมั่นตั้งใจ อย่างเต็มที่ของทางการจีน รวมทั้งมาตรการรอบด้านที่นำมาใช้ต่อสู้กับโรคระบาด ซึ่งเป็นภัยคุกคามอย่างยิ่งต่อเราทุกคน ข้าพเจ้าและประชาชนชาวไทยขอยืนยันถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน กับประชาชนชาวจีนทั้งมวล ทั้งขออำนวยพรให้ท่านประสบความสำเร็จทุกประการในการต่อสู้ฟันฝ่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ด้วยความหวังว่าจะสามารถฟื้นฟูสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด
ปลื้มปีติ “ในหลวง” พระราชทานพร เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2563 ในหลวง – เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2562 เพจ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้เผยแพร่พระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่อวยพรให้ปวงชนชาวไทยเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2563 ความว่า ข้าพเจ้าขอถือโอกาสนี้ อำนวยพร ความสุข และความปรารถนาดีแก่ทุกๆ ท่าน ขอให้มีกำลังกาย กำลังใจ และสุขภาพที่แข็งแรง สติปัญญาผ่องใส มีศรัทธาและความสำนึกในการประพฤติและดำรงตนในกรอบของความดีงาม ถูกต้อง และพอเหมาะพอควร มุ่งมั่นที่จะร่วมกันสร้างประโยชน์ ให้แก่ประเทศชาติ และส่วนรวม ในการทำงานใดๆ ก็ดีย่อมต้องมีความผิดพลาด ความบกพร่องเกิดขึ้น เป็นเรื่องธรรมดา หากความบกพร่องนั้น นำไปสู่การเรียนรู้ที่จะแก้ไข ปรับปรุง ข้อผิดพลาดหรือข้อบกพร่องที่ผ่านมา ให้กลายเป็นบทเรียนแก่ตนเอง ผู้อื่น และส่วนรวม สิ่งนั้นจึงจะเรียกว่า เกิดการเรียนรู้ หรือเกิดบทเรียน ทั้งนี้ประสบการณ์และสติปัญญา ตลอดจนความรู้ความสามารถ ที่จะนำมาใช้เป็นเครื่องกำกับตนเอง ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดหรือข้อบกพร่องซ้ำอีก อันจะอำนวยให้บังเกิดผลในอนาคตที่เหมาะสม เหมาะควรนั้น ค
ศิลปินงานแก้ว เล่าความภูมิใจ เมื่อครั้งถวายงาน ทำโคมไฟประดับพระเมรุมาศ ร.9 เชื่อเหลือเกินว่า พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่ 9 นั้น ประชาชนคนไทยทุกคนคงไม่ใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเป็นเหตุการณ์ที่มิอาจหลีกเลี่ยง เหล่าบรรดาพสกนิกรน้อยใหญ่ จึงต่างขอปวารณาตัว หยิบจับงานทุกอย่างทำกันด้วยความทุ่มเทอย่างเต็มกำลังความสามารถ เรื่องราวของ “ศิลปินงานแก้ว” วัย 48 ปี นับจากนี้ เป็นเพียงเสี้ยวตัวอย่างของคนไทย ที่มีโอกาสทุ่มเททั้งแรงกาย-แรงใจ เพื่อขอถวายงานแด่พระองค์ท่านให้สมพระยศพระเกียรติ….เป็นครั้งสุดท้าย คุณวัฒน ทิพย์วีรนันท์ เจ้าของเรื่องราวผู้นี้ เป็นทายาทรุ่นสองของกิจการรีไซเคิลเศษแก้ว แต่ด้วยความ มุมานะในงานที่ทำอยู่ตรงหน้า เขาจึงหาหนทางเพิ่มมูลค่าสินค้าในมือให้มีเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ซึ่งต้องใช้ความอุตสาหะและองค์ความรู้หลายด้านนานอยู่หลายปี กระทั่งสามารถผลิตออกมาเป็น “แกรนิตแก้ว” ที่ได้การยอมรับให้เป็นนวัตกรรมแห่งวงการก่อสร้าง ได้รับความสนใจจากตลาดทั้งในและต่างประเทศ แต่เขาก็ไม่หยุดงานที่ตัวเองรักและถนัดไว้อยู่แค่นั้น ยังทยอยสร้างสรรค์งานศิลปะจากเศษแก้ว
ทูลกระหม่อมฯ โพสต์ IG รำลึก พระมหากรุณาธิคุณ พับดอกบัวถวาย ในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงโพสต์พระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 13 ต.ค. พร้อมระบุข้อความว่า 13 ตุลาคม วันที่เราไม่มีพ่อแล้ว แต่เราก็ไม่ลืมเพราะ “ธ สถิตในดวงใจตราบชั่วนิรันดร์” พนมมือกราบด้วยใจรักและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ พับดอกบัวถวายพ่อทุกวัน
ในหลวง โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระยศ พลโทหญิง เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา วันที่ 30 ก.ย. ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระบรมราชโองการ ประกาศ เรื่อง พระราชทานพระยศ ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระยศ พลตรีหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เป็น พลโทหญิง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ประกอบมาตรา 4 และมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 มาตรา 10 มาตรา 13 และมาตรา 15 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 มาตรา 4 และมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติยศทหาร พุทธศักราช 2479
ในหลวง โปรดเกล้าฯ ให้จัดทำประวัติเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดทำประวัติเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี โดยพระบรมราชานุญาต ให้เผยแพร่ลงในเว็บไซต์ www.royaloffice.th ของหน่วยราชการในพระองค์ ดังนี้ เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2562 เกิดวันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2528 จ.น่าน จบการศึกษาระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์ (ริม-ป่าคาประชานุเคราะห์) ต.ท่าวังผม อ.ท่าวังผา จ.น่าน ระดับมัธยมศึกษา ที่โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม ต.ท่าวังผา อ.ท่าวังผา จ.น่าน โดยในปี พ.ศ.2551 สำเร็จการศึกษาระดับชั้นปริญญาตรี พยาบาลศาสตร์บัณฑิต วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก รุ่นที่ 41 ปี พ.ศ.2551 ประวัติด้านการศึกษาหลักสูตรทางทหาร – สำเร็จหลักสูตรทหารอาสามหาดเล็กราชวัลลภ มวก.หญิง รักษาพระองค์ ปี พ.ศ.2557 – สำเร็จฝึกหลักสูตรหน่วยทหารทรหด ปี พ.ศ.2557 – สำเร็จการฝึกหลักสูตร Combat Qualifying Course Jungle Warfare