โซนี่ เอ็กซ์พีเรีย 1 แบบฉบับ‘เรือธง’ที่แตกต่าง

โซนี่ เอ็กซ์พีเรีย 1 แบบฉบับ‘เรือธง’ที่แตกต่าง – โซนี่ ผู้พัฒนาเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น ยังคงพยายามสร้างอัตลักษณ์ให้สินค้าสมาร์ตโฟนของตัวเอง ท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือด

เอ็กซ์พีเรีย 1 (Xperia 1) ที่เปิดตัวไปในช่วงต้นปีนี้ ถือเป็นสมาร์ตโฟนเครื่องแรกที่ใช้อัตราส่วนภาพแบบ 21 : 9 แตกต่างไปจากสมาร์ตโฟนของคู่แข่งรายอื่น

แอนดรอยด์อูธอริตี ผู้เชี่ยวชาญทางด้านไอทีจึงนำประสบการณ์การใช้งานมาฝากกัน

เริ่มกันที่อุปกรณ์ภายในกล่องที่แถมมาทั้งหมดของเอ็กซ์พีเรีย 1 ได้แก่ ชาร์จเจอร์ขนาด 18 วัตต์ (W) หัวแบบ USB-C สายเคเบิลแบบ USB-C to USB-C สายแปลงช่องเสียบหูฟังแบบ USB-C เป็นมินิแจ๊กขนาด 3.5 มิลลิเมตร และหูฟังแบบสาย USB-C

โซนี่ เอ็กซ์พีเรีย 1 แบบฉบับ‘เรือธง’ที่แตกต่าง

เอ็กซ์พีเรีย 1 มีขนาดกว้าง 72 ยาว 167 หนา 8.2 ม.ม. และมีน้ำหนักประมาณ 178 กรัม ส่งผลให้สมาร์ตโฟนเครื่องนี้แลดูแคบและค่อนข้างสูงยาว เนื่องมาจากอัตราส่วนจอภาพแบบ 21 : 9 ซึ่งโซนี่ยืนกรานว่าให้ประสบการณ์การรับชมคอนเทนต์ได้ดีกว่า

ด้วยขนาดความกว้างของสมาร์ตโฟนเครื่องนี้ทำให้เอ็กซ์พีเรีย 1 อยู่ในอุ้งมือได้สะดวกและรู้สึกมั่นใจกว่าสมาร์ตโฟนส่วนใหญ่ที่มีจำหน่ายทั่วไป แต่ความสูงทำให้การใช้งานมือเดียวนั้นไม่สะดวกอย่างยิ่ง (one-hand opertation)

ผู้ที่ชื่นชอบใช้งานมือเดียวด้วยนิ้วโป้งยืนยันได้ว่าหมดสิทธิ์

แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของเอ็กซ์พีเรีย 1 นั้นหนีไม่พ้นคุณภาพการประกอบที่ยอดเยี่ยม

โซนี่ เอ็กซ์พีเรีย 1 แบบฉบับ‘เรือธง’ที่แตกต่าง

ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์และความรู้สึกที่ได้สัมผัสนั้นเป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนรุ่นที่เรียบเนียนปิดสนิทที่สุดเท่าที่แอนดรอยด์อูธอริตีเคยทดสอบมา

ความโค้งเว้าของจอและมุมขอบรับกับขอบอะลูมิเนียมสวยหรู เสริมความแข็งแกร่งด้วย กระจกกอริลล่า กลาส 6 รุ่นใหม่ล่าสุด ทำให้ทุกสัมผัสในมือนั้นนุ่มนวล แต่สิ่งที่ต้องระวังที่สุดคือ ความลื่นของพื้นผิวที่อาจทำให้สมาร์ตโฟนเครื่องนี้ลื่นไถลไปตามโต๊ะได้

ส่วนสีนั้นมี 2 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำ และม่วง ขณะที่ปุ่มควบคุม ไม่ว่าจะเป็นระดับเสียง และเปิดปิดเครื่องเรียงอยู่ที่ด้านขวาทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความที่เป็นโซนี่นั้นปุ่มกล้องก็มีแถมมาให้ด้วยที่มุมขวาล่างของเครื่องเอาไว้กดเวลาอยู่ในแนวนอน (landscape)

ปุ่มกล้องที่ว่านี้ถือเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของสมาร์ตโฟนตระกูลเอ็กซ์พีเรีย โดยทางผู้ทดสอบมีความยินดีที่ทางโซนี่เก็บเอกลักษณ์ดังกล่าวไว้ โดยปุ่มดังกล่าวยังคงทำงานแบบ 2 ระดับเหมือนเดิม ได้แก่ การกดตื้นกับกดลึก แต่ปัญหาที่ผู้ทดสอบพบคือ การที่เผลอไปโดนปุ่มดังกล่าวเวลาที่ใส่สมาร์ตโฟนไว้ในกระเป๋ากางเกง ขณะที่เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือนั้นอยู่ที่ขอบด้านข้างของเครื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลกว่าการนำไปไว้ใต้จอภาพ ทำให้สะดวกต่อการใช้งานมากกว่า

โซนี่ เอ็กซ์พีเรีย 1 แบบฉบับ‘เรือธง’ที่แตกต่าง

ส่วนช่องใส่ซิมการ์ด และไมโครเอสดี อยู่ที่ขอบด้านบนของเครื่อง รองรับ 2 ซิม ส่วนขอบล่างเป็นที่อยู่ของ USB-C และลำโพง แต่ไม่มีช่องเสียบหูฟังมินิแจ๊กขนาด 3.5 ม.ม. ถือว่าน่าเสียดายพอสมควร

มาที่ด้านหลังของเครื่องจะพบกับกล้องหลังแบบ 3 เลนส์ ที่โมดูลนั้นยื่นออกมาจากตัวเครื่องเล็กน้อย โดยทางโซนี่นำโมดูลวางเรียงไว้ตรงกลางเครื่อง ส่งผลให้เมื่อวางเครื่องลงบนพื้นราบแล้วเครื่องก็จะกระโดกกระเดกไปมาซ้ายขวา อาจสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้บางคน ขณะที่การประกอบที่ยอดเยี่ยมของโซนี่สอดรับกันกับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นแบบ IP68 ส่งผลให้เอ็กซ์พีเรีย 1 สามารถอยู่ใต้น้ำได้ลึกไม่เกิน 1.5 เมตร นานไม่เกิน 30 นาที

จอภาพของเอ็กซ์พีเรีย 1 เป็นจอภาพขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 4K (1,644 x 3,840 พิกเซล) ความหนาแน่นพิกเซลประมาณ 643 พิกเซลต่อตารางนิ้ว (ppi) และมีสัดส่วนจอภาพต่อตัวเครื่องร้อยละ 82 บนอัตราส่วนภาพ 21:9 บนเทคโนโลยี OLED สนับสนุน HDR พร้อมเทคโนโลยี Triluminos และ X-Reality Engine เป็นจอภาพ 4K ดีที่สุดเท่าที่โซนี่เคยใส่มาในตระกูลเอ็กซ์พีเรีย

โซนี่ เอ็กซ์พีเรีย 1 แบบฉบับ‘เรือธง’ที่แตกต่าง

ความสมบูรณ์แบบของจอภาพเอ็กซ์พีเรีย 1 มาจากการที่ไม่มีทั้งติ่ง (notch) ไม่มีรูเจาะกลางจอ มีเพียงจอภาพจากขอบหนึ่งถึงอีกขอบหนึ่ง สีที่ให้นั้นจัดจ้าน ดำลึกสมบูรณ์ ความหนาแน่นพิกเซลสูงคมชัด และความสว่างที่เหลือเฟือ ส่งผลให้การทดสอบรับชมภาพยนตร์ทางแอพพลิเคชั่น Netflix ซึ่งสนับสนุน HDR นั้นตระการตาอย่างยิ่ง ถือเป็นสมาร์ตโฟนที่ชมภาพยนตร์ได้สนุกที่สุดเท่าที่เคยพบมา นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถปรับสีได้เองด้วย ส่วนข้อเสียเดียวคือ การรับชมภาพยนตร์ที่ไม่ได้เป็นอัตราส่วนภาพ 21 : 9 ผลคือจะทำให้ภาพยนตร์นั้นลอยอยู่กลางจอ

สเป๊กเครื่องของเอ็กซ์พีเรีย 1 นั้น สมศักดิ์ศรีเรือธง เพราะใช้ขุมพลังจากชิพประมวลผล (SoC) Qualcomm Snapdragon 855 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรมการผลิตขนาด 7 นาโนเมตร (nm) ภายในประกอบด้วยหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) แบบ 8 หัว (Octa-core) แบ่งความเร็วสัญญาณนาฬิกาออกเป็น 4 แบบ ได้แก่ คอร์หลัก 2.84 กิกะเฮิร์ตซ์ (GHz) อีก 3 คอร์ 2.42 GHz และที่เหลือ 4 คอร์อยู่ที่ 1.8 GHz หน่วยประมวลผลกราฟฟิก (GPU) รุ่น Adreno 640 หน่วยความจำแรมขนาด 6 กิกะไบต์ (GB) พื้นที่เก็บข้อมูลภายในสูงสุด 128 GB

โซนี่ เอ็กซ์พีเรีย 1 แบบฉบับ‘เรือธง’ที่แตกต่าง

การทดสอบใช้งานพบว่า เอ็กซ์พีเรีย 1 ทำงานได้อย่างลื่นไหล และไม่พบปัญหาใดๆ เนื่องมาจากพลังประมวลผลระดับเรือธงที่เหลือเฟือ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป การใช้งานแอพฯ หลายอัน ไปจนถึงการเล่นเกมที่กินกราฟิกสูงๆ อย่าง Fortnite นอกจากนี้ โซนี่ยังมีโหมด Game Enhancer แถมมาให้ด้วย โดยโหมดนี้จะสกัดกั้นการเตือนต่างๆ ขณะเล่นเกม ซึ่งเป็นฟีเจอร์คล้ายกันกับ OnePlus 7 Pro และ Asus ROG Phone เช่นเดียวกันผลการทดสอบเบนช์มาร์ก สรุปได้คำเดียวว่า สเป๊กเหลือกินไม่ต้องกังวลว่าจะรองรับแอพฯ ได้ไม่ดี

สิ่งที่น่าแปลกใจที่สุดของ เอ็กซ์พีเรีย 1 เป็นแบตเตอรี่ลิเทียม-โพลิเมอร์ ขนาดเพียงแค่ 3,330 มิลลิแอมป์ชั่วโมง (mAh) เพราะหากพิจารณาจากสเป๊กที่แรงมาก และหน้าจอ OLED ที่มีความละเอียดสูงถึง 4K น่าจะค่อนข้างกินไฟมากทีเดียว ขณะที่เรือธงส่วนใหญ่ในปัจจุบันนั้นมีหน้าจอที่ต่ำกว่า 4K แต่มีแบตฯ ไม่น้อยกว่า 3,500 mAh บางรุ่นมากกว่า 4,000 mAh ไปแล้ว

นอกจากนี้ เอ็กซ์พีเรีย 1 ยังถูกตัดฟังก์ชัน Wireless-charging ออกไปด้วย ซึ่งผู้ทดสอบมองว่า ผิดพลาดมหันต์ เพราะฟังก์ชัน ดังกล่าวถือเป็นมาตรฐานไปแล้วสำหรับสมาร์ตโฟนระดับเรือธงในปีพ.ศ.นี้

แน่นอนว่าการทดสอบใช้งานได้ผลลัพธ์ออกมาตามคาดการใช้งานทั่วไปอยู่ได้ราว 12 ชั่วโมงเท่านั้น เทียบกับเรือธงรุ่นอื่นๆ ที่ไม่น้อยกว่า 14 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ทางโซนี่มี Stamina Mode มาให้เพื่อยืดเวลาการใช้งานออกไปด้วยการอนุญาตให้ผู้ใช้ปรับแต่งค่าการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ พร้อมฟังก์ชัน rapid charging ที่ทำให้ชาร์จไฟได้รวดเร็ว (ด้วยชาร์จเจอร์ที่แถมมา)

โซนี่ เอ็กซ์พีเรีย 1 แบบฉบับ‘เรือธง’ที่แตกต่าง

มาดูเรื่องกล้องถ่ายภาพกันบ้าง เอ็กซ์พีเรีย 1 มีกล้องทั้งหมด 4 ตัว ได้แก่ 3 เลนส์ที่ด้านหลัง ประกอบด้วย เลนส์ wide ขนาดรูรับแสง f/1.6 เลนส์ telephoto ขนาดรูรับแสง f/2.4 และเลนส์ super-wide ขนาดรูรับแสง f/2.4 ทั้งหมดมีฟีเจอร์ต่อต้านแรงสั่นสะเทือน (OIS) และมีความละเอียดเท่ากันที่ 12 ล้านพิกเซล (MP) ขณะที่กล้องเซลฟี่ที่ด้านหน้านั้นมีความละเอียด 8MP ขนาดรูรับแสง f/2.0 โดยเครื่องรุ่นนี้สามารถถ่ายคลิปได้ความละเอียดสูงสุด 4K ในอัตราเฟรม 24 หรือ 30 เฟรมต่อวินาที บนระบบภาพ HDR (2160p@24/30fps HDR)

โซนี่ เอ็กซ์พีเรีย 1 แบบฉบับ‘เรือธง’ที่แตกต่าง

แอพฯ ถ่ายภาพของเอ็กซ์พีเรีย 1 นั้นตอบสนองรวดเร็วทันใจเช่นเดียวกันกับเอ็กซ์พีเรียรุ่นก่อนๆ ซึ่งถือเป็นความน่าประทับใจของกล้องมือถือจากโซนี่ ไม่ว่าจะใช้นิ้วจิ้มเปิดจากภาพ หรือใช้ปุ่มที่ให้มาที่ขอบเครื่องก็ตาม โดยการถ่ายภาพปกตินั้นจะเป็น auto mode ที่ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ช่วยรีทัชภาพให้เหมาะสมกับสิ่งที่ถ่าย ผู้ใช้เปิดปิดระบบนี้ได้ตามต้องการ

ส่วนโหมดอื่นๆ เช่น portrait selfie, Google Lens, slow motion, AR effect, manual, creative effect, และ panorama นั้นยังมีมาให้ครบถ้วน แต่น่าเสียดายที่ไม่มี time-lapse ขณะที่เลนส์หลัง 3 เลนส์นั้นทำให้ผู้ใช้เลือกถ่ายภาพได้ 3 แบบ ได้แก่ ภาพมุมกว้าง ภาพปกติ และภาพซูม โดยคุณภาพที่ออกมานั้นพบว่าอยู่ในเกณฑ์ดี มีความคมชัดสูง แต่ยังมีปัญหาเรื่อง Exposure ที่ไม่เหมาะสมในตำแหน่งต่างๆ ของภาพหลายจุด เช่น บางจุดสว่างจ้าเกินไป บางจุดก็มืดเกินไป ขณะที่สีสันที่ออกมานั้นค่อนข้างชืด หากเทียบกับกล้องของเรือธงอย่าง กาแล็กซี เอส 10 พลัส จากค่ายซัมซุงที่ให้สีสันฉูดฉาดกว่ามาก

แต่ที่น่าแปลกใจที่สุดเห็นจะเป็นการที่โซนี่ไม่ได้แถม low-light mode มาให้ ทำให้ภาพถ่ายในที่แสงน้อยมีคุณภาพออกมาไม่ดีเท่าที่ควร เป็นความผิดพลาดอีกหนึ่งด้าน

ด้านอื่นๆ อย่างคุณภาพเสียงจากลำโพงนั้นอยู่ในเกณฑ์ดีมาก มีระบบ Dolby Atmos ลำโพงแบบสเตอริโอ และสนับสนุน Bluetooth 5

ส่วนซอฟต์แวร์นั้นรันด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 9.0 พร้อมฟีเจอร์ซอฟต์แวร์ที่โดดเด่นอย่าง Side Sense สามารถลากแอพฯ ออกมาเลือกได้จากขอบข้างจอ(คล้าย Edge Screen ของซัมซุง)

เอ็กซ์พีเรีย 1 สนนราคาที่ 28,900 บาท ถือเป็นเรือธงที่ราคาแพง และเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง ซัมซุง กาแล็กซี เอส 10 พลัส และกูเกิ้ล พิกเซล 3 เอ็กซ์แอลแล้ว สมาร์ตโฟนรุ่นนี้ของโซนี่ถือว่าค่อนข้างมีความแตกต่างและมีเอกลักษณ์

เหมาะอย่างยิ่งกับเหล่าสาวกเรือธงโซนี่ และผู้ที่ต้องการความแตกต่างในตลาดเรือธงปัจจุบัน

จันท์เกษม รุณภัย


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน