สมาชิกพันทิปหมายเลข 4918821 แชร์ประสบการของตัวเอง หลังสูบบุหรี่จัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด โดยระบุว่า ตัวเองเป็นคนไม่ค่อยมีระเบียบในการใช้ชีวิต วันนึงนอนแค่ 3-4 ชั่วโมง ก่อนอาหารไม่ตรงเวลา มื้อเช้ากินเที่ยง มื้อเที่ยงกินเย็น มื้อเย็นกินก่อนนอน โดยจะนอนช่วงตี 4-5 ตื่นประมาณ 8-9 โมงเช้า พอตื่นมาก็จะดื่มน้ำอัดลมแก้วใหญ่ สูบบุหรี่ 6-7 มวล เพื่อกระตุ้นตัวเอง แล้วนั่งเช็กโทรศัพท์เกี่ยวกับเรื่องงาน จากนั้นก็ไปอาบน้ำ พ่ออาบน้ำเสร็จก็จะดื่มน้ำอัดสมอีกแก้วใหญ่ สูบบุหรี่อีก 3-4 มวล ก่อนจะออกจากบ้าน

ระหว่างเดินทางก็จะเอาน้ำอัดลมติดไปด้วย จอดที่ไหนก็จะสูบบุหรี่ตลอดไม่งั้นไม่มีแรงเดิน ก่อนกินข้าวมื้อแรกก็สูบ หลังกินข้าวก็สูบ ยิ่งเวลาทำงานถ้าไม่มีน้ำอัดลมและบุหรี่จะคิดอะไรไม่ออก และจะมีติดมืออยู่ตลอดเวลา รวมๆ วันนึงจะสูบบุหรี่ประมาณ 60-70 มวล หรือกว่า 3 ซองต่อวัน เรียกได้ว่ามวลต่อมวล

แล้ววันนั้นก็มาถึงหลังเลิกงานกลับห้องก่อนนอนก็จะนั่งดื่มน้ำอัดลมและสูบบุหรี่ 4-5 มวลตามปกติ แล้วเริ่มมีอาการสั่น ก็คิดว่าเดี๋ยวก็หาย แต่ผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมงก็ยังไม่หาย ใจเริ่มสั่น เหงื่อออกทั้งตัว จึงรีบไปหาหมอ พอหมอถามอะไรก็ฟังไม่รู้เรื่อง มันสั่นไปหมด หายใจไม่ออก พอเช็คความดันก็พบว่าอยู่ที่ 180/130 ซึ่งขึ้นสูงจนหมอตกใจ ผ่านไป 2 ชั่วโมง ก็กลับมาอยู่ที่ 140/110 เช็คคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ปกติ หมอจึงให้กลับบ้าน

หลังกลับมานอนตื่นเช้าสูบบุหรี่ไป 2 มวล ทาการก็กลับมาอีก คราวนี้หนักกว่าเดิม จึงรีบไปโรงพยาบาลและนอนให้น้ำเกลือ 2 ชั่วโมง ก่อนกลับบ้าน แล้วมาสูบบุหรี่แค่ 2 มวล อาการก็กลับมาอีก เช้าวันต่อมาก็รีบขับรถกลับไปขอนแก่นเพื่อไปโรงพยายาลตวรจร่างกายอย่างละเอียด ระหว่างทางแวะเข้าห้องน้ำ จู่ๆ หูก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร ซักพักเสียงก็กลับมาปกติ

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

พอถึงขอนแก่นหมอจับแอดมิท ตรวจอาการเจอเลือดข้นมากถึง 56 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเกิน 55 เปอร์เซ็นต์จะต้องถ่ายเลือด แต่หัวใจของเจ้าตัวอ่อนแอ ไม่มีแรงบีบ จึงไม้สามารถถ่ายเลือดได้ สาเหตุเกิดจากการไม่ดื่มน้ำเปล่า เพราะดื่มน้ำอัดลมติดต่อกันมานาน

หลังรู้สาเหตุก็เริ่มการรักษา โดนงดของทอด หวาน มัน เค็ม อาหารทะเล รวมถึงน้ำอัดลมและบุหรี่ ทำให้เริ่มไม่มีแรง หมอให้ออกกำลังกายวันละครึ่งชั่วโมง เจ้าตัวออกไปแค่ 5 นาทีในตอนเย็น แต่กลับมีอาการเหนื่อยจนถึง 4 ทุ่ม ขาสั่น ใจสั่นไปหมด หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เริ่มปรับตัว คุมอาหาร ออกกำลังกาย จนผ่านไป 1 ปี จนร่างกายเริ่มเข้าสู่ภาวะใกล้จะปกติ สุดท้ายเจ้าตัวบอกว่า โชคดีมากที่ยังมีโอกาสได้ใช้ชีวิตต่อไป พร้อมกับชวนให้หันมาดูแลสุขภาพ

อ่านโพสต์ต้นฉบับได้ที่นี่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน