ซัมซุงกาแล็กซีS10+ ยอดเยี่ยมที่สุดของชั่วโมงนี้

ซัมซุงกาแล็กซีS10+ ยอดเยี่ยมที่สุดของชั่วโมงนี้ – สมาร์ตโฟนตระกูลกาแล็กซี ถือว่ามีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นหนึ่งในมือถือจากค่ายซัมซุง ประเทศเกาหลีใต้ ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน

แน่นอนว่าสมาร์ตโฟนเรือธง กาแล็กซี เอส 10+ จึงเป็นรุ่นที่ถูกจับตามองอย่างมากจากนักวิจารณ์ ทีมข่าวสดไอที มีโอกาสทดลองใช้เครื่อง ซัมซุง กาแล็กซี เอส 10+ มาราวๆ เกือบ 2 สัปดาห์ จึงนำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง

ซัมซุงกาแล็กซีS10+ ยอดเยี่ยมที่สุดของชั่วโมงนี้ซัมซุงกาแล็กซีS10+ ยอดเยี่ยมที่สุดของชั่วโมงนี้

ซัมซุง กาแล็กซี เอส 10+ (Samsung Galaxy S10+) ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของความก้าวหน้า องค์ความรู้ และประสบการณ์ 10 ปีของซัมซุง ที่พัฒนาสมาร์ตโฟนตระกูลกาแล็กซีมา โดยไฮไลต์ที่สำคัญอยู่ที่ขอบจอเต็มแบบ Infinity-O Display สแกนลายนิ้วมือแบบระบบคลื่นเสียงอัลตราโซนิกเจ้าแรกของโลกที่มีความปลอดภัยสูงสุด และกล้องถ่ายภาพที่มีมากถึง 5 ตัว!

เริ่มกันที่ไฮไลต์แรกก่อน คือ Infinity-O Display เป็นการออกแบบจอภาพ Dynamic AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ที่มีจุดเด่นที่อัตราส่วนจอภาพต่อตัวเครื่องมากถึงร้อยละ 88.9 โดยทางซัมซุงเพียงเว้นช่องที่เป็นกล้องถ่ายภาพด้านหน้า 2 ตัวไว้ถือเป็นการพัฒนาที่แตกต่างไปจากปรากฏการณ์ติ่ง (notch)ของไอโฟน

จุดนี้ส่วนตัวผู้ทดสอบชื่นชอบกว่าติ่ง เพราะรู้สึกว่าไม่ได้สร้างความรำคาญแต่อย่างใดเวลารับชอบคอนเทนต์เต็มจอ อย่างไรก็ดี ผู้ทดสอบมองว่า Infinity-O เป็นสิ่งที่สะท้อนว่า เทคโนโลยีจอเต็มนั้นอยู่ใกล้เพียงอึดใจเดียว อีกไม่นานคงจะได้เห็นสมาร์ตโฟนจอเต็มกันจริงๆ เสียที

จอภาพไดนามิก อะโมเลด Dynamic AMOLED นั้นมีแสงสว่างที่เจิดจ้า การใช้กลางแดดนั้นมองเห็นได้ชัดเจน และให้สีที่เที่ยงตรงมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา สอดคล้องกับผลการทดสอบของเว็บไซต์ displaymate ที่ยกย่องให้จอภาพของ ซัมซุง กาแล็กซี เอส 10+ เป็นจอภาพที่ดีที่สุดบนสมาร์ตโฟนชั่วโมงนี้

ซัมซุงกาแล็กซีS10+ ยอดเยี่ยมที่สุดของชั่วโมงนี้

ส่วนสเป๊กนั้นจัดมาเต็มด้วยเรโซลูชั่นแบบ QHD+ (1,440×3,040 พิกเซล) อัตราส่วนภาพ 19:9 ความหนาแน่นพิกเซล 522 พิกเซลต่อตารางนิ้ว (ppi) รองรับระบบภาพคอนทราสต์สูงแบบ HDR10+ ประกบหน้าด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 6 รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีความคงทนแข็งแรง และไม่เป็นรอยขีดข่วนง่าย การประกอบเนี้ยบ แน่นหนา ตามมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นเข้า IP68 วัสดุเป็นอะลูมิเนียมชั้นดี ขอบเหลากลมมน หน้าจอขอบโค้งเซ็กซี่ มีทั้งพอร์ต USB-C มินิแจ๊ก 3.5 มิลลิเมตรสำหรับหูฟัง และถาดใส่ซิมแบบดูอัลไฮบริด เลือกใส่ 2 ซิม หรือ 1 ซิม กับการ์ด micro-SD ความจุสูงสุด 512 กิกะไบต์ (GB) ซึ่งกาแล็กซี เอส 10+ มีความจุภายใน (ROM) เลือกได้ตั้งแต่ 128 GB, 512 GB ถึง 1 เทร่าไบต์ (TB) หมายความหากใส่จนเต็มจะจุข้อมูลได้มากถึง 1.5 TB หรือกว่า 1,500 GB! (ตัวท็อปสนนราคาที่ 55,900 บาท)

ไฮไลต์ถัดมาเป็นสแกนลายนิ้วมือใต้จอภาพ จุดนี้มองผิวเผินอาจดูไม่หวือหวา เพราะความจริงแล้วสแกนลายนิ้วมือใต้จอภาพนั้นมีค่ายใหญ่ๆ ในประเทศจีนเปิดตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่หากมองให้ลึกลงไปกว่านั้นจะพบว่าเทคโนโลยีที่ทางซัมซุงนำมาใช้นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากของแบรนด์อื่นๆ ที่ชิงออกตัวก่อน นั่นคือ คลื่นเสียงแบบอัลตราโซนิก หรือที่เรียกกันว่า อัลตราซาวด์

ข้อดีของเซ็นเซอร์ใต้จอภาพ คือ ทำให้ประหยัดเนื้อที่และเพิ่มความกลมเกลี้ยงให้การออกแบบสมาร์ตโฟน ส่วนระบบคลื่นเสียงแบบอัลตราโซนิกที่ซัมซุงนำมาใช้นั้น ผู้ทดสอบประทับใจมากๆ เพราะจากเดิมที่ไม่ได้คาดหวังมากมาย กลายเป็นว่าเทคโนโลยีนี้เหนือชั้นกว่าจริง เพราะความแม่นยำและความรวดเร็วนั้นเห็นได้ชัดเจน เพียงผู้ทดสอบแตะนิ้วเบาๆ ที่จอก็สามารถปลดล็อกได้ทันที ทั้งอัลตราซาวด์ยังมีดีกว่า ไม่ว่านิ้วจะเปียกเปื้อน หรือปลดล็อกใต้น้ำก็ทำได้อย่างแม่นยำรวดเร็วแบบค่ายอื่นที่ใช้หลักการของการถ่ายภาพและแสงเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้จะต้องแตะที่บริเวณล่างของจอเท่านั้นเพื่อปลดล็อก เช่นเดียวกันกับของค่ายอื่นๆ ไม่สามารถที่จะแตะลงไปตรงไหนเพื่อปลดล็อกได้ เมื่อใช้ฟีเจอร์นี้ร่วมกันกับระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า พบว่ากล้องและเซ็นเซอร์จับใบหน้าของเครื่องกาแล็กซี เอส 10+ นั้นดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ มากอย่างน่าประทับใจ

ไม่ว่าจะเป็นที่แสงมากน้อย ทำงานได้อย่างรวดเร็วแม่นยำไม่ว่าจะถอดแว่น ใส่แว่น เปลี่ยนทรงผม ก็ปลดล็อกได้ (ส่วนศัลยกรรมไม่ได้ลอง) แต่แนะนำว่าสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุดควรใช้เป็นรหัสผ่านไม่ก็สแกนนิ้วมืออย่างเดียว เนื่องจากระบบอัลตราโซนิกนั้นจะตรวจสอบไปถึงแรงดันเลือดในนิ้วของผู้ใช้ด้วย ไม่สามารถที่จะตัดนิ้วเจ้าของโทรศัพท์มาแปะได้ ต้องแตะนิ้วด้วยตัวเป็นๆ เท่านั้น!

กาแล็กซี เอส 10+ ใช้ขุมพลังประมวลผลจากชิพ Exynos 9820 Octa ของซัมซุง ภายในประกอบด้วยหน่วยประมวลผลกลาง หรือซีพียู 8 หัว (Octa-core) ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2.31 กิกะเฮิร์ตซ์ (GHz) และ 1.95 GHz หน่วยประมวลผลกราฟิก หรือจีพียู Mali-G76 MP12 หน่วยความจำแรม 12 GB และแบตเตอรี่ 4,100 มิลลิแอมป์ชั่วโมง (mAh) ขนาดกว้าง 74.1 ยาว 157.6 บางเพียง 7.8 ม.ม. น้ำหนักสุทธิ 175 กรัม ถือว่ากำลังดี ส่วนสเป๊กนั้นเรียกว่าโอเวอร์คิลล์ หรือเหลือกิน เรียกว่าแรงที่สุดของชั่วโมงนี้แล้วก็ได้

แน่นอนการทดสอบใช้งานไม่พบว่ามีอาการโหลดช้าและกระตุกแต่อย่างใดไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม เล่นเว็บ ทำงานมัลติทาสกิ้ง กาแล็กซี เอส 10+ ยังทำงานได้สบายๆ อย่างไรก็ดีผู้ทดสอบพบว่าเครื่องอาจเกิดอาการร้อนได้บ้าง แนะนำว่าใส่เคสไว้จะดีกว่าใช้โล้นๆ ส่วนระยะเวลาการใช้งานนั้นเหลือเฟืออย่างมากสำหรับผู้ที่ชาร์จสมาร์ตโฟนทุกวัน เพราะผู้ทดสอบแม้จะใช้งานอย่างหนักหน่วงตั้งแต่ 08.00-21.00 น. พบว่าแบตฯ เหลือถึงร้อยละ 40 หากวันไหนที่ใช้งานไม่มาก พบว่าแบตฯ อยู่ได้เกือบ 2 วันเต็ม จุดนี้ถือว่าน่าประทับใจอีกเช่นกัน

กาแล็กซี เอส 10+ รันบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 9.0 จากกูเกิ้ล ประเทศสหรัฐอเมริกา แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นเรือธงจะได้รับการอัพเดตเป็นแอนดรอยด์ 10.0 ด้วย แต่ที่ต้องกล่าวถึงจริงๆ ตรงนี้ คือ One UI ซึ่งเป็นระบบอินเตอร์เฟซแบบใหม่ที่ทางซัมซุงออกแบบมาโดยมีหลักการง่ายๆ คือ การตอบสนองการใช้งานแบบมือเดียว

ยกตัวอย่างเมนูปรับแต่งหลักของเครื่อง จุดนี้หากลากลงมาจากด้านบนแล้วปุ่มทั้งหมดจะลงมากองกันอยู่ข้างล่างทำให้ใช้นิ้วมือข้างเดิมเขี่ยได้สะดวกไม่ต้องใช้อีกมือ ทั้งยังมีดาร์กธีม ซึ่งปรับให้เมนูทุกอย่างเป็นโทนสีเทาดำ ช่วยประหยัดพลังงานและทำให้สบายตา โดยซัมซุงเรียกฟีเจอร์นี้ว่า ไนต์ โหมด หรือโหมดกลางคืน ถือเป็นจุดที่น่าชื่นชมทีมพัฒนาอินเตอร์เฟซ เพราะซัมซุงนั้นมักโดนโจมตีเรื่อง UI อยู่ตลอดว่าเทอะทะไม่สะดวก

มาคราวนี้ บอกได้เลยว่า One UI ใหม่ ลองแล้วจะต้องติดใจ เช่นเดียวกันกับลำโพงสเตอริโอที่เสียงดัง และมีคุณภาพดีตามมาตรฐาน Dolby Atmos และได้รับการปรับแต่งโดยค่าย AKG ซึ่งแถมหูฟัง AKG มาให้ด้วย

ยังไม่หมดเท่านี้ กาแล็กซี เอส 10+ ยังมีลูกเล่นใหม่อย่าง Power Share ที่ใช้เครื่องเป็นแท่นชาร์จไร้สายให้กับอุปกรณ์อื่นที่สนับสนุนการชาร์จไร้สายด้วย แม้จุดนี้จะเป็นสิ่งที่ค่ายอื่นๆ จากประเทศจีน (อีกแล้ว) ทำมาก่อน แต่ก็เป็นที่น่ายินดีที่ซัมซุงตามทันได้ในเวลารวดเร็ว แม้จะพบว่าไม่ค่อยได้ใช้ฟีเจอร์นี้มากนักในชีวิตจริงก็ตาม ส่วนการสนับสนุนการชาร์จไร้สาย และชาร์จเร็วนั้นมีมาให้ครบครัน

ซัมซุงกาแล็กซีS10+ ยอดเยี่ยมที่สุดของชั่วโมงนี้ ซัมซุงกาแล็กซีS10+ ยอดเยี่ยมที่สุดของชั่วโมงนี้

ทั้งยังเป็นสมาร์ตโฟนเครื่องแรกที่มีระบบไวไฟ 6 หรือมาตรฐาน 802.11ax ที่จะทำให้อัตราการส่งข้อมูลเร็วขึ้นมากกว่า ไวไฟ 5 หรือ 802.11ac ที่ใช้กันแพร่หลายทุกวันนี้ แต่มีข้อแม้ว่าเราเตอร์ต้องสนับสนุน ไวไฟ 6 ด้วย ส่วนบลูทูธ 5.0 และปุ่ม Bixby ยังมีติดมาเหมือนเดิม แต่อย่าเพิ่งตกใจ! เพราะทางซัมซุงให้ปรับปุ่ม Bixby ใช้เปิดแอพพลิเคชั่นอื่นได้แล้ว!!

กาแล็กซี เอส 10+ นับเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงเครื่องแรกของซัมซุงที่มีกล้องหลังถึง 3 ตัว โดย 2 ตัวแรกนั้นไม่ได้แตกต่างจากรุ่นที่ผ่านมาอย่าง S9 ได้แก่ เลนส์วาย ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (MP) f/1.5-2.4 มีระบบดูอัลอพาร์ตเจอร์ ที่ปรับขนาดรูรับแสงได้ตามปริมาณแสงของสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนที่สุด

ต่อมาเป็นเลนส์เทเลโฟโต้ความละเอียดเท่ากัน f/2.4 เอาไว้ใช้ซูม 2x optical zoom โดยเลนส์ที่เพิ่มมาจะเป็นเลนส์อัลตราวายด์ ที่ให้มุมกว้างพิเศษ ความละเอียด 16MP รองรับการถ่ายภาพเคลื่อนไหวในระบบ HDR10+ มีโหมด Super Slow-mo มาให้เหมือนเดิม และศักยภาพถ่ายคลิป 4K ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที (2,160p@30fps)

กล้องหน้าเป็นเลนส์คู่ความละเอียด 10 และ 8MP คุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมแต่ในที่มืดยังขาดรายละเอียด

ซัมซุงกาแล็กซีS10+ ยอดเยี่ยมที่สุดของชั่วโมงนี้

กล้องหลังของ S10+ มีคุณภาพสูงและคมชัดมากในที่แสงพอ โดยสังเกตได้ว่าสีที่ออกมานั้นค่อนข้างแลดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ยังพบว่าแสงที่ออกมานั้นยังมีความไม่สม่ำเสมอในแต่ละภาพ ขณะที่ในที่มืดนั้นพบว่าภาพที่ได้ค่อนข้างสว่าง คาดว่าซัมซุงน่าจะปรับแต่งซอฟต์แวร์มาใหม่ ส่วนเลนส์อัลตราวายด์นั้นแม้ซูมแล้วจะยังขาดรายละเอียดอยู่บ้าง แต่ถือว่าทำงานได้ดี ทว่า สิ่งที่ผู้ทดสอบรำคาญมากที่สุดเห็นจะเป็นบริเวณขอบของภาพแบบกว้างพิเศษซึ่งมีการบิดเบี้ยวให้เห็นแม้จะมีระบบจัดการปัญหาจุดนี้แต่ก็ยังไม่ดีพอ คาดว่าซัมซุงน่าจะปรับแก้ในอนาคตด้วยอัพเดต

ผู้ทดสอบมองว่า กล้องถ่ายภาพของกาแล็กซี เอส 10+ เป็นจุดที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาจากรุ่นก่อนๆ มากนัก แต่ก็ถือว่าครบเครื่องอยู่แล้ว จอภาพถือว่าดีที่สุด การออกแบบก็สวยงามเป็นเอกลักษณ์ One UI ที่ทำมาใหม่ดีเยี่ยม แบตอึดสะใจ สเป๊กล้ำกว่ารุ่นไหนๆ

ซัมซุง กาแล็กซี เอส 10+ คือที่สุดแล้วของสมาร์ตโฟนชั่วโมงนี้ สนนราคาที่ 35,900 ไปจนถึง 55,900 บาท!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน