ไวรัสซิกา
เตือนคนกรุงเทพฯ! ไวรัสซิกา ระบาดหนัก เสี่ยงติดเชื้อ ระวังยุงลาย วันที่ 9 ม.ค. ที่ศาลาว่าการกทม. นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า ช่วงนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยและบางพื้นที่อาจมีฝนตก ส่งผลให้เกิดแหล่งน้ำขังตามภาชนะต่างๆ ที่อาจทำให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายซึ่งเป็นพาหะนำโรค โดยเฉพาะโรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อ ไวรัสซิกา และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย ซึ่งจากสถิติผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก จำนวน 80,650 ราย เป็นผู้ป่วยที่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 8,345 ราย พื้นที่ที่มีการระบาด ได้แก่ เขตดินแดง บึงกุ่ม บางนา และเขตลาดพร้าว ผู้ป่วยโรคไข้ติดเชื้อไวรัสซิกา จำนวน 573 ราย เป็นผู้ป่วยที่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 129 ราย พื้นที่ที่มีการระบาด ได้แก่ เขตบางกะปิและเขตตลิ่งชัน และผู้ป่วยโรคไข้ปวดข้อยุงลาย จำนวน 2,383 ราย เป็นผู้ป่วยที่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 104 ราย พื้นที่ที่มีการระบาด ได้แก่ เขตจอมทอง ประเวศ และเขตธนบุรี ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนเฝ้าระวัง ป้องกัน ดูแลตนเองและบุตรหลาน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เพื่อให้ปลอดภัยจากทั้ง 3 โรค ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค โดยป้องกันอย่าใ
นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า ในฤดูฝนของทุกปี จะพบผู้ป่วยเป็นโรคที่มาจากยุงลายด้วย ทั้งโรคไข้เลือดออก โรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือชิคุนกุนยา และโรคติดเชื้อไวรัสซิกาซึ่งเป็นโรคที่สังคมให้ความสำคัญกันอยู่ในขณะนี้ สำหรับการป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยใน 3 โรคนี้ คือการป้องกันไม่ให้ยุงกัด โดยกำจัดยุงลายและลูกน้ำยุงในธรรมชาติให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งการป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัดเป็นมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขรณรงค์อยู่ในขณะนี้ โดยสิ่งที่ประชาชนสามารถดำเนินการได้ด้วยวิธีง่ายๆ คือ เก็บบ้านให้สะอาด ไม่ให้มีมุมอับทึบ เป็นที่เกาะพักของยุงเพราะยุงจะไม่ชอบอยู่ในที่โปร่ง โล่ง สว่าง และเก็บขยะเศษภาชนะรอบบ้านโดยทำต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งหรือทำให้ถี่มากกว่านั้นก็ย่อมได้ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ซึ่งจะเป็นการตัดวงจรชีวิตของยุงไม่ให้ขยายพันธุ์ ที่ปกติยุงจะมีวงจรชีวิตอยู่ประมาณ 7 วัน และการเก็บน้ำ ต้องปิดฝาให้มิดชิด เพื่อป้องกันยุงลายไปวางไข่กำจัดลูกน้ำยุงลายด้วยทรายเคลือบสารที่มีฟอส หรือทรายอะเบท นอกจากนั้นต้องกำจัด และควบคุมยุงตัวแก่ ด้วยการการพ่นสารเคมีกำจัดยุงลาย และการป้อ