‘หมี่ 8 โปร’ดีไซน์หรู รุ่นพรีเมียมของ‘เสี่ยวหมี่’

‘หมี่ 8 โปร’ดีไซน์หรู รุ่นพรีเมียมของ‘เสี่ยวหมี่’ – ดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการสมาร์ตโฟนจากประเทศจีน “เสี่ยวหมี่” สร้างความฮือฮาด้วยการกลายเป็นค่ายที่มียอด จำหน่ายสมาร์ตโฟนสูงที่สุดอันดับ 4 ของโลก รองจากซัมซุง หัวเว่ย และ แอปเปิ้ล

‘หมี่ 8 โปร’ดีไซน์หรู รุ่นพรีเมียมของ‘เสี่ยวหมี่’

ด้วยจุดเด่นคุณภาพการประกอบที่แน่นหนา ดีไซน์ที่หรูหรา ประสิทธิภาพสูง อันถือเป็นตัวชูโรงในตลาดพรีเมียม แต่ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า

ในจีน เสี่ยวหมี่ ถือเป็นสมาร์ตโฟนยอดจำหน่ายอันดับ 4 มีส่วนแบ่งการตลาด ร้อยละ 18 รองจากหัวเว่ย ออปโป้ และวีโว่

ความสำเร็จข้างต้นของเสี่ยวหมี่สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนได้จากเรือธงของปีนี้ เสี่ยวหมี่ หมี่ 8 โปร ให้ทีมข่าวสดไอทีมีโอกาสทดลองใช้มานานราว 2 สัปดาห์ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจมาก

เพราะประสบการณ์ที่ได้รับนั้นเป็นระดับชั้นเรือธงใจตลาดพรีเมียม แต่สนนราคาเพียงสองในสามส่วน คือที่ 19,990 บาท!

ความประทับใจแรกเริ่มตั้งแต่แกะกล่องออก เห็นฝาหลังโปร่งใส เผยให้เห็นวงจรภายในและแบตเตอรี่ที่จัดวางมาอย่างสวยงามเพื่ออวดโฉมให้โลกภายนอกได้ชม

‘หมี่ 8 โปร’ดีไซน์หรู รุ่นพรีเมียมของ‘เสี่ยวหมี่’

ฝาหลังใสสุดเท่

เรียกว่า เป็นเอกลักษณ์ที่ทั้งเท่และ แตกต่างจากค่ายอื่น จากที่เสี่ยวหมี่ใส่ใจในรายละเอียดของการจัดวางและรูปแบบภายใน อาทิ แบตเตอรี่ที่สลักลายเคฟลาร์สีดำสอดรับกับการเล่นสีดำจางๆ ตามขอบของฝาใส วงจรภายในที่วางรายล้อมรอบชิพประมวลผลสลักตราค่ายควอลคอมม์ จากประเทศสหรัฐ อเมริกา และคำนิยมเล็กๆ น้อยๆ ตามชิ้นส่วนด้านใน

ทั้งหมดนี้ควบรวมกับคุณภาพการประกอบที่เรียกได้ว่าเนี้ยบและแน่นหนา ทำจากวัสดุพิเศษ อะลูมิเนียม ซีรีส์ 7000 ซึ่งเป็นเกรดที่ใช้ในวงการอากาศยาน

ขนาดเครื่องกว้าง 74.8 ยาว 154.9 หนา 7.6 ม.ม. น้ำหนัก 177 กรัม นับว่าน้ำหนักกำลังดี ถือถนัดมือไม่ลื่นหลุดทั้งจากมือ และพื้นโต๊ะกระจกเวลาวาง ขอบมนไม่ระคายมือ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีฟีเจอร์เด็ดๆ อย่างมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น และชาร์จแบบไร้สาย

ส่วนอีกจุดหนึ่งที่ต้องบอกไว้ก่อน คือ เสี่ยวหมี่ หมี่ 8 โปร นั้นไม่มีช่องใส่หูฟังแบบมินิแจ๊กขนาด 3.5 มิลลิเมตร อาจเป็นจุดที่มีผลต่อการตัดสินใจสำหรับผู้ใช้หลายๆ ท่าน แต่ทางเสี่ยวหมี่แถมสายแปลงยูเอสบี-ซี ไปเป็นมินิแจ๊กมาให้

ส่วนปุ่มอื่นๆ นั้นได้แก่ ปุ่มปรับระดับเสียงขึ้นลง และปิดเปิดที่ฉาบ สีแดงสดมาให้โดดเด่นกว่าปุ่มอื่น เรียงอยู่ตลอดแนวขอบขวาบน (เมื่อหันจอเข้าหาตัวผู้ใช้) ส่วนที่ขอบซ้ายบนเป็นตำแหน่งของถาดใส่ซิมการ์ดเป็นแบบดูอัล ไม่รองรับการ์ดขยายพื้นที่เก็บข้อมูล ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่อาจมีผลต่อการตัดสินใจ ซึ่งน่าเสียดาย

‘หมี่ 8 โปร’ดีไซน์หรู รุ่นพรีเมียมของ‘เสี่ยวหมี่’

ใส่สองซิมได้

ขณะที่ขอบด้านล่างนั้นเป็นที่อยู่ของลำโพง แม้ทางเสี่ยวหมี่จะเจาะรูลำโพงมาแบบคู่แต่ก็เป็นเพียงเพื่อให้ดูสวยงาม ลำโพงตัวจริงนั้นอยู่ที่ด้านขวาเท่านั้น

ส่วนคุณภาพเสียงนั้นถือว่ามีจุดเด่นในเรื่องของความดัง แต่คุณภาพเสียงนั้นยังขาดความคมชัด เวทีเสียงค่อนข้างแคบ เบสลูกเล็ก และเสียงสูงไม่เด็ดขาด แนะนำว่าให้ใช้หูฟังจะดีกว่าหากต้องการเรื่องคุณภาพเสียงเพื่อการฟังเพลง

‘หมี่ 8 โปร’ดีไซน์หรู รุ่นพรีเมียมของ‘เสี่ยวหมี่’

ยูเอสบี-ซี

แม้เรื่องลำโพงจะไม่ค่อยน่าประทับใจ แต่หมี่ 8 โปร นั้นมีไฮไลต์อยู่ที่หน้าจอแสดงผลที่รองรับมาตรฐานภาพ HDR-10 ขนาด 6.21 นิ้ว และใช้เทคโนโลยี Super AMOLED ซึ่งเป็นจอที่ผลิตโดยค่ายซัมซุง ประเทศเกาหลีใต้ และได้รับยกย่องจากแวดวงไอทีว่าเป็นจอสมาร์ตโฟนที่ดีที่สุดของชั่วโมงนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคอนทราสต์สูงลิบ สว่างสู้แดด ประหยัดพลังงาน และสีสันที่ฉูดฉาด

‘หมี่ 8 โปร’ดีไซน์หรู รุ่นพรีเมียมของ‘เสี่ยวหมี่’

แถมสายแปลงมาให้

จอภาพดังกล่าวมีความละเอียด 2,248×1,080 พิกเซล อยู่ในระดับ FHD+ ความหนาแน่นพิกเซล 402 พิกเซลต่อตารางนิ้ว หรือพีพีไอ อัตราส่วนจอภาพต่อตัวเครื่องร้อยละ 83.8 เป็นสมาร์ตโฟนขอบน้อยที่มี “ติ่ง” (notch) ค่อนข้างใหญ่ ถือเป็นจุดที่ผู้ทดสอบมองว่าควรทำให้เล็กลงกว่านี้ แม้ ผู้ใช้จะสามารถปรับซ่อนได้ แต่การซ่อนนั้นยังไม่เสมอกับจอภาพทำให้ดูไม่เรียบเนียนหายไปเหมือนค่าย อื่นๆ นอกจากนี้ การใช้งานในแนวนอน (Landscape) ยังพบว่า การซูมภาพนั้นใช้หน้าจอไม่เต็มพื้นที่ โดยจะเสียพื้นที่ทั้งหมดตรงด้านที่มีขอบไป คาดว่าเพื่อตัดปัญหาติ่งทับภาพเวลาซูมภาพเต็มจอทั้งหมดแบบไอโฟน เท็น ซีรีส์ของค่ายแอปเปิ้ล

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าตัดติ่งออกไปน่าจะดีกว่า เพราะการซูมภาพเต็มจอที่เว้นพื้นที่ทั้งหมดในแนวของติ่งไว้ถือว่าเสียพื้นที่ทั้งยังทำให้ภาพบนสมาร์ตโฟนนั้นไม่อยู่กึ่งกลางของเครื่องด้วย แต่สำหรับหลายๆ คนที่ชื่นชอบติ่งคิดว่าคงไม่เป็นปัญหาใหญ่

‘หมี่ 8 โปร’ดีไซน์หรู รุ่นพรีเมียมของ‘เสี่ยวหมี่’

ซูมภาพเต็มจอ

หมี่ 8 โปร ใช้ขุมพลังจากชิพประมวลผล (SoC) Snapdragon 845 จากค่ายควอลคอมม์ของสหรัฐ ถือเป็น SoC รุ่นล่าสุด บนสถาปัตยกรรมการผลิตขนาด 10 นาโนโมตรของทางค่าย ภายในประกอบด้วยหน่วยประมวลผลกลาง หรือซีพียู แบบ 8 หัว (Octa-core) ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2.8 กิกะเฮิร์ตซ์ (GHz) และ 1.8 GHz พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก หรือจีพียู รุ่น Adreno 630 หน่วยความจำแรมมีให้เลือกแบบ 6 และ 8 กิกะไบต์ (GB) พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 64 และ 128 GB

สำหรับรุ่นที่ทางผู้ทดสอบได้มานั้นเป็นรุ่นแรม 8 GB กับรอม 128 GB พบว่าสามารถรองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ โดยจากการทดสอบด้วยแอพพลิเคชั่น Geek bench 4 พบว่าคะแนนเฉลี่ยประมวลผลแบบคอร์เดียวอยู่ที่ 2,416 แต้ม และแบบหลายคอร์อยู่ที่ 8,812 แต้ม นับว่ามีประสิทธิภาพอยู่ในระดับเดียวกันกับเครื่องกาแล็กซี โน้ต 9 จากค่ายซัมซุง ที่ใช้ชิพ Exynos 9810

แต่ยังเป็นรองชิพ A11 Bionic, A12 และ A12 Bionic ของทางแอปเปิ้ลอยู่ ซึ่งสร้างบนสถาปัตยกรรมขนาด 7 นาโนเมตร และใช้ในเครื่องไอโฟน เท็น ไอโฟน เท็นเอส และเท็นเอส แม็กซ์ ตามลำดับ

ที่น่าประทับใจกว่า คือ มีเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ตรวจลายนิ้วมือบนหน้าจอ ถือเป็นค่ายแรกๆ ของโลกที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ (ก่อนซัมซุงกับแอปเปิ้ลเสียอีก) และจากการทดสอบพบว่า มีความไวและแม่นยำกว่าเซ็นเซอร์ในเครื่อง Mate 20 Pro ของหัวเว่ยเสียอีก

‘หมี่ 8 โปร’ดีไซน์หรู รุ่นพรีเมียมของ‘เสี่ยวหมี่’

เซ็นเซอร์นิ้วในจอภาพ

ด้านระยะเวลาการใช้งานถือเป็นจุดด้อยที่สุดของหมี่ 8 โปร เพราะมีขนาดแบตฯ เพียง 3,000 มิลลิแอมป์ชั่วโมง (mAh) สร้างความแปลกใจให้กับผู้ทดสอบ เพราะขนาดเล็กยิ่งกว่าของรุ่นน้องอย่าง หมี่ 8 (3,400 mAh) และน้องสุดท้อง หมี่ 8 ไลต์ (3,350 mAh) ส่งผลให้เวลาในการใช้งานลดลงตามไปด้วย

เมื่อลองใช้งานอย่างหนัก ไม่ว่าจะเล่นเกม เล่นเน็ต โทร.สนทนา อ่านบทความ ถ่ายภาพ พบว่าอยู่ได้เพียง 6-7 ชั่วโมงเท่านั้น แม้ Snapdragon 845 จะส่งผลให้หมี่ 8 โปร สนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จไวรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Quick Charge 4+ ได้ แต่ทาง เสี่ยวหมี่ไม่ได้แถมชาร์จเจอร์ที่สนับสนุน Quick Charge 4+ มา โดยชาร์จเจอร์ที่แถมมาให้สนับสนุน Quick Charge เวอร์ชั่นเก่า (ไม่งั้นคงได้เป็นรุ่นแรกของโลกที่ใช้มาตรฐานชาร์จไวใหม่ไปแล้ว)

ส่วนการสื่อสารอื่นๆ มีครบครันไม่ว่าจะเป็นระบบ 4G, Wi-Fi ทั้งสองแบนด์ (2.4 และ 5.0GHz) และ Bluetooth 5.0 บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 8.1.0 จากกูเกิ้ล สหรัฐอเมริกา

อีกหนึ่งจุดที่ถือเป็นไฮไลต์น่าประทับใจของ หมี่ 8 โปร เป็นกล้องถ่ายภาพระบบเลนส์คู่ที่วางตัวทอดยาวลงมาด้านหลังเครื่องโดยมีแฟลชแอลอีดีอยู่ตรงกลางระหว่างเลนส์ทั้งสอง ได้แก่ เลนส์หลัก ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (MP) รูรับแสงขนาด เอฟ/1.9 พร้อมเทคโนโลยี dual-pixel ที่ทำให้จับแสงได้เร็วขึ้น

ส่วนอีกเลนส์เป็นเลนส์เด่นเชิงลึกความละเอียด 5MP รูรับแสงขนาด เอฟ/2.0 ถ่ายภาพได้สูงสุดที่ความละเอียด 4K อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที (2160@30fps) ขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียดถึง 24MP รองรับการถ่ายภาพแบบ HDR และถ่ายภาพได้สูงสุดที่ความละเอียด FHD อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที (1080p@30fps)

จากการทดสอบถ่ายภาพพบว่า กล้องหลังของหมี่ 8 โปรนั้นให้ภาพที่คมชัดและสวยงามมาก โดยเฉพาะในเวลากลางวันที่แสงเพียงพอ เพราะมีระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ที่คอยทำงานรีทัชให้ภาพออกมาดูเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ขณะที่ในเวลากลางคืนนั้นถือว่ามีรายละเอียดอยู่ในเกณฑ์ดี ปรับระดับแสงได้ดูเป็นธรรมชาติ แต่บางครั้งคุณภาพยังไม่ค่อยสม่ำเสมอ

ส่วนภาพซูม มาโคร และโบเก้ (Bokeh) นั้นสามารถให้ภาพออกมาได้เรียบเนียนสวยงาม ทั้งยังจับโฟกัสและแบ่งแยกพื้นหลังกับวัตถุด้านหน้าได้อย่างรวดเร็วผ่านเทคโนโลยี Semantic Segmentation คุณภาพโดยรวมของกล้องนั้นน่าพอใจมาก

‘หมี่ 8 โปร’ดีไซน์หรู รุ่นพรีเมียมของ‘เสี่ยวหมี่’

หน้าชัด หลังเบลอ

ขณะที่การถ่ายภาพเคลื่อนไหวก็มีคุณภาพที่ดีเยี่ยม ไม่สั่นจนน่าเกลียดเพราะมีระบบต่อต้านการสั่นสะเทือนทั้ง 4 แกน (4-axis OIS)

‘หมี่ 8 โปร’ดีไซน์หรู รุ่นพรีเมียมของ‘เสี่ยวหมี่’

ภาพถ่าย

‘หมี่ 8 โปร’ดีไซน์หรู รุ่นพรีเมียมของ‘เสี่ยวหมี่’

ภาพถ่าย

สรุปแล้วเสี่ยวหมี่ หมี่ 8 โปร เป็นสมาร์ตโฟนเรือธงระดับชั้นพรีเมียมของค่ายที่แม้ไม่สมบูรณ์แบบเท่ากับสมาร์ตโฟนชั้นพรีเมียมของค่ายยักษ์ใหญ่อื่นๆ เพราะขาดฟีเจอร์บางอย่าง อาทิ ช่องใส่การ์ดไมโคร-เอสดี การชาร์จไร้สาย ลำโพงที่ไม่มีอะไรพิเศษทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ แต่ด้วยประสิทธิภาพระดับเดียวกัน จอภาพที่ดีที่สุดของวงการ และการออกแบบที่เท่แตกต่างไปจากค่ายอื่น

ทั้งหมดสนนราคาเพียง 2 ใน 3 ของคู่แข่ง ผู้ที่ต้องการ สมาร์ตโฟนระดับพรีเมียมและประหยัดเงินที่สุด ไม่ควรมองข้าม หมี่ 8 โปร อย่างเด็ดขาด

โดย จันท์เกษม รุณภัย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน