ของกลางสยอง คดีเมียหั่นศพผัว เฮี้ยนจัด บนโรงพักบางขุนนนท์ หน่วยสวาท 20 นายเจอดี

ของกลางสยอง / วันที่ 20 ธ.ค. ที่ สน.บางขุนนนท์ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ได้ลงพื้นที่ไปยัง ห้องน้ำซึ่ง เป็นที่เก็บกระเป๋าเดินทาง ของกลางคดี ฆ่าหั่นศพเมื่อปี พ.ศ.2555 หลังมีกระแสข่าว ว่ากระเป๋าเดินทางดังกล่าว เป็นกระเป๋าผีสิง เนื่องจาก มีตำรวจที่เข้าเวนดึก ต่างพบเจอประสบการณ์ขนหัวลุก จนบางราย ไม่สามารถอยู่เวรได้ จึงต้องออกมาทำงานข้างนอก โดยคดีดังกล่าวได้สิ้นสุดไปแล้ว และผู้ต้องหาก็ถูกปล่อยตัวแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่มีใครกล้านำกระเป๋าไปทำลาย

เมื่อผู้สื่อข่าวขึ้นไปยัง ชั้น 4 ซึ่ง เป็นห้องกว้าง โล่ง ไม่มีคนอยู่ คล้ายกับห้องร้าง มีฝุ่นเกาะทั่วห้อง โดยห้องน้ำ จะอยู่ทางด้านขวามือ ซึ่งกระเป๋าดังกล่าว ถูกเก็บไว้ในห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด เมื่อเปิดห้องมา พบว่ามีฝุ่นเกาะกระเป๋าจำนวนมาก เมื่อเปิดดู พบว่าไม่มีคราบเลือดแล้ว มีเพียงกลิ่นคาว ที่ยังคลุ้งไปทั่วกระเป๋า

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจภายใน สน.บางขุนนนท์ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า กระเป๋าเดินทางดังกล่าว สร้างความหวาดผวา ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง โดย สน.บางขุนนนท์ ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 เป็นโรงพักใหม่ ถูกสร้างขึ้นทั้งหมด 4 ชั้น โดยในตอนแรก จะเปิดใช้เพียงแค่ชั้น 1 และ ชั้น 2 ส่วน ชั้น 3 และ ชั้น 4 ก็เปิดร้าง ซึ่งก่อนหน้านี้โรงพักแห่งนี้ไม่เคยมีประวัติอาถรรพ์มาก่อน จนกระทั่ง เมื่อมีคดีภรรยา ฆ่า หั่นศพ สามี ที่ป่วยเป็นอัมพาต

โดย ภรรยา อ้างตัวเป็นร่างทรง ก่อนเกิดเหตุ ได้เสพยาเสพติดไปจำนวน 10 เม็ด จากนั้น เกิดอาการหลอน คิดว่า สามีจะฆ่าตัวเอง จึงได้ลงมือฆ่าหั่นศพสามี ก่อนจะนำชิ้นส่วนยัดใส่กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ ทิ้งไว้ในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ริมคลองบางกอกน้อย ส่วนชิ้นส่วนหัวและข้อมือ ข้อเท้า ใส่ถุงโยนลงคลองบางกอกน้อย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตามจับกุมตัวได้ จึงนำตัวมาสอบสวนที่ สน.บางขุนนนท์ และนำกระเป๋าเดินทาง ซึ่งเป็นของกลาง มาไว้ในห้องสอบสวน ชั้น 2

โดยคดีนี้เจ้าหน้าที่ชุดทำงาน รู้สึกหวาดกลัว ตั้งแต่ทำคดี ในช่วงแรก ที่จะต้องดำน้ำหาชิ้นส่วนหัว ข้อมือ และ ข้อเท้า เจ้าหน้าที่ใช้เวลาไม่นานมาก ก็พบชิ้นส่วนข้อมือ และ ข้อเท้า แต่ชิ้นส่วนหัวไม่พบ เจ้าหน้าที่รู้สึกถอดใจ จึงได้ทำพิธีกราบไว้ ขอเจ้าแม่คงคา ให้พบชิ้นส่วนที่เหลือ จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงทำงานหาอีกครั้ง ไม่นานก็พบชิ้นส่วนหัว ซึ่งจมอยู่ในบริเวณเจ้าหน้าที่หาหลายรอบแต่ไม่พบ

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกระเป๋าเดินทางดังกล่าว ว่าไว้หน้าห้องขัง ซึ่ง ผู้ต้องหาคดีอื่น ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง มักจะถาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ในช่วงกลางคืน มีใครเดินผ่านไปมา ที่บริเวณหน้าห้องขังหรือ ไม่ บางรายก็ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดไฟให้ทั้งคืน เพราะ รู้สึกเหมือยมีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าเวรดึก นั่งเฝ้าหน้าห้องขัง ก็มักจะมีความรู้สึกว่ามีคนมองมาจากห้องขัง

ต่อมา เมื่อปี พ.ศ.2556 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมีเพิ่มมากขึ้น จึงได้เปิดชั้น 3 และ ชั้น 4 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้งานจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ย้ายกระเป๋าเดินทาง ไปไว้ยังชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องว่างเปล่า เนื่องจาก เห็นว่าไม่มีคนอยู่ ถัดมาอีกห้อง จะเปิดไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เพิ่งมาเข้ามาทำงานใหม่แต่ยังไม่มีหอพัก ก็จะให้มานอนรวมกันที่ชั้น 3 แต่อยู่กันได้ประมาณ 1 อาทิตย์ ทุกคนก็ย้ายออกหมด ยอมไปเช่าหออยู่ และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อยู่ไม่ได้ ขอย้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่า มีแต่คนพูดถึงเรื่องความหลอนของกระเป๋า จึงได้ย้ายกระเป๋าไปอยู่ที่ห้องน้ำชั้น 4 ของโรงพัก น้อยครั้งที่จะมีแม่บ้านขึ้นไปทำความสะอาด แต่ทุกครั้งที่ขึ้นไป กระเป๋ามักจะไม่อยู่ที่เดิม

เมื่อมีเจ้าหน้าที่ตำรวจใหม่เข้ามา ไม่มีใครทราบประวัติของกระเป๋าเดินทาง ก็มักจะเดินสำรวจโรงพัก เพื่อความคุ้นเคย เมื่อเดินขึ้นไปห้องน้ำชั้น 4 ก็รู้สึกมีลมโกรกผ่านใบหน้า อยู่ๆขนก็ลุกซู่ จึงคิดว่าห้องน้ำอาจจะมีช่องลม แต่เมื่อมองไปรอบๆ ก็ไม่พบ เมื่อมองไปที่กระจกก็รู้สึกเหมือนมีคนจ้องตลอดเวลา บางคนเดินเล่นมือถือเพลิน หรือใจลอย ก็จะเผลอเดินขึ้นไปชั้น 4 และไปหยุดอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำทุกครั้ง

ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจหน่วยสวาทจากภูธรภาค 7 กว่า 20 นาย มาพักที่ สน.บางขุนนนท์ เพื่อที่จะรอไปปฏิบัติหน้าที่ โดยทั้งหมดนอนในห้องประชุมเล็ก ชั้น 2 รุ่งเช้า เวลาประมาณ 05.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทยอยตื่นมาอาบน้ำ บางคนก็ขึ้นไปอาบน้ำชั้น 4 ก็รู้สึกได้ยินเสียงคนเดินตามตลอด จึงมาถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. บางขุนนนท์ แต่ไม่มีใครพูดอะไร เพราะ จะต้องนอนปฏิบัติหน้าที่อีกหลายวัน

เมื่อภารกิจจบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการเล่าเหตุการณ์แปลกให้เพื่อนตำรวจฟัง ทุกคนที่ขึ้นไปอาบน้ำชั้น 4 ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน โดยในช่วงสิ้นปี จะมีการจัดงานสังสรรค์ปีใหม่ ก็จะจัดที่บริเวณ ชั้น 4 แต่เมื่อจะเข้าห้องน้ำ จะไม่มีใครเข้าห้องน้ำชั้น 4 เลย ทุกคนจะลงไปเข้าชั้นล่างหมด

โดย เมื่อหลายปีก่อน แม่บ้านได้นำกระเป๋าเดินทางดังกล่าว ไปทิ้งแล้ว แต่ไม่ทราบว่ามันกลับมาในห้องน้ำเหมือนเดิมได้อย่างไร ต่อมา จึงไม่มีใครกล้าเอาไปทิ้งอีกเลย ทุกครั้งที่มีการทำบุญโรงพัก จะนำกระเป๋าเดินทางดังกล่าว มาพรมน้ำมนต์ตลอด ซึ่งหากไม่มีความจำเป็นจะไม่มีใครเดินขึ้นไปที่บริเวณชั้น 4 เลย โดยกระเป๋าดังกล่าวสร้างความหวัดกลัวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าเวรดึก จึงอยากจะนิมตน์พระสงฆ์มาทำพิธี ก่อนจะทำลายกระเป๋าดังกล่าวทิ้ง เพื่อให้วิญญาณของผู้ตายไปสู่สุขติ


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน