เลขาฯ ศาลยุติธรรม ลั่น เหตุอุ้มฆ่าพี่ผู้พิพากษา ต่อรองคดี ชี้ร้ายแรง ไม่เคยมีมาก่อน

จากกรณีเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ชุดสืบสวนของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. นำกำลังเข้าจับกุมพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ หลายสมัย พร้อมพวก รวม 3 คน ในคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา โดยจับกุมได้ที่ จ.นครสวรรค์ ตามที่เสนอไปแล้วนั้น

อ่าน : ด่วน! จับแล้ว ‘บรรยิน’ อดีตนักการเมือง พัวพันคดีฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา

อ่าน : หลักฐานวงจรปิด มัดแน่น บรรยิน อุกอาจ บุกอุ้มฆ่าพี่ผู้พิพากษา หน้าศาล ซ้ำโทรขู่ ให้ยกฟ้อง

เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว วันที่ 23 ก.พ. นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.30 น.ได้มีคนร้ายจากเท่าที่ปรากฎหลักฐาน 3-4 คนร่วมกันอุ้มลักพาตัว นายวีรชัย พี่ชายของผู้พิพากษา หายขึ้นรถที่จอดเตรียมมาไปบริเวณหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ภายหลังจากมีการลักพาตัวในวันเดียวกัน กลุ่มคนร้ายได้โทรศัพท์เข้ามา หา น.ส.พนิดา ผู้พิพากษา เพื่อข่มขู่คดีโดยขอให้ยกฟ้องในคดีโอ้นหุ้นนายชูวงษ์ หลังจากนั้น น.ส.พนิดา จึงเข้าเเจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการบันทึกเทปสนทนาการข่มขู่ดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งทางสำนักงานศาลยุติธรรม ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้ประสานทางสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ (ตร.) เเละมีการตั้งทีมสืบสวนขึ้นมาในวันดังกล่าวทันที

โดยการสืบสวนสอบสวนที่ตั้งขึ้นก็ติดตามคดีเรื่อยมา เเต่ด้วยความห่วงใยเรื่องความปลอดภัยของตัวประกัน เรื่องดังกล่าวจึงต้องอยู่ในชั้นความลับไม่สามารถที่จะเป็นข่าวได้ โดยทางทีมสืบสวนสอบสวนสามารถสืบจนได้ทราบว่ามีผู้เกี่ยวข้องก่อเหตุคือใครบ้าง จนทราบว่ามีคดีที่เกี่ยวพันอยู่เหตุการณ์ลักพาตัวครั้งนี้ 2 คดี คือคดีฆาตกรรมนายชูวงษ์ เเละการโอนหุ้น 300 ล้าน

ทีมสืบสวน มีการรวบรวมพยานหลักฐาน ติดตามสถานที่กบดานคนร้าย จนกระทั้ง เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา จึงได้ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ตามที่เป็นข่าว นอกจากนี้ยังมีการขอหมายค้น 20 กว่าจุดในการหาพยานหลักฐานมัดตัวคนร้ายครบถ้วน ซึ่งทราบมาว่าตอนนี้สามารถจับคนร้ายได้ 3 คนเเล้ว เเละกำลังตามจับบางส่วนที่หลบหนีอยู่ ส่วนเรื่องจำนวนคนร้ายที่ก่อเหตุนั้นถ้าสืบสวนไปเกี่ยวพันถึงใคร ตำรวจจะขอหมายจับเพื่อจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

โดยในวันนี้ ตนพร้อมด้วย นายอาคม รุ่งแจ้ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ นายชนาธิป เหมือนพะวงศ์ รองเลขาธิการประธานศาลฎีกา ซึ่งเป็นตัวเเทน นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ซึ่งติดภารกิจเดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศ เดินทางไปให้กำลังใจ น.ส.พนิดา เเละเเจ้งข่าวให้ได้ทราบ ซึ่ง น.ส.พนิดา ยังอยู่ในภาวะเสียใจ

ซึ่งทางสำนักงานศาลก็ได้ดูเเลความปลอดภัย ตั้งเเต่วันที่ 4 ก.พ เราได้ประสานกับทางสำนักงานตำรวจเเห่งชาติจัดหน่วยคุ้มกันดูเเลความปลอดภัยมาโดยตลอด ซึ่งในปัจจุบันภายหลังเกิดเหตุท่านก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ หลังจากวันนี้เรื่องการคุ้มกันนอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเเล้ว เจ้าพนักงานตำรวจศาลหรือคอร์ท มาร์แชล จะเข้าไปเสริมการดูเเลในเรื่องคุ้มกันเเละการเดินทางปฏิบัติหน้าที่

คดีนี้หลักฐานทั้งหมดที่ทางศาลเรามี เราส่งให้ตำรวจกองปราบหมดเเล้ว กล้องวงจรปิดที่จับภาพคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ได้ตั้งเเต่มาดักรอที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ก่อนลักพาตัวประมาณ1 ชั่วโมง ส่วนเรื่องวงจรปิดจับภาพนายบรรยินได้เลยหรือไม่นั้น ต้องถามทางเจ้าหน้าที่ซึ่งเเจ้งว่ามีพยานหลักฐานครบถ้วนในการออกหมายจับนายบรรยินกับพวกเเล้ว ซึ่งรายละเอียดจะอยู่ในสำนวนสอบสวนที่ทางตำรวจจะเเถลงต่อสื่อมวลชนเอง เรื่องนี้เราต้องขอบคุณทาง ผบ.ตร.ที่ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก จนสามารถจับตัวคนร้ายได้

ช่วงที่ผ่านมา นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกาได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก ท่านจะพูดทุกครั้งในการประชุม ก.ต.หรืออก.บ.ศ. เรื่องด้วยความห่วงใยความปลอดภัยของผู้ถูกลักพาตัว เเต่เราต้องเก็บเป็นความลับเพื่อคำนึงความปลอดภัย ซึ่งที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. ได้รายงานความคืบหน้าให้นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ทราบความคืบหน้าอยู่เป็นระยะมาตลอด

สำหรับเหตุการณ์การจับตัวประกันเพื่อต่อรองให้ตัดสินคดีที่เกิดขึ้น นับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นในศาลยุติธรรมมาก่อน ถือว่าเป็นเรื่องกระทบความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดีของผู้พิพากษา

นายสราวุธ ยังระบุอีกว่า หลังจากนี้หน่วยของศูนย์รักษาความปลอดภัยตาม พรบ.ตำรวจศาล มาตรา5 ที่มีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่และความปลอดภัยของตัวบุคคล ทางสำนักงานศาลยุติธรรมจะต้องวางมาตรการในเชิงป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น

ต่อไปถ้าหากมีคดีสำคัญหรือเกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพลเราก็จะต้องวิเคราะห์เรื่องการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิด เราอาจต้องมีการอารักขาตัวองค์คณะ ดังนั้นเราจึงต้องมีการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าพนักงานตำรวจศาลโดยเร็ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการอบรมเพื่อบรรจุเเต่งตั้งชุดใหม่ให้ได้คุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน