บิ๊กตู่ระบุ ลุงวิสวะมือบึ้มลงมือคนเดียว เป็นพวกโลนวูล์ฟ ตร.รับมอบตัวจากทหารแล้วนำชี้ 3 จุด บ้านที่ทำระเบิด ห้างเมเจอร์ฯ ร.พ.พระมงกุฎฯ ผบ.ตร.แถลงยิบ เปิดวงจรปิดการเดินทางทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขับรถไปจอดที่กฟผ. แล้วนั่งรถประจำทางไปก่อเหตุ แล้วนั่งรถเมล์หลบหนีไป เจ้าตัวเปิดใจขอให้เรียกประทัดยักษ์ ไม่หวังให้ใครบาดเจ็บมาก ต้องขออภัยด้วย ยันต้องการสร้างสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐประหาร ระบุอีกไม่มีใครโอนเงินให้เพราะค่าทำระเบิดแค่ลูกละ 50 บาท ศาลอนุมัติจับอีก 2 คดี วางระเบิดบก.ทบ.-ซอยราชวิถี

จากคดีลอบวางระเบิดร.พ.พระมงกุฎเกล้า ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตามจับกุมนายวัฒนา ภุมเรศ อายุ 62 ปี อดีตวิศวกร กฟผ. ผู้ก่อเหตุไว้ได้ โดยมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดและขยายผลเข้าตรวจค้นห้องพักบางเขน พบไปป์บอมบ์และอุปกรณ์ประกอบระเบิด รวมถึงสายคล้องบัตรและนาฬิกาติดผนังรูปนายทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกฯ โดยนายวัฒนาสารภาพก่อเหตุวางระเบิดเมืองกรุงรวมแล้ว 6 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2550 เพราะไม่พอใจทหารที่ทำรัฐประหาร และต้องการแก้แค้นกรณี 6 ศพวัดปทุมวนาราม พร้อมยืนยันว่าลงมือทำคนเดียว ตามที่ข่าวสด นำเสนอไปก่อนหน้านี้

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 20 มิ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และพ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ คณะทำงานพิเศษ ฝ่ายกฎหมาย คสช. พร้อมกำลังทหาร ม.พัน 4 รอ. คุมตัว นายวัฒนา ภุมเรศ อายุ 62 ปี อดีตวิศวกร กฝผ. ผู้ต้องหาวางระเบิดห้องวงษ์สุวรรณ ร.พ.พระมงกุฎเกล้า และอีกหลายจุดในพื้นที่ กทม.ส่งมอบให้กับตำรวจ โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ พล.ต.อ.เดชา ชวยบุญชุม ที่ปรึกษา (สบ10) พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.พฐก. และนายตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมรับมอบตัว หลังนายวัฒนา ถูก เจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางการวางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา พร้อมนำตัวขึ้นไปให้พยาน 3 คนชี้ตัวที่สำนักงานพล.ต.อ.ศรีวราห์ โดยพยานทุกคนยืนยันตัวนายวัฒนา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัฒนาสวมเสื้อโปโลสีน้ำเงิน กางเกงสแล็กส์สีกากีอ่อน ไม่มีการพันธนาการ มีสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่เคร่งเครียด โดยเจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอไปตรวจพิสูจน์ จากนั้นพล.ต.อ.ศรีวราห์ นำหมายจับ 5 หมายแจ้งข้อกล่าวหานายวัฒนารับทราบ ก่อนคุมตัวมาแถลงข่าวที่ห้องศรียานนท์

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเหตุระเบิดถังขยะหน้ากองสลากเก่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย. และระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ต่อมาเกิดเหตุระเบิดที่ร.พ.พระมงกุฎ เกล้า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ซึ่งตนแต่งตั้งพล.ต.อ.ศรีวราห์ เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี พร้อมชุดสืบสวนกว่า 200 นาย หลังทำงานประมาณ 20 กว่าวันก็สามารถจับกุมนายวัฒนา คนร้ายได้สำเร็จ และพบว่า ยังเคยก่อนเหตุเมื่อปี 2550 ที่หน้าห้างเมเจอร์รัชโยธิน ปากซอยราชวิถี 24 และ หน้ากองทัพบก จนมาจับกุมได้ในปี 2560 ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดการทำงาน เพราะคดีระเบิดที่ผ่านมา จับกุมได้เกือบ 0 เปอร์เซ็นต์ แต่กรณีนี้สามารถจับกุมได้

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวมักถามสาเหตุว่าเกิดจากอะไร และมองว่าต่างชาติมองสถานะรัฐบาลน้อยลงเพราะเหตุระเบิด บางคนอ้างว่าทหาร หรือรัฐบาลทำเอง วันนี้ชัดเจนแล้ว ซึ่งตำรวจร่วมลงแขกทำคดีนี้จนสำเร็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นได้เปิดบทบรรยายวีดิทัศน์แผนประทุษกรรมที่ร.พ. พระมงกุฎเกล้า ระบุว่า จากการตรวจสอบพบระเบิด 3 จุด ตั้งแต่หน้ากองสลากเก่า โรงละครแห่งชาติ และร.พ.พระมงกุฎเกล้า มีส่วนประกอบหลักคล้ายคลึงกัน เชื่อว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบมีบุคคล 12,000 คน ก่อนไล่ตรวจสอบเหลือ 100 คน และ 10 คนตามลำดับ โดยในกล้องวงจรปิด 21 ตัวบริเวณโรงพยาบาล พบภาพชายต้องสงสัยสูงวัยถือถุงพลาสติกภายในบรรจุวัตถุมีน้ำหนัก และร่มสีดำ 1 คัน ลักษณะมีพิรุธ เดินเข้ามาในร.พ.ทางด้านหน้า ใช้เวลาเพียง 1 นาที 20 วินาที เข้าไปในอาคารเฉลิมพระเกียรติ และอยู่ในห้องวงษ์สุวรรณ 1 ชั่วโมง 33 นาที ก่อนออกจากห้องดังกล่าวก่อนเกิดเหตุระเบิดเพียง 10 นาที โดยถือถุงพลาสติกต้องสงสัย แต่ไม่มีวัตถุมีน้ำหนัก เหลือเพียงร่มสีดำ 1 คัน

วีดิทัศน์ ระบุต่อว่า จากนั้น บก.สส.บช.น.สืบหาความเชื่อมโยง พบว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค. เวลา 16.50 น.พบนายวัฒนา ผู้ต้องสงสัย ขับเก๋งฮอนด้า ซิตี้ สีเทา ทะเบียน 1 กฎ 6827 กรุงเทพมหานคร เข้ามาจอดในลานจอดรถกฟผ. อ.บางกรวย จ.นนทบุรี สวมเสื้อแขนสั้นลายพราง กางเกงขายาวสีครีม จากนั้นเดินไปยังอาคารสถานพยาบาล จูงรถจักรยานมาที่ข้างรถยนต์ของตนเองแล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อแขนสั้นสีครีม ปั่นจักรยานไปจากลานจอดรถ ออกประตูหลังกฟผ. ไปยังยันฮีคอนโดฯ ในเวลา 17.29 น.

ต่อมาวันที่ 22 พ.ค. เวลา 06.13 น.นายวัฒนา ออกมาจากอาคารยันฮีคอนโดฯ สวมเสื้อแขนสั้นสีครีม กางเกงขายาวสีครีม ขี่รถจักรยานมากฟผ.อีกครั้ง จอดจักรยาน ข้างรถยนต์ของตนเอง จากนั้นหยิบถุงพลาสติก สีขาวขนาดใหญ่ จากประตูด้านหน้าฝั่งคนขับ ซึ่งภายในถุงพลาสติกมีแจกันดอกไม้ และ ช่อดอกไม้สีส้มแดง ขี่จักรยานออกจากกฟผ.ทางด้านประตูหน้า มุ่งหน้าไปทางปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 97 จากนั้นขี่จักรยานมาบนทางเท้าย้อนศรมุ่งหน้าไปยังสะพานลอยคนข้าม เพื่อข้ามสะพานลอยไปยัง ซ.จรัญฯ 96/2 แล้วขึ้นรถโดยสารประจำทาง สาย ปอ.18 ในเวลา 07.43 น. ต่อมาเวลา 08.43 น. นายวัฒนาลงจากประจำทางที่ป้ายรถประจำทางระหว่างประตู 5 และ 6 ของ ร.พ.พระมงกุฎเกล้า สวมที่ปิดปากปิดจมูกอำพรางใบหน้า เดิน ถือถุงพลาสติกมาตามถนนราชวิถี ทิศทางจากแยกตึกชัย มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อเดินทางมาถึงประตู 6 นายวัฒนาเดินเลี้ยวซ้ายเข้าไปภายในโรงพยาบาล มุ่งหน้าไป ยังอาคารเฉลิมพระเกียรติ จากนั้นเวลา 08.46 น. เดินเข้าไปภายในอาคาร และเดินเข้าไปภายในห้องวงษ์สุวรรณ ในเวลาประมาณ 08.47 น. นายวัฒนาอยู่ในห้องดังกล่าวเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 33 นาที ซึ่งระหว่างนี้นายวัฒนาเปิดสวิตช์ระเบิดและเริ่มหน่วงเวลาระเบิด

จากนั้นเวลา 10.20 น. นายวัฒนาเดินออกมาจากห้องวงษ์สุวรรณ ก่อนเกิดเหตุระเบิดมากว่า 10 นาที เท่านั้น โดยใช้มือขวากำรวบถุงพลาสติกเข้ากับด้ามร่มในลักษณะหนีบ ไม่ปรากฏวัตถุที่มีน้ำหนัก คือ แจกันดอกไม้ และช่อดอกไม้สีส้มแดงที่นำมาด้วย จากนั้นได้เดินออกจากอาคารเฉลิมพระเกียรติผ่านทางก่อสร้าง และปรากฏภาพนายวัฒนา เดินตามถนนราชวิถี จากประตู 7 มุ่งหน้าประตู 6 เพื่อไปยังป้ายรถประจำทาง

ต่อมาเวลา 10.31 น. มีพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุถ่ายภาพ และปรากฏภาพแจกันต้องสงสัยติดผนังที่จุดเกิดเหตุไม่นาน ก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดขึ้น เวลา 10.43 น.หลังเกิดเหตุนายวัฒนาขึ้นรถประจำทางสาย 14 ที่ป้ายรถประจำทางระหว่างประตู 5 กับประตู 6 มุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก่อนลงจากรถบริเวณเกาะพญาไท จากนั้นได้เดินบนสกายวอล์กไปยังฝั่ง ร.พ.ราชวิถี ลงจากสะพานมาที่บริเวณเกาะราชวิถี และนั่งอยู่บริเวณจุดติดตั้งตู้เอทีเอ็ม 18 นาที แล้วลุกเดินเข้าไปในร้านก๋วยเตี๋ยว ต่อมาเวลา 11.31 น. เดินออกมา มุ่งหน้าไปยังป้อม ขสมก. จนกระทั่งเวลา 12.24 น. เดินออกมาจากป้อม ขสมก. แล้วขึ้นรถประจำทางสาย 18 เส้นทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปยังท่าอิฐ จ.นนทบุรี

จากนั้นเวลา 13.03 น.นายวัฒนาได้ลงจากรถ ขี่จักรยานกางร่มผ่านร้าน 7-11 ปากซอยจรัญฯ 97 มุ่งหน้าไปยังกฟผ. บางกรวย และเข้าไปจอดบริเวณอาคารสถานพยาบาล ก่อนเดินมาที่รถยนต์ที่จอดไว้ เพื่อเก็บของ และขับรถยนต์ส่วนตัวออกไปจาก กฟผ. เมื่อตรวจสอบทะเบียนรถ พบว่ารถคันดังกล่าวมีลูกชายนายวัฒนา เป็นผู้ครอบครอง

ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบ้านพักของนายวัฒนา พบของกลางซึ่งมีความเชื่อมโยงกับคดีระเบิดที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ทั้ง 3 คดี เมื่อซักถามนายวัฒนา ให้การรับสารภาพว่าเป็น ผู้ประกอบระเบิดด้วยตนเองที่บ้านพัก เนื่องจากไม่ชอบรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติและรู้สึกเจ็บปวดกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่วัดปทุมวนารามเมื่อปี 2553 รวมทั้งรับว่าเหตุเกิดขึ้นในปี 2550 เคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันถึง 3 ครั้ง บริเวณตู้โทรศัพท์สาธารณะหน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ฯ รัชโยธิน ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ปากซอยราชวิถี 24 และตู้โทรศัพท์สาธารณะ ปากซอยข้างบก.ทบ.อีกด้วย

ผบ.ตร. กล่าวว่า แม้จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว แต่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ให้สืบสวนขยายผลว่ามีใครเกี่ยวข้อง หากมีหลักฐานก็ต้องดำเนินการ เช่นเดียวกับเพื่อนสาวคนสนิท อยู่ระหว่างตรวจสอบ แต่ขณะนี้จากพยานหลักฐานเชื่อว่าคนร้ายทำคนเดียว ยอมรับว่าคนร้ายลักษณะแบบนี้จับได้ยาก คล้ายกับคนร้ายที่ก่อการร้ายในต่างประเทศ ที่เริ่มปรากฏการก่อเหตุรูปแบบนี้ ทำคนเดียว คิดคนเดียว สืบสวนจับกุมยาก มาตรการป้องกันก็ทำได้ยาก

พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ส.4 กล่าวว่า จากพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่เชื่อมโยงชัดว่านายวัฒนาก่อเหตุด้วยตนเอง ล่าสุดตำรวจขออนุมัติหมายจับไปแล้ว 5 หมาย จากพยานหลักฐานที่ได้เพิ่มเติม และคำสารภาพของนายวัฒนาล่าสุด พนักงานสอบสวนจะขออนุมัติหมายจับเพิ่มเติมอีก 2 หมายจับ จากการก่อเหตุที่ปากซอยราชวิถี 24 เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2550 และหน้ากองทัพบก เมื่อวันที่ 30 ก.ย.50

นายวัฒนากล่าวว่า เหตุระเบิดในปี 2550 และปี 2560 มีแรงบันดาลใจเหมือนกันทั้งหมด คือเป็นประชาชนคนธรรมดา ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ เพราะทำให้ประเทศชาติประสบความหายนะทางเศรษฐกิจ ตลอดจนสิทธิและเสรีภาพของประชาชนก็ถูกลิดรอน ทุกครั้งที่ก่อเหตุผมพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบกับประชาชนธรรมดา และไม่อยากให้ผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ให้เป็นเพียงเชิงสัญลักษณ์ ต่อต้านรัฐบาลปฏิวัติ เพื่อส่งเสียงไปยังรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติว่าคนรากหญ้ามิได้ชื่นชมการ กระทำของรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ และไม่ขอตอบถึงเหตุผลและรายละเอียดการก่อเหตุที่ร.พ.พระมงกุฎฯ เพราะตำรวจได้พูดไปแล้ว ยืนยันไม่มีเจตนาทำร้ายผู้ใด ต้องขออภัยกับ ผู้บาดเจ็บด้วย

“ยืนยันว่าทำคนเดียว ไม่มีเบื้องหลังฝ่ายการเมือง หรือบุคคลใดมาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ไม่มีใครให้เงินอุดหนุนด้วย เพราะต้นทุนทำระเบิดเพียงลูกละ 50 บาทเท่านั้น ไม่อยากให้เรียกว่าระเบิด แต่ให้เรียกว่าประทัดยักษ์ หากไม่ถูกจับ ก็ไม่ก่อเหตุอีกแล้ว เพราะที่บ้านตอนนี้ไม่มีระเบิดแล้ว มีเพียงแผงวงจรที่เอาไว้ทดสอบทางเทคนิคเท่านั้น” นายวัฒนา กล่าว และว่า ตนไม่ได้เกลียดทหาร รักทหาร แต่ไม่ชอบทหารบางคนที่ใช้ประชาชนเป็นฐานก้าวสู่อำนาจ ยอมรับว่าเคยชุมนุมทางการเมืองหลายครั้ง ทั้งกปปส.และนปช. ไปในฐานะประชาชนที่ต้องการฟังข้อมูลทุกด้าน เชื่อว่าหลังจากนี้รัฐบาลและประชาชนจะหันหน้าเข้าหากัน เพื่อแสวงหาความสงบสุขของบ้านเมือง ส่วนนาฬิการูปอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เป็นของตนจริง เพื่อมอบให้เป็นของขวัญตอนเกษียณ เป็นความชอบทางการเมืองส่วนตัว ตามสิทธิเสรีภาพที่พึงมี

ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ คุมตัวนายวัฒนา มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่หมู่บ้านอัมรินทร์นิเวศน์โครงการ 1 บ้านเลขที่ 44/408 ซึ่งเป็นสถานที่ที่นายวัฒนาให้การรับสารภาพว่าเป็นที่พักพิงและเป็นที่ประกอบระเบิด โดยภายในบ้านแบ่งเป็น 5 จุดคือ โต๊ะนั่งทำงานบริเวณหน้าบ้านที่ใช้ประกอบระเบิดในแจกัน จุดที่พบสิ่งของในการประกอบวัตถุระเบิด จุดที่นำระเบิดไปทดสอบในเรื่องของน้ำหนัก และจุดที่ค้นพบอาวุธอีก 2 แห่ง โดยใช้เวลาประมาณ 50 นาที จึงนำตัวมาทำแผนในจุดที่2 ที่หน้าร้าน แมคโดนัลด์ ห้างสรรพสินค้าเมเจอร์ สาขา รัชโยธิน ซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุระเบิดเมื่อปีพ.ศ.2550 แบ่งเป็น 2 จุด คือ บริเวณตู้โทรศัพท์ป้ายรถประจำทางตรงข้ามห้างสรรพสินค้าเมเจอร์ รัชโยธิน ซึ่งเป็นจุดที่นายวัฒนาลงรถเมล์สาย 18 เพื่อมาก่อเหตุ และจุดที่สอง คือจุดที่วางระเบิดคือบริเวณที่ตั้งแมคโดนัลด์เก่า ซึ่งนำถุงที่บรรจุระเบิดไปวางไว้ข้างตู้โทรศัพท์สาธารณะ ก่อนที่จะหลบหนีไปโดยใช้เวลานำชี้จุดประมาณ 30 นาที

ก่อนจะนำตัวนายวัฒนาไปชี้จุดที่ 3 ที่ร.พ.พระมงกุฎเกล้า หลังจากนั้นจะควบคุมตัวไว้ที่สน.พญาไท 1 คืน ก่อนจะนำไปทำแผนต่อในวันที่ 21 มิ.ย. โดยจะไปยังจุดที่ 4 คือหน้ากองสลาก ถนนราชดำเนินและจุดที่ 5 หน้าโรงละครแห่งชาติ และ6.กฟผ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในแต่ละจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหามาทำแผน นำเชือกมากั้นเพื่อให้ผู้สื่อข่าวสามารถทำข่าวได้ในพื้นที่ที่กำหนดซึ่งมีผู้สื่อข่าวเป็นจำนวนมาก โดยมีประชาชนเฝ้าดูการทำแผนอยู่เป็นจำนวนมาก และมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากบก.น.2 จำนวน 100 นาย คอยดูแลความปลอดภัยตลอดระยะเวลาในการทำแผนจนเสร็จสิ้น

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า คนที่มาถามตนว่ากังวลหรือไม่นั้น เขามาถามได้อย่างไร ทุกคนต้องเป็นห่วงไปพร้อมๆ กับตน สำหรับพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุแบบนี้ที่เป็นรายย่อยและทำแบบอิสระ หรือเรียกว่าโลน วูล์ฟ (Lone wolf) ซึ่งมีในต่างประเทศด้วย เพียงผู้ก่อเหตุที่เป็นรายย่อยในประเทศเรามักมีรายใหญ่อยู่เบื้องหลัง

นายกฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้หยุดแค่นี้ กำลังสืบสวนสอบสวนต่อไปเรื่อยๆ ถ้าสอบสวนถึงใครว่าเกี่ยวข้องก็ต้องถูกจับมาทั้งหมด รวมถึงต้องสืบต่อว่าชิ้นส่วนมาจากไหน อะไรมาจากที่ไหน เขาโทรศัพท์คุยกัน ต้องเอามาทั้งหมด พบกับใครบ้าง เจ้าหน้าที่ทำงานทุกวัน แต่เขาไม่สามารถมาตอบคำถามทุกวันได้อยู่แล้ว ต้องมาประกาศทุกวันด้วยหรือว่าวันนี้ทำอะไรไปบ้าง เพราะบางเรื่องเป็นเรื่องของกลไกทำงาน เพียงแต่วันนี้ต้องทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จับให้ได้มากขึ้น เอาคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้มากขึ้น ขอให้ทุกคนดูตรงนั้น

“จะไปมองอะไร “โก”คนเดียว ยังมีอีกหลายคนที่มีพฤติกรรมลักษณะนี้ แต่ไม่รู้ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ ก็ต้องสืบกันต่อ และเรื่องที่เขาบอกว่า ไม่ชอบทหาร ก็อย่าไปสนใจ เรื่องของท่าน ใครไม่ชอบผมก็ช่าง ผมไม่สนใจว่าใครชอบหรือไม่ชอบ ผมสนใจว่าประเทศมีปัญหา อยู่ที่ไหน จะเดินหน้าแก้ปัญหาอย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอนุมัติหมายจับเรียบร้อยแล้ว ดังนี้ 1. หมายจับเลขที่ 1428/60 ลงวันที่ 20 มิ.ย.60 ของ สน.ดุสิต เหตุระเบิดที่ บก.ทบ. เมื่อวันที่ 30 ก.ย.50 เวลาประมาณ 20.15 น. 2. หมายจับเลขที่ 1429/60 ลงวันที่ 20 มิ.ย.60 ของ สน.ดุสิต เหตุระเบิดที่ ปากซอยราชวิถี 24 เมื่อวันที่ 5 พ.ค.50 เวลาประมาณ 21.15 น.

ในข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,กระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัส, มีและใช้วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน