เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 8 พ.ค. ที่ หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย สถานที่จัดงานแถลงข่าวการแสดงลิเกธรรมะประวัติเรื่อง “อชาตศัตรู” เอ-ไชยา มิตรชัย หรือ นายเสมา สมบูรณ์ พระเอกลิเกชื่อดัง อายุ 43 ปี พร้อมด้วย แป้ง-พรภัสร์นก มิตรชัย ลูกสาว วัย 24 ปี เปิดใจต่อหน้าสื่อมวลครั้งแรก หลังพระเอกลิเกชื่อดังออกมายอมรับว่ามีครอบครัวแล้ว ประกอบด้วย น.ส.พจนา หรือ แดง หรือ หนูนา น้อยวัฒน์ ภรรยา อายุ 44 ปี น.ส.พรภัสร์ชนก หรือ แป้ง มิตรชัย ลูกสาวคนโต อายุ 24 ปี และ ชุติพันธ์ หรือ แชมป์ มิตรชัย ลูกชายคนเล็ก อายุ 22 ปี

โดย ‘เอ-ไชยา’ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ตนกับน้องแป้งได้มาพูดพร้อมกันต่อหน้ากับพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชน อย่างแรกคือต้องขอบคุณหลายๆ คนที่ให้ความสนใจกับครอบครัวของมิตรชัย ก่อนหน้านี้ตนเคยเขียนลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวแล้วว่าไม่มีอะไรจะต้องปิดและไม่มีอะไรจะต้องเปิด เพียงแต่ว่ารอให้ถึงเวลาก่อนและพร้อมกันทั้งหมดก็จะออกมาพูดทีเดียว ตนจึงได้ขอเวลาเป็นวันที่ 8 พ.ค. ไม่ได้ตั้งใจที่จะถ่วงเวลาแต่มันเป็นเพราะอาชีพการงานจริงๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่าน้องแป้งเป็นลูกโดยสายเลือดเลยใช่ไหม เอ-ไชยาตอบว่า “สายเลือดแท้ๆ มรดกตกทอดเลยครับ เรื่องราวความรักของตนกับภรรยาก็เกิดขึ้นมาเท่าอายุของน้องแป้งคือประมาณ 23-24 ปี ทุกอย่างก็เป็นอย่างที่ภรรยาเคยออกมาให้สัมภาษณ์ ไม่มีอะไรหวือหวา ที่ผ่านมาไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดเพราะถ้าใครตามเฟซบุ๊กของตนจะเห็นว่าตนกับน้องแป้งก็ไปทำบุญกันปกติ แต่ไม่นึกว่ากระแสที่จะให้ความสนใจมากขนาดนี้”

 

ต่อข้อถามถึงจุดเริ่มต้นที่เจอกับภรรยา พระเอกลิเกชื่อดังกล่าวว่า คุณพ่อคุณแม่ของตนและของภรรยาสนิทกันเลยไม่มีอะไรหวือหวา แต่ตนอยากให้โฟกัสเรื่องลูกมากกว่า ในส่วนภรรยาและลูกชายคือน้องแชมป์ค่อนข้างจะมีความเป็นส่วนตัวนิดนึงและกลัวการมีข่าว ทุกวันนี้น้องแชมป์เปลี่ยนชื่อในเฟซบุ๊กหมดเลยเพราะเขาตกใจมาก แต่ตนก็บอกให้ลูกทำตัวตามปกติ

“จริงๆ น้องแป้งก็ตกใจ วันแรกที่ผมเขียนลงในเฟซบุ๊ก เขาเฟซไทม์มาหาเพราะตอนนั้นของเรียนอยู่ เขาดีใจน้ำตาไหล ผมก็บอกลูกว่าไม่ต้องร้อง แต่ว่าตัวเขาดีใจมากที่สุดในชีวิต เท่านั้นยังไม่พอวันที่ผมจะไปส่งลูกที่หอ เขาก็ฟุบหน้ามาที่ผมเลยและกอด ตอนแรกนึกว่าเขาแกล้งแต่คือเขาร้องไห้ด้วยความดีใจ” พระเอกลิเกคนดังกล่าว ก่อนจะหันไปเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มให้กับลูกสาว

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงความรู้สึกของน้องแป้งที่ทุกคนรู้แล้วว่าเป็นลูกของ ‘เอ-ไชยา’ น้องแป้งกล่าวว่า ดีใจมากเลยค่ะเพราะช่วงที่มีข่าวตนไม่ได้คุยกับพ่อเลย และพ่อก็ไม่ได้บอกว่าจะเปิดเรื่องนี้ หลังจากนั้นก็ทราบเพราะว่าเพื่อนๆ โทร.มาถามเต็มไปหมด จากนั้นก็รีบเฟซไทม์หาพ่อและเป็นอย่างที่เห็นคือร้องไห้ ดีใจที่จะไม่ต้องเรียกเพราะว่าพี่แล้ว

 

ด้าน ‘เอ-ไชยา’ กล่าวแทรกขึ้นว่า น้องแป้งไม่ได้อึดอัดเพราะจริงๆ แล้วตอนอยู่ที่บ้านก็เรียกตนว่าพ่อ แต่ด้วยเนื้อที่การงานของตนในบางครั้งถ้าเกิดว่ายังไม่พร้อมก็ต้องทำงานของเราไปก่อน อย่างที่เห็นกันว่าตนเลี้ยงลูกน้องเยอะเพราะทำหลายอาชีพ ไม่ได้เป็นแต่แค่ลิเก ในส่วนของลิเก เพื่อนๆ ในโรงลิเกก็รู้แต่ไม่มีใครมาถามหรือสงสัยว่าใช่หรือไม่ใช่ แต่ในบางครั้งถ้าไปตามสถานที่ต่างๆ ตนก็จะบอกให้ลูกเรียกว่าพี่เพราะว่าตนเองจะได้ไม่ดูแก่ จริงๆ เจ้าภาพที่หาลิเกให้ตนเป็นประจำก็รู้ว่าน้องแป้งคือลูก

“เหตุผลหลักที่ไม่ได้พูดเรื่องครอบครัวเป็นเพราะเรื่องงาน รวมถึงความพร้อมของครอบครัวขนาดน้องแชมป์ยังตกใจอยู่เลย ตัวเขาเป็นคนที่พูดไม่เก่ง แต่ก็พูดกับผมว่าเขาดีใจที่มาเที่ยวชายทะเลกับพ่อและได้เรียกพ่อแล้ว เพียงแต่ว่าเขาไม่ชิน ผมเลยมีความรู้สึกแป๊บเข้ามาที่หัวใจเหมือนกัน แต่ในครอบครัวขอบอกไว้เลยว่าผมเลี้ยงลูกไม่เคยให้ลูกขาดความอบอุ่นเลย ลูกจะเข้าใจ เพราะสอนกันอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา อย่างตัวภรรยาของผมก็เหมือนกัน เขาจะบอกลูกเสมอว่าพ่อไม่อยู่นะลูก พ่อไปทำงานนะ รักพ่อนะ พ่อเหนื่อย วันนึงที่ตอนนั้นน้องแป้งยังเตาะแตะๆ อยู่ ผมเล่นละครเรื่องนายฮ้อยทมิฬ เขาโทร.มาตอนพักกองพอดีบอกว่า “พ่อจ๋าอย่าเพิ่งวางสายนะจ๊ะ พ่อฟังหนูร้องเพลงก่อนนะ” แล้วเขาก็ร้อง เชื่อไหมครับว่าผมฟังลูกร้องเพลงจนจบแล้วชื่นใจมากๆ” ไชยากล่าวทั้งน้ำตาคลอ

 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าน้องแป้งโล่งใจมากแค่ไหนที่วันนี้คุณพ่อได้เปิดตัวเราแล้ว ทายาทลิเกดังกล่าวว่า โล่งใจมากขึ้นค่ะ ตนตื่นเต้นและทำอะไรไม่ถูก ตั้งตัวไม่ทัน และไม่คิดว่าพี่ๆ สื่อมวลชนจะให้ความสนใจขนาดนี้ด้วย อย่างเพื่อนๆ ของตนก็ไม่มีใครรู้เหมือนกัน ทุกวันนี้ยังถามว่าจริงเหรอ เพราะตนไม่เคยบอกใครและก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเลย


ด้าน ‘เอ-ไชยา’ กล่าวเสริมว่า มีช่วงหนึ่งตอนน้องแป้งเด็กๆ ช่วงนั้นยังไม่รู้ว่ากระแสทิศทางของตัวเองจะเป็นยังไง เพราะตั้งแต่น้องแป้งเกิดมา ตนมีงานลิเกทั้งวันทั้งคืนทำให้ไม่ค่อยได้อยู่กับลูก บางทีกลับถึงบ้านตีสามตีสี่ก็จะปลุกลูกบอกว่า “พ่อกลับมาแล้วนะลูก” แต่พอน้องแชมป์เกิดมาช่วงนั้นจะห่างกันหนักมาก เพราะเพลงกระทงหลงทางดังพอดี แถมยังมีข่าวนู่นนี่นั่น ตนต้องออกไปทำงานทุกวันจึงฝากให้ภรรยาบอกกับลูกไว้ว่าตนทำงานแบบนี้ ยังเต้นกินรำกินอยู่ โดยไม่รู้อาชีพจะยั่งยืนไหม ขอให้ตนทำงานไปสักระยะหนึ่ง ซึ่วในครอบครัวเข้าใจกันหมด ตนจึงบอกกับลูกว่า “ถ้าคุณครูถามพ่อชื่ออะไร ให้บอกไปว่า เสมา สมบูรณ์ นะลูก” นั่นคือชื่อจริงของตนในทะเบียนบ้าน

 

ทั้งนี้ น้องแป้งกล่าวต่อว่า ตอนนั้นจำได้ว่าอยู่อนุบาล 3 ช่วงนอนกลางวัน แต่ตนนอนไม่หลับและเห็นครูอยู่ในห้องก็เลยลุกขึ้นลากผ้าห่มไปสะกิดครูบอกว่า “ครูคะ อย่าไปบอกใครนะคะ ว่าพ่อหนูเป็นไชยา มิตรชัย” หลังจากนั้นพ่อให้ตนก็ย้ายโรงเรียนเลย

 

ต่อข้อถามว่าที่ผ่านมาอยู่บ้านเดียวกันมาตลอดหรือเปล่า เอ-ไชยา กล่าวว่า อยู่ครับ เพิ่งจะมาแยกกันตอนน้องแป้งเรียนมหาวิทยาลัย พวกเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นช่วงๆ ของระยะเวลา ส่วนภรรยาก็ยังอยู่ด้วยกันปกติและยังไม่ได้เลิกกัน ครอบครัวยังเป็นปกติ ไปทำบุญด้วยกัน ส่วนใหญ่ตนจะชอบพาลูกและภรรยาไปทำบุญที่วัด

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมาภรรยาเป็นคนดูแลคิวงานทั้งหมดให้ใช่ไหม พระเอกลิเกคนดังกล่าวว่า จริงๆ แล้วภรรยาไม่ได้เป็นคนดูคิวมาตั้งแต่แรก เพิ่งจะมาดูเมื่อ 3-4 ปีหลัง เพราะคิวเป็นคิวรายการทีวีที่ลงตัวแล้วเลยให้ช่วยกันดู แต่ถ้าเป็นคิวลิเกที่เป็นงานหลักๆ ก็จะให้ผู้จัดการดูเหมือนเดิม

 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าตอนนั้นที่ยังไม่พร้อมเปิดเพราะกลัวแม่ยกไม่เข้าใจด้วยหรือเปล่า เอ-ไชยา กล่าวว่า ตนเคยได้ยินมาว่า “พระเอกมีลูกมีเมียแล้วอย่าไปหาเลย” ซึ่งอันนั้นไม่ใช่ลิเกคณะตนนะครับ แต่ได้ยินมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย ลิเกสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือพ่อยกแม่ยก น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า แต่ต้องขอขยายความด้วยว่าแม่ยกคือผู้มีอุปการะคุณกับพวกเรา เพราะฉะนั้นพ่อตนจะไม่ให้เรียกแม่ยก แต่จะให้เรียกพ่อคุณหรือแม่คุณ และจะทราบกันเลยว่าตั้งแต่ตนเป็นไชยา มิตรชัย ไม่เคยมีข่าวเสียกับแม่ยกเลย ตนถึงได้มีวันนี้และอยู่เป็นครอบครัวอย่างมีความสุข แต่ที่ไม่เปิดช่วงเล่นลิเกเพราะตนยังไม่ได้เป็นนักร้องดัง ยังไม่รู้ว่าค่ายเพลงจะรับได้ไหม ซึ่งกับครอบครัวเราอยู่แบบนี้กันได้ อยู่ด้วยความรักและความเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นที่ตนไม่ได้พูดไปเพราะเพื่อนอีกหลายร้อยชีวิตที่ยังต้องอาศัยป้าย ไชยา มิตรชัย ของตนอยู่ เขาจะกินอยู่กันยังไง ถ้าเกิดเปิดตู้มอาจจะแฮปปี้ ฉันมีลูกมีเมีย ฉันหากินได้ เพราะอย่างน้อยๆ ตนมีกระทงหลงทางมารองรับแล้วสามารถร้องเพลงได้ แต่ถ้าลิเกคุณคิดไหมครับว่าเพื่อนๆ ตน เขาก็มีครอบครัวต้องเลี้ยง ตนเลยไม่ขอเลือกความสุขส่วนตัว จึงขอเลือกแบบนี้เพราะอยู่กันได้ พ่อลูกเข้าใจกันแล้ว ไม่มีปัญหา

 

ต่อข้อถามว่าหลังจากเกิดข่าวนี้ขึ้นมา พ่อยกแม่ยกรับได้ไหม พระเอกลิเกคนเดิมกล่าวว่า เอาจริงๆ ตนเคยออกรายการทีวีและเคยพูดว่าถ้าเกิดไชยาจะมีเมียรับกันได้ไหม ซึ่งตอนหลังๆ แฮปปี้กันแล้วไม่มีอะไร รับได้แล้ว ด้วยอายุ ด้วยวัย ตนถึงบอกไงว่าอยากให้พร้อมก่อน เมื่อพร้อมแล้วก็อยากจะบอกกับทุกๆ คนที่อยากจะรู้ โดยไม่มีอะไรปิดบัง

 

“ถามว่าผมมั่นใจแค่ไหนในตอนนี้ว่าแม่ยกยังคงให้การสนับสนุนต่อไป ผมมั่นใจเพราะหลายคนที่ใกล้ชิดและดูผมมาจะรู้มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ด้วยความรักบางคนช่วยปกป้อง อย่าใช้คำว่าช่วยปิดเลยครับ ช่วยปกป้องจะงามกว่า คนแถวบ้านก็จะเห็นเวลาที่ผมพาลูกไปทำบุญ แต่เขาก็จะบอกกันว่าอย่าไปยุ่งเลย ซึ่งทุกอย่างก็เป็นปกติครับ” พระเอกลิเกชื่อดังกล่าว

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าอยากจะพูดอะไรกับคนบางกลุ่มที่บอกว่า ‘เอ-ไชยา’ หลอกพวกเขามา 20 กว่าปี พระเอกลิเกชื่อดังกล่าวว่า อย่าได้คิดอย่างนั้น ตนอยากให้มองในมุมกลับกันว่า ขอความเมตตาให้กับเด็กสองคนนี้และครอบครัวเล็กๆ อีกสักครอบครัวหนึ่งแล้วกัน เพราะว่า ไชยา มิตรชัย ไปปรากฏตัวที่ไหนไม่ได้ไปสร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้กับใคร ไม่ได้ไปสร้างอะไรให้ใครต้องน้ำตาตก แม่ยกที่มาทุกคน อย่างคนที่มอบรถทัวร์ให้ตนมา ท่านทราบว่าตนมีครอบครัวแล้วแต่ที่เขาให้เพราะเห็นว่าตนทำงานมาแต่เด็ก ไม่ได้ให้เพราะตัวไชยา แล้วตนยังต้องเลี้ยงดูลูกน้อง อำนวยความสะดวกให้ลูกน้อง ตนจะไม่มีข่าวเสียกับแม่ยกในเรื่องชู้สาวเลย แล้วตนจะไปหลอกใครเพื่ออะไร ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรเหมือนกัน หลายคนเอาเงินมาให้หลังเวที เขาให้เพราะตนเลี้ยงลูกน้อง เขาให้รับเพราะที่เขาให้เขาไม่ได้ลำบาก แต่ตนยังต้องเลี้ยงลูกน้องเลี้ยงครอบครัว ตนก็บอกพี่จ๋าถ้าจะให้ก็ให้หน้าเวทีได้ไหม มันจะได้เป็นกำลังใจที่ตนได้ทำงานตรงนั้น หลายคนจะได้เป็นสักขีพยานด้วยว่าตนหากินด้วยหยาดเหงื่อและความสามารถด้านหน้าเวที เขาก็นำมาติดให้หน้าเวที

 

“ผมจะพูดเสมอว่าแม่มาดูผมหน้าเวทีไม่ต้องคล้องเงินผมทุกคืน ผมไม่ได้ดูถูกเงินนะ แต่ผมก็ยังต้องหากินเลี้ยงอีกหลายปากท้อง แล้วถ้าแม่มาดูผมทุกคืน 365 วัน ติดพวงมาลัยผมทุกคืน ผมละอายใจที่จะรับครับ แม้จะเป็นเงินที่ผมได้มาอย่างสุจริตก็ตามแต่ผมละอาย ผมก็จะพูดชัดเจนเลยหน้าเวทีว่าไม่ต้องให้ผม ตรงนี้แหละครับที่ทำให้คนรัก ไชยา มิตรชัย เราไม่ได้หวังแต่ได้อย่างเดียว เราพูดด้วยความจริงใจ” พระเอกลิเกคนดังกล่าว

 

สื่อข่าวถามว่าทำไมถึงเลือกช่วงจังหวะเวลานี้เปิดตัวว่ามีครอบครัว เอ-ไชยา ตอบว่า ตนไม่ได้เปิดและไม่ได้ปิด มีสื่อมวลชนท่านนึงเข้าไปในวันที่ตนถ่ายรายการ แล้วเล่าให้ฟังว่าตนไปมีเรื่องมีราวกับใครหรือเปล่า มีผู้หญิงโทร.มาให้ข้อมูลกับเขาว่าตนมีลูกมีเมียแล้วและให้ข้อมูลมาละเอียดเลย ตนก็ตกใจและบอกว่าเดี๋ยวรอให้พร้อมก่อน ที่รอให้พร้อมเพราะหลังจากคุยกับเขาตนก็โทร.หาพ่อทันที พอดีว่าพ่อเข้าโรงพยาบาลไม่พร้อมจะคุย ถ้าไปปรึกษาพ่อหรือทำอะไรออกไปก็กลัวพ่อจะเครียด เลยปล่อยไปเรื่อยมา จนมีสื่อโทร.เข้ามาหาผู้จัดการของตนสายแทบไหม้ ทำให้มีการแถลงข่าววันนี้ เพราะคิดว่าเขาคงอยากจะรู้ความจริงแล้ว ก็รู้สึกดีใจ

“ผมกราบขอบพระคุณมากๆ วันนี้ครอบครัวผมมีความสุขที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ มันเหมือนของขวัญที่ดีที่สุดที่พระท่านประทานให้ครอบครัวผม หลังจากที่พระท่านประทานให้ลูกๆ มาเกิดในครอบครัวผมแล้ว เป็นของขวัญสองชิ้นที่สุดแล้วสำหรับผม แล้ววันนี้ความรู้สึกนั้นกลับมาอีกว่าเหมือนผมได้รับของขวัญอีกครั้งนึง ที่ทำให้ลูกๆของผมมีรอยยิ้มได้บนใบหน้า ครอบครัวผมตอนนี้มีความสุขที่สุด” ไชยากล่าว

 

ต่อข้อถามว่าหวงลูกสาวไหม เอ-ไชยา กล่าวว่า หวงมากครับ ยังไม่ให้มีแฟน ต้องเรียนและทำงานก่อน ตนบอกลูกเสมอว่าเรียนให้จบก่อน เมื่อพร้อมแล้วชีวิตของลูกพ่อดูแลได้ตลอดชีวิต คนที่จะเข้ามาในชีวิตของลูกต้องรอให้มันถึงเวลาจริงๆ จะพูดเสมอว่าเห็นพี่แอนไหม พี่แอนยังทำงานได้เลย

 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้วางแผนให้ลูกสาวยังไงบ้าง พระเอกลิเกคนเดิมกล่าวว่า ตนขอฝากลูกกับทุกคนด้วยนะครับ พูดจริงๆ เขาก็อยู่กับความระทมมาพอสมควรแล้ว ขอความเมตตากับทุกคนเหมือนที่ทุกคนเมตตากับตน การที่มีวันนี้จริงๆ มันกลายเป็นผลดีกับครอบครัวตนเพราะหลายๆ คนเมตตากับตนขนาดนี้แล้ว อยากให้ทุกคนเมตตากับลูกๆ ของตนด้วย

“ส่วนเรื่องที่หลายคนสงสัยว่าผมแมนหรือไม่แมน การมีลูกสองคนจะเป็นการการันตีได้เลยไหม อันนี้ผมไม่ได้คิดอะไร แฮปปี้มีความสุขที่สุด การที่มีลูกผมก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไร มีผู้ใหญ่หลายๆ คนบอกว่าเออย่าเปลี่ยนนะ หมายถึงการเล่นหน้าเวที อย่าไปเปลี่ยนบุคลิกเป็นคนเข้มๆ อะไรแบบนี้ ชีวิตผมมีความสุขกับตรงนี้แล้ว มีลูกสาวลูกชายน่ารัก มีครอบครัวอบอุ่น ฉะนั้นแฮปปี้ที่สุดแล้ว” ไชยากล่าว
ต่อข้อถามถึงความรู้สึกที่วันนี้เรียก ‘เอ-ไชยา’ ว่าพ่อได้เต็มปากแล้ว น้องแป้งกล่าวว่า อยากจะบอกว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเสียใจเลยที่มีพ่อเป็น ไชยา มิตรชัย ดีใจด้วยซ้ำเพราะตนไม่เคยรู้สึกขาด ตนจะบอกว่ารักพ่อมาก รักที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน