จากกระแสฮือฮา ผลจากต้น “ผ่าด้าม” รับประทานแล้วมีฤทธิ์เหมือนไวอากร้า สามารถฟื้นฟูพลังทางเพศให้กับท่านชายได้เป็นอย่างดี กระทั่งมีความต้องการในตลาดสูงมาก ถึงขั้นซื้อขายกันกิโลกรัมละหลายพันบาท แต่เนื่องจากมีข่าวว่าต้นไม้ดังกล่าว เหลืออยู่เพียงต้นเดียว อยู่ในพื้นที่อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย ล่าสุดทางผู้ว่าฯ จึงสั่งให้มีการวิจัยสรรพคุณทั้งหมด หากพบว่าได้ผลจริง ก็จะหาแนวทางขยายพันธุ์เพื่อทำการแจกจ่ายให้ประชาชนอย่างทั่วถึงต่อไป
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรไทยบำรุงกำลัง สามารถช่วยท่านชาย “โล้สำเภา” ให้ได้เหมือน “พี่หมื่น” ของน้อง “การะเกด” นั้น เคยได้รับการเปิดเผยจาก โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนไทย มาแล้วว่า สมัยโบราณยุคปู่ย่าตาทวด เป็นสังคมเกษตรกรรม ต้องใช้เรี่ยวแรงในการทำไร่ไถนา และที่สำคัญต้องมีเรี่ยวมีแรงในการให้กำเนิดลูกหลานเพื่อมาช่วยกิจการ และกิจกรรมในครัวเรือนด้วย ดังนั้นเมื่อศึกษาตำรายาไทยสมัยก่อน จะพบกลุ่มยาที่ช่วยในด้านบำรุงกำลังวังชา ระบุสรรพคุณในด้านเสริมสมรรถภาพท่านชายไว้มากมาย
หากแต่ปัจจุบันมิติด้านของความสัมพันธ์ทางเพศกำลังถูกคุกคามจากปัญหาด้านสุขภาพของผู้ชาย 2 ประการคือ การมีบุตรยากเนื่องจากจำนวนอสุจิลดลง และการเกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ คู่สมรสประมาณร้อยละ 10 ถึง 15 ทั่วโลกประสบปัญหามีบุตรยาก และมีหลักฐานหลายประการ บ่งชี้ว่าปัญหาการมีจำนวนอสุจิลดลง กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ในขณะเดียวกันอุบัติการณ์ของโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (erectile dysfunction) หรือโรคอีดี ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลมาจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป สภาพการดำเนินชีวิตที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด สารมลพิษที่หลากหลาย ยาบางชนิด สารพิษในอาหาร และการขาดสารอาหารบางชนิด
ดังนั้นแนวคิดของหมอพื้นบ้านไทยเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหานี้ จะเน้นการดูแลธาตุในร่างกายให้เป็นปกติอย่างเป็นองค์รวม โดยปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เหมาะสม เน้นการรับประทานอาหารที่เปี่ยมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ประกอบกับการใช้ตำรับยาสมุนไพรเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ สรรพคุณบำรุงเลือดลม ทำให้การไหลเวียนของเลือดและระบบย่อยอาหารดีขึ้น เมื่อสุขภาพโดยรวมดีขึ้น สมรรถภาพทางเพศก็จะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ พืชผักที่ใช้เป็นอาหารบำรุงสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายนั้น มีอยู่หลายกลุ่ม ได้แก่
พืชผักที่มีกลิ่นฉุน รสร้อน เช่น หัวหอมแดง กระเทียม พริกไทย ขิง หน่อหรือดอกตระกูลขิง ข่า ใบแมงลัก สะตอ ขนุน ทุเรียน กุยช่าย กระถิน กระเฉด พืชตระกูลมะเขือทุกชนิด เช่น มะเขือพวง มะแว้ง มะเขือเปราะ พืชที่มีความมันชุ่มชื้น เช่น ผักปลัง งา แห้วหมู กระจับ แห้ว รากสามสิบ เนื้อผลตาล เมล็ดหมามุ่ย เมล็ดมะขาม กล้วยหอม ผักบุ้ง เนื้อในของเมล็ดมะเดื่อ สมอพิเภก พืชที่บำรุงทางเดินปัสสาวะ เช่น หนามกระสุน หญ้าขัด รางแดง โด่ไม่รู้ล้ม
สำหรับตัวอย่างตำรับยาบำรุงกำลัง มีตัวอย่างดังนี้
- พริกไทย 7 เม็ด กระเทียม 3 กลีบกินดิบๆ พร้อมๆ กันทั้งสองอย่าง ทั้งพริกไทยและกระเทียม ไม่ต้องบดแต่ให้ใช้ปากเคี้ยว แต่ถ้าระคายปากนัก ท่านให้แกล้มด้วยกุ้งแห้งสัก 2-3 ตัว สรรพคุณท่านว่าเหลือจะคณนา ท่านให้กินเป็นประจำทุกเช้าและเย็น สัก 7 วัน แล้วจะเห็นผลทันตา
- เมล็ดหมามุ่ยแก่จัด คั่วไฟอ่อนจนสุกดี ดูจากขั้วของเมล็ดจากสีขาวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม เสมอกันทั้งเมล็ด จากนั้นนำมาบด หรือแช่น้ำก่อนจนเมล็ดนุ่ม แล้วค่อยเคี้ยวกิน ครั้งละ 3 เมล็ด เช้า เย็น
[หมามุ่ย : มีฤทธิ์กระตุ้นความต้องการทางเพศ เรียกว่าเป็นยากามะ ช่วยแก้ปัญหามีบุตรยาก ปรับสมดุลฮอร์โมนเพศชาย คุณภาพของอสุจิและช่วยให้น้ำเชื้อเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ใช้บรรเทาอาการพาร์กินสัน)
- หมากลิ้นช้าง (เพกา) ใช้เปลือกต้น หรือฝักอ่อนที่พับงอได้ ตากแห้งทำเป็นผงผสมน้ำผึ้งปั้นลูกกลอนขนาดเท่าเม็ดพุทราไทย กินครั้งละ 2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร (งานวิจัยของเพกา พบว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านการแพ้ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเซลล์มะเร็ง ลดคอเลสเตอรอล พื้นบ้านกินเป็นบำรุงกำลัง เพิ่มน้ำอสุจิ)
หมายเหตุ : กลุ่มยาบำรุงกำลังส่วนใหญ่มีฤทธิ์ในการเพิ่มการไหลเวียนเลือด ต้านการแข็งตัวของเลือด ดังนั้นผู้ที่ทานยาในกลุ่มนี้ควรระวังในการรับประทาน