ไมโครซอฟท์เรียกเสียงฮือฮา ผุดแว่นตาเออาร์โฮโลเลนส์ 2 เทรนด์แห่งอนาคต
ไมโครซอฟท์เรียกเสียงฮือฮา – วันที่ 26 ก.พ. ซีเน็ตรายงานว่า ไมโครซอฟท์ ผู้พัฒนาเทคโนโลยีชื่อดังจากประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นแว่นตาหลอมมิติ โฮโลเลนส์ 2 (Hololens 2) ซึ่งใช้เทคโนโลยีอักเมนต์ เรียลิตี้ หรือเออาร์ หลอมรวมกราฟฟิกเข้ามาแสดงกับผู้ใช้ได้ในสภาพแวดล้อมจริง สนนราคาที่ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือว่า 1 แสนบาท!
โฮโลเลนส์ 2 เป็นแว่นตาเออาร์ที่ทางไมโครซอฟท์พัฒนาต่อยอดมาจากแว่นเออาร์ โฮโลเลนส์ ที่เปิดตัวสร้างความฮือฮาเมื่อหลายปีก่อน
ทางไมโครซอฟท์เรียกเทคโนโลยีเออาร์ ว่ามิกซ์ เรียลิตี้ (mixed reality) แปลว่า ความเป็นจริงแบบผสมผสาน เพราะแว่นดังกล่าวเป็นการสร้างภาพกราฟฟิกขึ้นมาในชีวิตจริงให้ผู้ใช้สามารถปฏิสัมพันธ์ได้ขณะสวมแว่น
อย่างไรก็ตาม ทางไมโครซอฟท์ ระบุว่า โฮโลเลนส์ 2 นั้นไม่ได้มุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มผู้บริโภคทั่วไป แต่เน้นไปที่กลุ่มผู้ปฏิบัติงานทางด้านเทคนิคในสาขาอาชีพต่างๆ แต่หากผู้บริโภคทั่วไปต้องการซื้อก็ได้ เพราะทางไมโครซอฟท์เปิดให้จองแล้วตั้งแต่วันนี้ โดยสินค้าคาดว่าจะจัดส่งในช่วงปลายปี
ซีเน็ต ระบุว่า แว่นตาโฮโลเลนส์ใช้หลักการทำงานด้วยเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับการมองของผู้ใช้ และยังเข้ารหัสการใช้งาน รวมทั้งจัดเก็บโปรไฟล์การตั้งค่าแว่นด้วยม่านตาของผู้ใช้
เซ็นเซอร์ดังกล่าวยังตรวจจับการเคลื่อนที่ของมือผู้ใช้ด้วย ทำให้การประสานงานกันระหว่างภาพที่ลอยอยู่กลางอากาศสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับมือผู้ใช้ได้
สิ่งที่โฮโลเลนส์ 2 ได้รับการพัฒนาเพิ่มให้มากขึ้นจากรุ่นก่อน ได้แก่ องศาการมองของผู้ใช้เพิ่มเป็น 52 องศา กล่าวคือ สามารถมองเห็นภาพกราฟฟิกได้ภายในช่วงองศาการมองข้างต้น
ขณะที่การออกแบบเลนส์ด้านหน้าของใบหน้าผู้ใช้ยังออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ที่ต้องสวมใส่แว่นสายตาสามารถสวมใส่แว่นโฮโลเลนส์ได้อย่างสบาย
ด้านซอฟต์แวร์นั้นทางไมโครซอฟท์ ยืนยันว่า เป็นซอฟต์แวร์แบบเปิดซึ่งจะทำให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถสร้างแอพพลิเคชั่นสำหรับโฮโลเลนส์ได้สะดวกรวดเร็ว ล่าสุด อีปิก เกมส์ บริษัทวิดีโอเกมน้องใหม่สัญชาติอเมริกันประกาศความพร้อมจะพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อโฮโลเลนส์ด้วย
ไมโครซอฟท์ ระบุว่า โฮโลเลนส์มีแบตเตอรีที่ทำให้ใช้งานต่อเนื่องได้นานราว 3 ชั่วโมง ขณะที่ทางบริษัทจะเปิดตัวแว่นโฮโลเลนส์ 3 ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่า โฮโลเลนส์ 3 น่าจะถูกพัฒนามาให้เหมาะกับผู้ใชทั่วไปมากขึ้น และมีราคาที่ถูกลง
นอกจากนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวยังจะถูกนำไปใช้ในกองทัพสหรัฐด้วย สร้างความไม่พอใจให้พนักงานของไมโครซอฟท์
