ลดราคาเกินครึ่งก็แทบขายไม่ได้! ลูกค้าสั่งเอาออกจากกระเช้าด่วน วอนแจ้งให้ชัด แหล่งผลิตมีปัญหาจากที่ไหน
จากประเด็นร้อนแรงในเรื่องการตรวจพบสารเคมีตกค้างในองุ่นไชน์มัสแคทที่นำเข้า ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพหากบริโภคในปริมาณมาก ทำให้ผู้บริโภคหลายคนกังวลและระมัดระวังในการเลือกซื้อองุ่นไชน์มัสแคทมากขึ้น จากกระแสข่าวนี้ทำให้เหล่าพ่อค้าแม่ขายโอดโอยได้รับผลกระทบอย่างหนัก
เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ได้ต่อสายตรงไปยังร้านผลไม้เจ้าหนึ่ง ถามถึงประเด็นที่เกิดขึ้นว่าทางร้านได้รับผลกระทบอย่างไร และมีวิธีการรับมืออย่างไรบ้าง โดยทางร้านได้บอกว่า
หลังจากที่มีข่าวตรวจเจอสารพิษ ทำให้ยอดขายตกอย่างน่าตกใจ จากเมื่อก่อนองุ่นไชน์มัสแคทเรียกได้ว่าเป็นที่นิยมของผู้บริโภค แต่ตอนนี้หลีกเลี่ยงที่จะซื้อเลยก็ว่าได้ ราคาที่ขาย ขายเป็นพวงงามๆ อยู่ที่ 1,000 บาท แต่ตอนนี้ต้องปรับราคาลงเกินครึ่ง อยู่ที่ 300-400 บาท เพื่อให้พอขายได้บ้าง
สำหรับความคิดเห็นของแม่ค้า บอกว่า จากที่ดูในข่าว ตนมองว่าองุ่นที่ได้ตรวจพบสารเคมีตกค้าง ดูจากลักษณะแล้วคาดว่าเป็นองุ่นไชน์มัสแคทที่นำเข้ามาจากจีน แต่ทางร้านของตนมีการนำเข้ามาจากญี่ปุ่นและเกาหลี ซึ่งคิดว่าอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งรายละเอียดให้ชัดเจนว่ามีแหล่งที่มาจากไหน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคและสร้างโอกาสทางการขายให้กับพ่อค้าแม่ค้า
เมื่อปัญหาเกิดขึ้น ทางร้านจำเป็นที่จะต้องปรับตัว โดยอันดับแรกคือ ลดราคา แต่อีกวิธีหนึ่งจะต้องเปลี่ยนกลุ่มผู้บริโภค เพราะแต่เดิมผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ เมื่อเขาได้เสพข่าวอย่างนั้นแล้ว ก็ปักใจเชื่อ และไม่รับข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม ทางร้านจึงต้องเบนเข็มไปเจาะกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น เพราะกลุ่มนี้จะอัปเดตข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอ
ล่าสุดวันที่ 29 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความชัดเจนผลการตรวจสอบองุ่นไชน์มัสแคทที่มีสารเคมีตกค้างว่า
“ขอให้ฟังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แถลง หากพบสารเคมีเกินค่ามาตรฐาน ก็ต้องถูกปรับหรือมีบทลงโทษ แต่หากไม่เกินค่ามาตรฐาน ก็ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่าจะต้องทำความสะอาดผลไม้ที่นำเข้ามาอย่างไรก่อนที่จะนำไปบริโภค เช่น แช่น้ำ 20-30 นาที เพราะผลไม้ส่วนใหญ่ก็จะมีสารเคมีแทบทุกแบบ แต่ถ้าไม่เกินค่ามาตรฐาน อย. ที่วางมาตรฐานสารเคมีที่ต่ำสุดอยู่แล้ว ตรงนี้ก็ต้องปรับตัว ทั้งเรื่องการทำความสะอาด และทำความเข้าใจเรื่องการสื่อสาร ซึ่งคนที่จะให้ข้อมูลก็ต้องระวังด้วยว่าจะทำให้สินค้าได้รับความเสียหายหรือไม่ หากไม่มีความผิด แต่ถ้ามีความผิดก็ต้องถูกปรับและลงโทษ
มาตรฐานที่ได้วางเอาไว้เป็นมาตรฐานขั้นต่ำ และบางครั้งผลไม้ต้องทำความสะอาด ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขวิสัยที่สามารถรับประทานได้ เพราะฉะนั้น ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละชนิดของผลไม้”
นอกจากราคาขายที่ต้องลดลงที่มีผลกระทบแล้ว รูปแบบในการค้าขายก็เปลี่ยนไป ทางร้านนอกจากจะขายผลไม้แล้ว ยังรับจัดกระเช้าของฝาก ซึ่งลูกค้าก็จะบอกว่าให้เอาองุ่นไชน์มัสแคทออกไปเลย และเปลี่ยนเป็นองุ่นสายพันธุ์อื่นๆ แทน จากองุ่นที่ถูกมองว่าเป็นของฝากชั้นดี กลายเป็นสิ่งที่ต้องถูกนำออกไปจากตรงนั้นโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคยังต้องการที่จะรับประทานองุ่นไชน์มัสแคท ผู้บริโภคสามารถป้องกันตัวเองได้ด้วยการเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ตรวจสอบสลากดูแหล่งที่มา ตรวจสอบลักษณะขององุ่น และล้างอย่างถูกวิธี
ขอบคุณข้อมูลบางส่วน มติชนออนไลน์