เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
Featured ข่าววันนี้

แบงก์ชาติ คงดอกเบี้ยต่ำลากยาว ขึ้นเมื่อไหร่ มีธุรกิจได้ประโยชน์ และกระทบรุนแรง

แบงก์ชาติ คงดอกเบี้ยต่ำลากยาว ขึ้นเมื่อไหร่  มีธุรกิจได้ประโยชน์ และกระทบรุนแรง

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เผยถึงสถานการณ์ด้านการเงิน โดยภาพรวมในขณะนี้ว่า สหรัฐฯ เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงในรอบกว่า 40 ปี ในขณะที่อีกหลากหลายประเทศ ได้ขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วหรือส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยในเวลาอันใกล้

แต่สำหรับประเทศไทยนั้น ก็เผชิญปัญหาเงินเฟ้อที่เร่งแรงและรวดเร็ว แล้วทำไมทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำลากยาว โดยยังไม่ได้แสดงสัญญาณใดๆ ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาอันใกล้

“เชื่อว่าทาง ธปท. คงกังวลในประเด็นเงินเฟ้ออยู่บ้าง แต่คงไม่อยากส่งสัญญาณอะไรที่จะทำให้ตลาดผันผวนจนกระทบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เมื่อไม่มีความชัดเจนในช่วงเวลาหรือสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยของไทย จึงขอปรุงสูตรลับที่ทางแบงก์ชาติสงวนเอาไว้ไม่ได้เปิดเผย มาลองดูว่าจะสามารถชี้ให้นักลงทุนและผู้ประกอบการเห็นว่าควรเตรียมรับมือกับดอกเบี้ยขาขึ้นของไทยได้เมื่อไร” ดร.อมรเทพ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หาก ธปท. เห็นสัญญาณดังกล่าวและเริ่มที่จะควบคุมได้ยากขึ้น ทาง ธปท. ก็อาจเริ่มส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยได้ และจากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น จะมีทั้งกลุ่มธุรกิจ/อุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบเชิงลบและกลุ่มที่ได้ประโยชน์ โดยเราประเมินกลุ่มธุรกิจ/อุตสาหกรรม แยกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

ทั้งนี้ ธุรกิจที่มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจาก ธนาคารพาณิชย์สามารถเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้สูงขึ้นตามดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ผลกำไรของธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น กลุ่มธุรกิจประกันชีวิต เพราะเงินเบี้ยประกันจากลูกค้า

ส่วนใหญ่บริษัทประกันจะนำไปลงทุนในตราสารหนี้ ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น ก็จะทำให้บริษัทประกันมีแนวโน้มได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงขึ้น รวมทั้งกลุ่มธุรกิจนำเข้าต่างๆ เช่น ธุรกิจนำเข้าเครื่องมือแพทย์ ธุรกิจนำเข้าเครื่องจักร จากต้นทุนการนำเข้าที่อาจลดลง

ธุรกิจ ที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น โดยแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ได้แก่ ธุรกิจที่มีภาระหนี้สินสูง ประกอบกับมีความอ่อนไหวกับภาวะเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค รวมทั้งได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและค่าครองชีพที่สูง ทำให้ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย

ดังนั้น ความต้องการของสินค้าและบริการอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากในสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวต่ำ ได้แก่ ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ธุรกิจเช่าซื้อ-ลีสซิ่ง เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ ดังนั้น เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของกลุ่มเช่าซื้อเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้หลักจากดอกเบี้ยรับจากการปล่อยสินเชื่อจะเป็นลักษณะการคิดดอกเบี้ยในอัตราคงที่ (Fixed Rate)

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ทำให้ภาระในการผ่อนชำระต่องวดของผู้กู้ที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ลดลงได้

สำหรับธุรกิจอื่นๆ ที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบเช่นกัน เช่น ธุรกิจ Transportation (Land, Sea and Air), Private Construction, Construction Materials, Energy, Movie Theatre และ Media เป็นต้น นอกจากนี้ บางธุรกิจยังเสียเปรียบในการแข่งขันอีกด้วย เช่น Car Dealer (Non-leading Brands), Department Store (Small Size) เป็นต้น

สอง ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบระดับปานกลาง-น้อย จากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ได้แก่ ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน, ธุรกิจ Warehouse Rental in Eastern Area, Department Store (Large Size), ธุรกิจดิสเคานต์สโตร์, ธุรกิจผลิตภัณฑ์ยาง, ธุรกิจปาล์มน้ำมัน, ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม, ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค, ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ และธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า (เครื่องปรับอากาศ)

เพราะแม้จะได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและการแข่งขันที่รุนแรงระดับหนึ่ง  แต่ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตตามความต้องการใช้บริการและสินค้าที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการแข่งขัน

Related Posts