คุมลุงวัฒนาทำแผนฯ ครบ 14 จุดแล้ว ทั้งจุดซื้อ ดินดำ ซื้อแจกันวางบึ้ม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และที่จอดรถพักระเบิด แล้วขี่จักรยานย้อนกลับมาเอารถ ก่อนส่งควบคุม สน.พญาไท รอฝากขัง พร้อมให้โชว์ประกอบ ระเบิด เตรียมนำเป็นหลักฐานประกอบสำนวนสั่งฟ้อง บิ๊กป้อมยังเชื่อลงมือทำคนเดียวเพราะหลักฐานชี้ชัดแค่นี้ แต่ยอมรับต้องสอบสวนต่อไป ไม่กลัวเกิดวางบึ้มเลียนแบบ ชี้ไม่มีใครเก่งแบบนี้ทุกคน

จากคดีลอบวางระเบิดร.พ.พระมงกุฎเกล้า ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตามจับกุมนายวัฒนา ภุมเรศ อายุ 62 ปี อดีตวิศวกร กฟผ. ผู้ก่อเหตุไว้ได้ โดยมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดและขยายผลเข้าตรวจค้นห้องพักบางเขน พบไปป์บอมบ์และอุปกรณ์ประกอบระเบิด โดยนายวัฒนาสารภาพก่อเหตุคนเดียว วางระเบิดเมืองกรุงรวมแล้ว 6 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2550 เพราะไม่พอใจทหารที่รัฐประหาร และต้องการแก้แค้นกรณี 6 ศพวัดปทุมวนาราม โดยเจ้าหน้าที่คุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 3 จุดแล้วนำตัวไปฝากขังที่สน.พญาไท เพื่อทำแผนเพิ่มเติม

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 มิ.ย. ที่สน. พญาไท พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ รองผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ส.4 และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิดคุมตัวนายวัฒนา ผู้ต้องหา ออกจากสน.พญาไท ขึ้นรถควบคุมไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อ หลังจากเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ทำแผนไปแล้วส่วนหนึ่ง

จุดแรกที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ ไทย (กฟผ.) ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นจุดที่นายวัฒนาขับเก๋งฮอนด้า สีเทาเข้ม ทะเบียน 1กฎ 6827 กทม. ของลูกชายมาจอดทิ้งไว้ที่ลานจอดรถภายในการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ซึ่งภายในรถซุกซ่อน แจกันดอกไม้บรรจุแผงวงจรระเบิดไว้ ก่อนที่จะนำรถจักรยานสีแดงมาเปลี่ยนเพื่อนำไปใช้ในการเดินทางไปก่อเหตุ หลังจอดรถเสร็จ ผู้ต้องหานำรถจักรยานมาจอดข้างรถ หยิบเสื้อสีกากีแขนสั้น แล้วไปยังคอนโดยันฮี ที่พักของเพื่อนสาวคนสนิท จากนั้นวันที่ 22 พ.ค. ผู้ต้องหาออกจากคอนโดฯ กลับมาที่รถยนต์เพื่อหยิบแจกันที่บรรจุระเบิดออกมาก่อนจะปั่นจักรยานไปยังจรัญฯ 97 เพื่อขึ้นรถโดยสารประจำทางสาย 18 ไปยังโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

2.บริเวณร้านขายสินค้า 20 บาท บริเวณซอยบางกรวย-ไทรน้อย 2 ด้านหลังกฟผ. ที่นายวัฒนาซื้อแจกันดอกไม้ ดอกไม้แห้ง เพื่อนำไปประกอบกับระเบิด 1 สัปดาห์ก่อนก่อเหตุ 3.ภายในยันฮีคอนโด ซึ่งเป็นห้องพักของเพื่อนสาวคนสนิท โดยวัฒนานอนที่คอนโดฯ 1 คืน ก่อนไปลงมือ 4.ร้านขายท่อพีวีซี ปากซอยบางกรวย 10 ซึ่งเป็นจุดซื้อท่อพีซีซีขนาด 1 นิ้ว พร้อมฝาครอบ ในราคา 8 บาท กาวตราช้าง 1 หลอด ราคา 25 บาท เพื่อนำไปประกอบเป็นวัตถุระเบิด

5.ป้ายรถโดยสารประจำทาง ใกล้กับซ.จรัญ สนิทวงศ์ 97 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด จุดที่นายวัฒนา ปั่นจักรยานออกจากกฟผ. ก่อนจะข้ามสะพานลอยไปยังซ.จรัญสนิทวงศ์ 96/2 และขึ้นรถโดยสารประจำทางสาย ปอ.18 อนุสาวรีย์ชัยฯ-ท่าอิฐ ในเวลา 07.43 น. ของวันที่ 22 พ.ค. ลงที่หน้าร.พ.พระมงกุฎเกล้า ภายหลังก่อเหตุเสร็จสิ้นแล้วนายวัฒนานั่งรถโดยสารประจำทางสาย ปอ.18 อนุสาวรีย์-ท่าอิฐ จากบริเวณอนุสาวรีย์ เพื่อมาลงรถที่ป้ายรถประจำทางซ.จรัญ สนิทวงศ์ 97 เพื่อเอารถจักรยานที่จอดไว้

6.ใต้สะพานพระราม 7 ซึ่งเป็นจุดที่นายวัฒนา ซื้อดินดำ มีร้านตั้งขายในช่วงเทศกาลลอยกระทงปี พ.ศ.2550 และ 7.ร้านณัฐพงศ์ ย่านบ้านหม้อ ที่ซื้ออุปกรณ์ในการประกอบวัตถุระเบิด อาทิ ตัวเก็บประจุจำนวน 6 ตัว ไอซีไทเมอร์ เลขรหัสที่ 4060 จำนวน 2 ตัว หลอดไฟฉายแบบ 3 โวลต์ 5 หลอด แบตเตอรี่ 12 โวลต์ รุ่น 23 เอ 2 ก้อน หัวแร้งพร้อมตะกั่ว แผ่นปรินต์อเนกประสงค์ 1 แผ่น สวิตช์ปิดเปิด 2 อัน

8.บริเวณหน้ากองสลาก จุดที่นายวัฒนาลงจากรถเมล์ และนำระเบิดมาวางไว้ห่างจากจุดที่ลงรถเมล์ประมาณ 10 เมตร ก่อนที่ เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดของกรุงเทพ มหานครจะลากไปบริเวณที่เกิดเหตุระเบิด 9.หน้าโรงละครแห่งชาติเป็นจุดที่นายวัฒนานำระเบิดมาวางไว้ก่อนจะหลบหนีไป

10.บริเวณหน้า บก.ทบ. โดยจุดแรกเป็นป้ายรถเมล์หน้าบก.ทบ. จุดที่นายวัฒนาลงรถเมล์สาย 503 ก่อนที่จะเดินไปบริเวณหน้าตู้โทรศัพท์สาธารณะและวางระเบิด 1 ลูกและหลบหนีไป ซึ่งจุดดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2550 11. หน้าซอยราชวิถี 24 นายวัฒนาได้ลงรถเมล์และเดินห่างจากที่ป้ายรถเมล์มาประมาณ 10 เมตร เมื่อถึงบริเวณหน้าตู้โทรศัพท์สาธารณะ จึงได้วางระเบิดแล้วกลับมายังป้ายรถเมล์เดิมก่อนขึ้นรถเมล์หลบหนีไป ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อ 2550

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ตร.คุมตัวนายวัฒนาชี้จุดทำแผนแล้ว 3 แห่งคือบ้านที่ทำระเบิด หน้าห้างเมเจอร์ และ รพ.พระมงกุฎฯ รวมแล้วชี้จุดทั้งหมด 14 จุด

จากนั้นคุมตัวไปควบคุมตัวที่สน.พญาไท ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะเบิกตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา รัชดาฯ ในวันที่ 22 มิ.ย. เวลา 10.00 น.

เมื่อเวลา 18.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างในการประกอบระเบิดที่ใช้ก่อเหตุ อาทิ คีมตัดสายไฟ ท่อพีวีซี สายไฟ แผงวงจร ถ่านไฟฉาย หัวแร้ง รวมไปถึงแจกัน ที่นำระเบิดไปซุกไว้ มาให้นายวัฒนา สาธิตการประกอบให้ดูว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร แต่จะไม่บรรจุดินปืนลงไปภายใน เมื่อประกอบเสร็จเรียบร้อยจะสามารถใช้งานได้หรือไม่ โดยมีพ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ รอง ผบก.สปพ. และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ. ร่วมสังเกตการณ์และเป็นผู้ตรวจสอบก่อนยืนยันว่าใช้งานได้จริง หรือไม่ เพื่อนำไปประกอบในสำนวนก่อนส่งฟ้องในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนบันทึกภาพขั้นตอนการประกอบระเบิดแต่อย่างใด

ที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปาฐกถาเรื่อง “การขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ท่ามกลางประชาชนที่มารับฟังกว่า 5,000 คน ตอนหนึ่งถึงกรณีการจับกุมผู้ก่อเหตุวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ว่า การจับกุมผู้ก่อเหตุส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็น 10,000 นาย และมีเจ้าหน้าที่กว่า 1,000 นาย ลงพื้นที่ไล่จับติดตาม แต่จะให้ตอบคำถามทุกวันได้อย่างไร ยิ่งถามถ้าตอบไปก็ยิ่งจะจับไม่ได้ เพราะคนร้ายจะรู้ตัวหมด

ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีฯ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหมกล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะต้องดูว่าเมื่อสืบสวนสอบสวนแล้วหมดแค่นี้จริงหรือไม่ ซึ่งต้องดูรายละเอียดทั้งหมดเพราะเราไม่ได้ไว้วางใจ

ส่วนกรณีของนายวัฒนาอาจมีการเชื่อมโยงกับนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ”โกตี๋” แกนนำเสื้อแดงปทุมธานีหรือไม่ เจ้าหน้าที่ก็ทราบอยู่ แต่จะเชื่อมโยงกันหรือไม่เราก็ยังไม่ทราบ ต้องขอเวลาในการสอบสวนก่อน ที่นายกรัฐมนตรีเชื่อว่า นายวัฒนา ไม่ได้ทำคนเดียว แต่ตอนนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานที่ผูกมัดไปยังคนอื่น

เมื่อถามว่ายังมีขบวนการที่ไม่ชอบรัฐบาล พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะพูดแบบนั้นไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนายวัฒนาเพียงคนเดียว และที่ผ่านมาก็ยังไม่มีขบวนการที่เกี่ยวข้องกับนายวัฒนา

เมื่อถามว่า กรณีของนายวัฒนา จะมีการพฤติกรรมเลียนแบบหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คงไม่มีใครเก่งแบบนี้ทุกคน ไม่น่าจะมีใครวางระเบิดแบบนี้ได้ทุกคน ส่วนที่มีการมองว่า เป็นการจงใจก่อเหตุที่หน้าห้องวงษ์สุวรรณนั้น นายวัฒนาบอกแล้วว่าไม่เกี่ยว เพราะเขาไปนั่งหน้าห้องนั้นแล้วคนน้อย ไม่เกี่ยวกับชื่อห้องแต่อย่างใด

เมื่อถามว่านายวัฒนาเคยโทรศัพท์ไปในรายการของคนเสื้อแดงระบุว่าจะทำร้ายคนในรัฐบาล 3-4 คน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “จะทำอย่างไรได้ เราก็ทำทุกอย่างให้กับประเทศและประชาชน ทุกเรื่องโดยไม่ได้หวังอะไร เพราะฉะนั้น ไม่ได้มีความเป็นห่วงอะไร เราทำทุกอย่างให้กับส่วนรวม”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน