คงต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่าเรื่องของเป้าหมายแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน(Sustainable Development Goals-SDGs)จำนวน 17 เป้าหมาย และเป้าประสงค์ร่วม 169 เป้าประสงค์ ทั้งยังมีตัวชี้วัดอีก 241 ตัว อันจะเป็นทิศทางของการพัฒนาโลกบนกรอบระยะเวลา 15 ปี คือนับตั้งแต่ปีค.ศ.2016-2030 อาจเป็นเรื่องใหม่สำหรับบางคน หรือบางองค์กร เพราะเรี่องของ SDGs ไม่เพียงจะเป็นการสานต่อภารกิจการทำงานที่ยังไม่บรรลุผลตาม Millennium Development Goals-MDGs)ในการมุ่งขจัดความยากจนทุกมิติ และทุกรูปแบบ หากยังเน้นถึงการสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมด้วย

แต่การจะขับเคลื่อน SDGs ให้บรรลุเป้าประสงค์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความรับรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ SDGs ให้กับประชาชนทุกระดับเข้าใจอย่างถ่องแท้เสียก่อน ทั้งยังต้องสร้างการมีส่วนร่วม และการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือ อันถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญ เพราะเกี่ยวเนื่องกับ 1 ใน 17 เป้าหมายแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน

ผลเช่นนี้ จึงทำให้”มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ”และ”หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ”จึงมองเห็นความสำคัญของ SDGs ไปในแนวทางเดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องการขยายองค์ความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับบริบทของความเหลื่อมล้ำในมิติต่างๆของประเทศไทย

ที่สุดจึงจัดสัมมนาเพื่อสังคมแห่งปีขึ้นในหัวข้อ”SDGs ก้าวใหม่ธุรกิจไทย จากทุนหมู่บ้านถึงกระดานหุ้นโลก”

ที่ไม่เพียงจะมี”ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล”ประธานกรรมการสถาบันส่งเสริม และพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ มาปาฐกถาพิเศษเรื่อง”จากศาสตร์พระราชาสู่ SDGs พัฒนาไทยยั่งยืน”

ทั้งนั้นเพราะ”ม.ร.ว.ดิศนัดดา”มองว่าการจะขับเคลื่อน SDGs ให้ได้ผลสัมฤทธิ์ ปัจจัยสำคัญคือฮาวทู ที่ต้องมาคิดต่อว่าหลายคนมีความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาชน และชุมชน

“ต่อจากนั้นต้องมองว่าเมื่อมีความเข้าใจแล้ว จะทำอย่างไรต่อไป และจะนำไปบูรณาการอย่างไร เพราะเรื่องนี้มีความสำคัญมาก ภาษาผมคือกัดไม่ปล่อย หรือการทำอย่างต่อเนื่อง และต้องพร้อมสร้างความเข้าใจอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่สร้างความเข้าใจแล้วจบ แต่ต้องทำอย่างจริงจัง เพราะ SDGs ถือเป็นเรื่องใหม่ที่ต่อเนื่องมาจาก MDGs ผมจึงมองว่าเรื่องนี้เป็นการตั้งต้นที่ดีมากๆในศตวรรษที่ 21”

“แต่สำหรับประเทศไทย การจะร้อยเรียงมิติของ SDGs ก้าวใหม่ธุรกิจไทย จากทุนหมู่บ้านถึงกระดานหุ้นโลก ถือว่าเป็นเรื่องง่ายมาก เพราะพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงงานให้เห็นเป็นตัวอย่างมาตลอด 70 ปี พระองค์เสด็จลงไปพบชาวบ้าน นั่งกับพื้นรับฟังปัญหาจากชาวบ้านจริงๆ ตรงนี้เป็น bottom up จากล่างขึ้นบน ซึ่งแตกต่างจากคนทั่วโลกที่มักจะทำจากบนลงล่าง”

“พระองค์อยากฟังชาวบ้านว่าต้องการอะไร ซึ่งเป็นการเกาถูกที่คัน ทั้งยังถือเป็นการตรวจสอบปัญหา และความต้องการของชุมชนโดยตรง เมื่อทราบปัญหาแล้ว พระองค์ทรงลงมือศึกษาค้นคว้าทดลอง เพื่อนำสิ่งที่ค้นพบกลับคืนไปสู่ประชาชนอีกครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับปัญหา และความต้องการของประชาชนจริงๆ”

ถัดจากนั้น จะเป็นการสัมมนาพิเศษในหัวข้อ”SDGs จากแนวคิดสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยอย่างยั่งยืน”ที่มี”ศุภชัย เจียรวนนท์”ประธานคณะผู้บริหารเครือเจิญโภคภัณฑ์ และประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)ทั้งยังเป็นประธานคณะกรรมการเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กประเทศไทย มาร่วมแสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้ด้วย

โดยมี”ดร.กฤษฎา เสกตระกูล”รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)มาร่วมแสดงความคิดเห็นในมุมมองที่แตกต่าง หรืออาจสอดรับในประเด็นเดียวกัน ที่ไม่เพียงจะเห็นแนวคิด วิธีคิดในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยในมิติของนานาประเทศ
หากยังทำให้เห็นอีกด้วยว่าถ้าเราจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในมิติต่างๆตาม 17 เป้าหมายของ SDGs จริงๆ องค์กรต่างๆในบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะต้องมีวิธีช่วยเหลือสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง

ส่วนภาคบ่ายจะมีปาฐกถาพิเศษเรื่อง”SDGs สะพานเชื่อม ลดเหลื่อมล้ำประเทศไทย”โดย”ดร.ปรเมธี วิมลศิริ”ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์จะมาฉายตัวเลข พร้อมกับบอกกล่าวข้อมูลให้ได้เห็นภาพจริงในปัจจุบันว่าภาครัฐต่างให้ความสำคัญกับ 17 เป้าหมายของ SDGs อย่างไร

ยิ่งเฉพาะเรื่องการขจัดความยากจนในทุกรูปแบบ,การสร้างหลักประกันให้การศึกษามีคุณภาพอย่างเท่าเทียม ครอบคลุม และส่งเสริมโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมไปถึงเรื่องการอนุรักษ์ และใช้มหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลอื่นๆอย่างยั่งยืน และอื่นๆอีกมากมาย

ซึ่งล้วนเป็นข้อมูลที่สืบเนื่องจากภาคเช้าที่จะทำให้ผู้ร่วมสัมมนาเห็นภาพจริงอย่างต่อเนื่อง

เพราะต่อจากนั้น ยังมีสัมมนาพิเศษอีกหนึ่งหัวข้อคือ”ค้นหาคำตอบ…อนาคตประเทศไทย”ที่ไม่เพียงจะมี”สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย”ประธานกรรมการบริหารเทสโก้ โลตัสมาร่วมพูดคุยถึงนโยบาย Little Help Plan ของเทสโก้ โลตัสที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน(SDGs)โดยเฉพาะในเป้าหมายที่ 1 เรื่องการขจัดความยากจน

ทั้งนั้นเพราะเทสโก้ โลตัสมีโครงการรับซื้อผลิตผลทางการเกษตรโดยตรงจากเกษตรกร โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ที่ไม่เพียงเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ หากยังทำให้พวกเขามีรายได้มั่นคงด้วย

อีกตัวอย่างหนึ่งคือการสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอี ด้วยการเปิดช่องทางการจำหน่ายสินค้า และร่วมงานกันในการผลิตสินค้าแบรนด์เทสโก้ โลตัส รวมไปถึงการให้ความรู้เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอียกระดับมาตราฐานการผลิตสินค้า และคุณภาพให้เท่าเทียมกับระดับสากล

ที่สำคัญคือแผนการบริโภค และการผลิตที่ยั่งยืนของ SDGs เนื่องจากเทสโก้ โลตัสจำหน่ายสินค้าประเภทอาหาร โดยเฉพาะอาหารสดมีปริมาณมากในแต่ละวัน จึงทำให้เกิดอาหารเหลือทิ้ง ทางเทสโก้ โลตัสจึงประกาศเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำลดการทิ้งอาหารที่ยังรับประทานได้

จนปัจจุบัน เทสโก้ โลตัสมีร้านค้ารูปแบบไฮเปอร์ มาร์เก็ตทั้งหมด 40 สาขา ด้วยการทำหน้าที่บริจาคอาหารที่จำหน่ายไม่หมด แต่มีคุณภาพให้กับมูลนิธิต่างๆ รวมถึงผู้ยากไร้ ภายใต้โครงการกินได้ ไม่ทิ้งกัน โดยเริ่มต้นจากไฮเปอร์มาเก็ต 23 สาขาในกรุงเทพ และปริมณฑล ก่อนที่จะขยายสาขาไปทั่วประเทศต่อไปในอนาคต

นอกจากนั้น ในช่วงสัมมนาเวลาเดียวกัน ยังมี”สมศักดิ์ บุญคำ”ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Local Alike จะมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองในเรื่องนี้ด้วย โดยเฉพาะเรื่องการนำการท่องเที่ยวมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนผ่านกองทุนการท่องเที่ยวโดยชุมชน

จนทำให้ชาวบ้านมีทักษะความรู้ และมีศักยภาพในการบริหารชุมชนอย่างยั่งยืน ที่สำคัญ ยังทำให้เกิดการกระจายรายได้ภายในชุมชนเพิ่มขึ้น ทั้งยังทำให้เกิดจิตสำนึกที่ดีทางด้านอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่งด้วย

ขณะที่มุมมองอีกคนบนเวทีเดียวกันคือ”รังสฤษฎ์ คุณชัยมัง”ผู้อำนวยการมูลนิธิพัฒนาชุมชนผาปัง
อ.แม่พริก จ.ลำปาง ซึ่งแม้หมู่บ้านผาปังจะเป็น หมู่บ้านเล็กๆ มีอยู่เพียง 5 หมู่บ้าน 462 ครัวเรือน และมีประชากรเพียง 1,098 คน

ที่สำคัญ หมู่บ้านผาปังยังประสบปัญหาภัยแล้ง ขาดแคลนที่ดินทำกิน เพราะที่ดินบางส่วนอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ขณะเดียวกัน ประชากรอีกบางส่วนยังย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น จึงทำให้ไม่สามารถจัดตั้งเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลผาปังได้

แต่กระนั้น ชาวบ้านในชุมชนผาปังกลับมองเรื่องการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ และการศึกษานี่เองที่ทำให้คนรุ่นใหม่เริ่มกลับมา แม้จะอายุใกล้วัยเกษียณหรือเกษียนณอายุแล้วก็ตาม แต่ทุกคนคือผลผลิตจากการศึกษา พวกเขาจึงมารวมตัวกันเพื่อฟื้นฟูชุมชนของตัวเอง

ด้วยการจัดการเรื่องปัญหาภัยแล้ง ต่อจากนั้นจึงมองหา”นางเอก”ของหมู่บ้านคือ”ไผ่”ด้วยการนำมาพัฒนา ต่อยอด และแปรรูป จนทำให้เกิดถ่านที่มีประสิทธิภาพสูงในรูปแบบต่างๆ เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆมากมาย จนทำให้คุณภาพชีวิตของพวกเขาดีขึ้นจนถึงทุกวันนี้

แต่จะเป็นอย่างไรในรายละเอียดต้องลองไปฟัง”รังสฤษฎ์”อธิบายในงานสัมมนา แล้วทุกคนจะทราบด้วยตัวเองว่า”จากทุนหมู่บ้าน ถึงกระดานหุ้นโลก”เป็นอย่างไร

โดยงานสัมมนาครั้งนี้ จะมีขึ้นในวันพุธที่ 1 สิงหาคม 2561 ระหว่างเวลา 08.30 – 15.30 น. ณ ห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ผู้ใดสนใจเข้าร่วมสัมมนาลงทะเบียนฟังฟรีได้ที่ www.prachachat.net

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน