ใบกระท่อม
ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้ผู้ขายใบกระท่อม ต้องติดป้ายห้ามจำหน่ายให้เด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดปี สตรีมีครรภ์-สตรีให้นมบุตร มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2566 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การปิดประกาศหรือการแจ้งให้บุคคลที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายหราบถึงข้อห้ามขายใบกระท่อม หรืออาหารตามกฎหมายว่าด้วยอาหารที่มีใบกระท่อมเป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบ พ.ศ. 2566 ลงนามโดยนายชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศฉบับดังกล่าวระบุว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการปิดประกาศหรือการแจ้งให้บุคคลที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายทราบถึงข้อห้ามขายใบกระท่อมหรืออาหารตามกฎหมาย ว่าด้วยอาหารที่มีใบกระท่อมเป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 24 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. 2565 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การปิดประกาศหรือ
สู้แดด สู้งาน พร้อมบำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย ด้วยสูตร เครื่องดื่มใบกระท่อม จาก อภัยภูเบศร เป็นที่รู้กันดีว่า ใบกระท่อม เป็นพืชที่มีการใช้เป็นยามาอย่างยาวนานแต่โบราณ มีหลายสายพันธุ์ แต่ละพันธุ์มีความแตกต่างกันที่ลักษณะของใบ ว่ากันว่า สามารถใช้ใบกระท่อมเพื่อรักษาการติดเชื้อในลำไส้ บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ลดไข้ บรรเทาอาการไอและท้องร่วง โดยใช้ใบสดหรือใบแห้งนำมาเคี้ยว สูบ หรือชงเป็นน้ำชา (อ้างอิงข้อมูลจาก เว็บไซต์ มติชนสุดสัปดาห์) โดยเพจ สมุนไพรอภัยภูเบศร ได้เปิดสูตร เครื่องดื่มใบกระท่อม ทึ่มีสรรพคุณในการบำรุงกำลัง สู้แดด สู้งาน แก้อ่อนเพลีย แถมยังช่วยบำรุงโลหิต ได้อีกด้วย โดยการทำเครื่องดื่ม มีส่วนผสมและวิธีทำ ดังนี้ ส่วนผสม น้ำเชื่อมท่อม ท่อม โซดา 1. ใบกระท่อมสด 3.5 กรัม 2. ใบเตยสด 15 กรัม 3. แก่นฝาง 10 กรัม 4. กานพลู 5 กรัม 5. กระวาน 5 กรัม 6. นํ้าเชื่อม 120 มิลลิลิตร 7. นํ้าสะอาด 400 มิลลิลิตร อัตราส่วนผสมของเครื่องดื่มใบกระท่อม 1 แก้ว 1. นํ้าเชื่อมท่อม ท่อม โซดา 60 มิลลิลิตร 2. โซดา 120 มิลลิลิตร 3. นํ้ามะนาวคั้นสด 20 มิลลิลิตร ขั้นตอนการทำ นํ้าเชื่อมท่อม ท่อม โซดา 1. เตรียมส่วนผสม โ
ราชกิจจาฯ โปรดเกล้า พรบ.ยาเสพติด ใช้กัญชา-กระท่อม รักษาทางการแพทย์ได้ วันที่ 18 ก.พ. เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562ความว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อกำหนดมาตรการในการควบคุมยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและสอดคล้องตามหลักสากล ซึ่งการตราพระราชบัญญัตินี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว โดย มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองของมาตรา 9 แห่งพ.ร.บ.ยาเสพติด ให้โทษ พ.ศ.2522 “ให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม อธิบดีกรมสนับสน
สนช. ฉลุย มติเอกฉันท์รับหลักการ กม.ยาเสพติดให้โทษ ปลดล็อกกัญชา-กระท่อม ให้ใช้ทางการแพทย์ได้ เมื่อวันที่ 23 พ.ย. เวลา 10.30 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติชาติ(สนช.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่..) พ.ศ… วาระแรก ตามที่สมาชิก สนช. 44 คน นำโดยนายสมชาย แสวงการ เข้าชื่อเสนอ เพื่อแก้ไข พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ปลดล็อกให้ กัญชาสามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้ โดยนายสมชาย ได้แถลงสาระสำคัญและประโยชน์ของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ว่าเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 กำหนดให้สามารถขออนุญาต ผลิต นำเข้าหรือส่งออก ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ซึ่งประกอบด้วยกัญชา และ กระท่อม เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์สามารถนำไปใช้ในการรักษาโรคเฉพาะตัวได้ เช่นเดียวกับยาเสพติดให้โทษประเภท2 แบบฝิ่น เท่านั้น ไม่ได้รวมถึงการใช้เสพเพื่อสันทนาการ และให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นผู้กำหนดเขตพื้นที่ทดลองเพาะปลูกกัญชา และเสพกัญชา เพื่อการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ในปริมาณที่กำหนดโดยไม่ถือว่ามีความผิดกฎหมาย ซึ่งการกำหนดพื้นที่ดังกล่าวจะต
พาณิชย์ ยัน กฎหมายไทยไม่รับจดสิทธิบัติการวิจัยใบกระท่อมในไทย พร้อมปัจจุบันเองก็ยังไม่มีผู้เข้ามาขอจดแต่อย่างไร ส่วนกรณีที่จะนำพันธ์ุพืชไทยไปต่อยอด ต้องแบ่งปันผลประโยชน์ด้วย นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากมีกระแสข่าว จะมีนักวิจัยบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ได้ทำการวิจัย ใบกระท่อม และจะนำไปยื่นจดสิทธิบัตรในสหรัฐฯ ญี่ปุ่น รวมทั้งในไทย นั้น และมีหลายฝ่ายให้ความเป็นห่วงและกังวล จะมีการรับจดในไทย รับว่าเรื่องนี้ คงไม่เกิดขึ้นเนื่องจาก พ.ร.บ. สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมของไทย ไม่อนุญาตให้มีการจดสิทธิบัตรพืช หรือสารสกัดจากพืช อีกทั้ง กฎหมายสิทธิบัตรไทยรับจดเฉพาะกรณีกระบวนการ หรือวิธีการที่ใช้ในการสกัดที่มีการพัฒนาขึ้นใหม่หรือต่อยอดไปจากวิธีการเดิมทั่วๆ ไปเท่านั้น ไม่รับจดสิทธิบัตรสารสกัดใหม่ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี โดยกฎหมายสิทธิบัตรของไทยจะไม่อนุญาตให้บุคคลใดถือสิทธิแต่เพียงผู้เดียว (exclusive rights) กับสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น กระท่อมเป็นพืชพื้นเมืองทั่วไปที่มีอยู่ตามธรรมชาติ จึงไม่ต้องกังวลว่าไทยจะรับจดสิทธิบัตร ให้นักวิจัย ทั้งนักวิจัยไทยและต่า