การออม การลงทุน เรื่องใกล้ตัว ไม่ใช่งานยาก เร่งติดอาวุธ กระตุกต่อมคิด ให้เยาวชน
ตามที่ กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) ร่วมกับ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ OKMD จัดทำ โครงการคาราวานความรู้ตลาดทุนรุกสู่ภูมิภาคและบ่มเพาะต้นแบบคนรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดทุน หรือ Fin Lab มีกิจกรรมตลาดนัดความรู้ เผยแพร่ความรู้ด้านการเงินการลงทุนให้แก่กลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 13-18 ปี ระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า
ให้สามารถเข้าถึงและสร้างการตระหนักรู้ด้านการเงินการลงทุนและสามารถต่อยอดได้ในอนาคต โดยจะมีการจัดกิจกรรมในพื้นที่ 8 จังหวัด ใน 4 ภูมิภาค ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ขอนแก่น นครราชสีมา จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ภูเก็ต และ ยะลา ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2567 โดยประเดิมจัดกิจกรรมครั้งแรก เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ศูนย์การเรียนรู้เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา
ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ หรือ OKMD กล่าวว่า โครงการนี้ มุ่งสร้างคนรุ่นใหม่ให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีสมรรถนะและทักษะด้านการเงินการลงทุน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ในภูมิภาคต่างๆ ที่มีความสนใจ โดยเน้นกลุ่มวัย 13–18 ปี เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ เพิ่มองค์ความรู้ด้านทักษะทางการเงิน การออม การลงทุนที่ถูกต้องเหมาะสม
โดยเน้นการกระจายแหล่งเรียนรู้ด้านการลงทุนไปสู่ภูมิภาค เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงองค์ความรู้ และสร้างแรงบันดาลใจในการเป็นนักลงทุนในอนาคต รู้จักสร้างรายได้ เก็บออม บริหารจัดการเงินออม และรู้จักผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพื่อเตรียมความพร้อมต่อยอดไปสู่การลงทุนในอนาคต รวมถึงปลูกฝังแนวคิดการลงทุนอย่างยั่งยืน (ESG) ที่ให้ความสำคัญกับ Sustainability Business
นายเศรษฐพล ธรรมจินดา ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์เล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมความรู้ด้านการเงินการลงทุนให้กับคนทุกช่วงวัยตลอดมา และโดยเฉพาะวัยเด็ก ถือเป็นการปูพื้นฐานที่สำคัญ ในการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดทุนในอนาคต
ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯ เองเชื่อมันว่า การที่เด็กๆ สามารถเข้าถึงองค์ความรู้ด้านการเงินการลงทุนและมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง จะช่วยให้เขาสามารถต่อยอดความรู้กับการเรียน อาชีพ และการสร้างรายได้ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเกิดการวางแผนการเงินและการลงทุนที่เหมาะสมกับช่วงวัย อันนำไปสู่การลดปัญหาทางการเงินส่วนบุคคล ซึ่งส่งผลต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจในภาพรวมได้

นายจักรชัย บุญยะวัตร ผู้จัดการกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) กล่าวว่า กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนหวังว่าเยาวชนกว่า 3,000 คน ที่ได้รับการกระตุกต่อมคิดด้วยความรู้ด้านการเงินการลงทุนในครั้งนี้ จะสามารถเป็น คนต้นแบบ ที่ขยายผลองค์ความรู้ไปสู่คนรอบข้างและครอบครัว และนำไปสู่การเป็นนักลงทุนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพในอนาคตที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างยั่งยืนทั้งระบบต่อไปในอนาคต
ขณะที่เด็กและเยาวชนผู้เข้าร่วมกิจกรรม จะเพลิดเพลินและได้รับการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพด้านการเงินการลงทุนผ่านตลาดทุนให้กับเด็กและเยาวชน ผ่านกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้ได้แก่ 1. Active Learning จากองค์ความรู้พื้นฐานด้านทักษะทางการเงิน การออม การลงทุน ต่อยอดสู่ทักษะการเงินการลงทุนในอนาคต
โดยมีกิจกรรมหลัก ได้แก่ การจัดนิทรรศการในรูปแบบเกม Fantasy Battle ที่จะพาไปเรียนรู้เรื่อง 3 พลังมหัศจรรย์ คือ 1) เงินต้น 2) อัตราผลตอบแทน 3) ระยะเวลา ผ่านลานประลองศึกที่อัศวินแต่ละกลุ่มสามารถเลือกแต่งคอสเพลย์ โดยใช้เครื่องแต่งกายเป็นตัวแทนของ 3 พลังมหัศจรรย์ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าของเงินออม
เช่น เครื่องหัว คือ อัตราผลตอบแทน โล่ คือ เงินต้น พาหนะ คือ ระยะเวลา และอาวุธ คือ ปัจจัยภายนอก มาประลองศึกจนได้ผู้ชนะจากการคำนวณจำนวนเงินสุทธิคงเหลือหลังจากการประลองเสร็จสิ้น โดยวิธีนี้ผู้เล่นจะค่อยๆ เรียนรู้หลักการของ 3 พลังมหัศจรรย์ จากการเล่นเกมโดยไม่รู้ตัว

นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรม Interactive Workshop ในรูปแบบคาราวานตลาดทุน มีการจัดเวิร์กช็อปที่เน้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียน ผ่านเกม Invest King จำลองโลกการเงินและการลงทุนเสมือนจริงไว้บนมือถือ ครอบคลุมเนื้อหาใน 8 ประเด็น ได้แก่
1. การวางแผนทางการเงินตามวัฏจักรชีวิต (Life Cycle) 2. การกำหนดเป้าหมายและวางแผนการเงิน 3. รายได้ รายจ่าย และเงินออม 4. อัตราส่วนความอยู่รอดและอัตราส่วนความมั่งคั่ง 5. 3 พลังมหัศจรรย์ (เงินต้น อัตราผลตอบแทน ระยะเวลา) 6. การลงทุน อัตราผลตอบแทน และความเสี่ยง 7. การบริหารหนี้ และพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดหนี้ และ 8. ภัยจากการลงทุนและวิธีรับมือ
กิจกรรมสุดท้ายคือ Knowledge Network Partners ยกคาราวานภาคีเครือข่ายออกบูธให้ความรู้ด้านการเงินการลงทุนผ่านกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น การเสวนาจากภาคีเครือข่าย บอร์ดเกมส่งเสริมความรู้ด้านการเงินการลงทุน เป็นต้น
ทั้งนี้ หน่วยงานที่ร่วมกิจกรรมออกบูธไปยังจังหวัดต่างๆ ใน 4 ภูมิภาค อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย กองทุนการออมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ธนาคารออมสิน ธนาคารเกียรตินาคินภัทร สมาคมยุวชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อไทย ฯลฯ
นายกรวิชญ์ ระกาสี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎ์ กล่าวภายหลังได้เข้าร่วมกิจกรรมว่า ก่อนหน้าที่จะเข้าร่วมกิจกรรม รู้เรื่องการออมบ้างแต่เรื่องลงทุนไม่เคยรู้ และคิดว่าเป็นความเสี่ยง แต่เมื่อครอบครัวประสบปัญหาทางการเงิน เลยรู้จักเก็บออมเพราะคิดว่าเราจะสามารถมีเงินช่วยแบ่งเบาได้ โดยแบ่งเงินที่ได้รับ ออกเป็น 2 ส่วนคือ ใช้จ่าย และเก็บออม 40%
และเมื่อครูบอกว่ามีกิจกรรมเรื่องการลงทุน จึงสนใจเข้าร่วม และได้เรียนรู้ผ่านเกม การวางแผนชีวิตว่า เมื่อเราอยู่ มัธยมต้น เราควรทำยังไง มัธยมปลายทำยังไง มหาวิทยาลัยทำยังไง รวมไปถึงเมื่อเข้าสู่วัยทำงาน เราต้องวางแผนชีวิตแบบไหน เรียน ทำงาน เที่ยว แล้วให้แต้ม จากนั้นนำมาวิเคราะห์ และพบว่า ม.ต้นจะเป็นวัยที่ใช้ชีวิตแบบมีความสุข ทั้งเที่ยว เล่น
จึงมาวางแผนใหม่ว่า ถ้ามีโอกาสได้เรียน ควรจะให้เวลากับการเรียนให้มาที่สุด เพื่อจะได้แต้มทางการศึกษา มีอบรมบ้างเพิ่มเติมความรู้ก็จะได้แต้มเพิ่ม จึงอยากเชิญชวนเพื่อนๆ ให้เข้าร่วมกิจกรรมเพราะได้ความรู้มาก และทำให้มีมุมมองใหม่ว่า การออม-การลงทุน เป็นเรื่องใกล้ตัวและไม่ยากอย่างที่คิด ที่สำคัญ จะรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกงด้วย เพราะจากประสบการณ์ตรงจากเพื่อนๆ และคนใกล้ชิด มักจะถูกหลอกให้ลงทุนโดยอ้างว่าลงทุนน้อยได้ผลตอบแทนสูง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่จริง
นางสาวกนกรต บรรจงศิลป์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ เป็นอีกหนึ่งเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรม กล่าวว่า ได้ประโยชน์จากิจกรรมมาก เพราะทำให้รู้ว่าควรบริหารเงินอย่างไร ซึ่งมันโอเคมากๆ สำหรับคนรุ่นตน ที่คิดว่าการลงทุนเป็นเรื่องยาก
“ได้เรียนรู้จากกิจกรรมว่า เงินที่ได้จะใช้เท่าไร และออมเท่าไร เพื่อนำไปตอบสนองเป้าหมายในชีวิต โดยไม่เดือดร้อน เช่น ถ้าอยากเที่ยวต้องเก็บเงินวันละเท่าไร เพราะปัจจุบันเงินที่ได้มา จะหมดไปกับค่ากิน ค่าอยู่ โทรศัพท์ ซึ่งถ้ารู้จักใช้สื่อให้เป็น ก็จะสามารถจัดการรายรับรายจ่ายได้ แม้แต่จะกินอะไรก็วางแผนได้ อยากเชิญชวน เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มาร่วมกิจกรรมกันมากๆ เพราะจะเพิ่ม Passion ให้กับตัวเอง เหมือนที่หนูเองได้รับ” นางสาวกนกรต กล่าว