ตัดแล้วไม้พะยูงล้มทับบ้านนาน 3 เดือน รองผบ.ตร.สั่งตร.ยาง ตลาด-กาฬสินธุ์ เร่งเข้าช่วยเหลือ หลังลมพายุซัดไม้พะยูงล้มทับบ้าน แต่สาวเจ้าของบ้านไม่กล้าตัด เหตุเป็นไม้หวงห้าม จนต้องย้ายไปอยู่กับลูก ด้านศรีวราห์เผยสั่งตร.เข้าเคลียร์ ไม้พะยูงแล้ว พร้อมทำบัญชีส่งไม้คืนป่าไม้ ขณะที่ทสจ.กาฬสินธุ์แจงเจ้าของบ้านไม่ได้ นำเอกสารมาให้ เลยเข้าเคลียร์ไม้พะยูงล้ม ทับบ้านไม่ได้ ผวจ.กาฬสินธุ์สั่งเร่งซ่อมบ้าน พาเจ้าของกลับมาอยู่บ้าน ส่วนโฆษกทส.แนะวิธีโดนไม้หวงห้ามล้มทับบ้าน ถ้าเอกสาร ไม่ครบให้แจ้งตร.ลงบันทึกประจำวัน ก่อนให้จนท.เข้าตัดไม้-เก็บไม้เป็นของกลาง

จากกรณีลมพายุพัดถล่มใน ต.หัวงัว อ.ยาง ตลาด จ.กาฬสินธุ์ ส่งผลให้ไม้พะยูงขนาดใหญ่ล้มทับบ้านเรือนจนพังเสียหาย หลังลมพายุสงบลง นางหนึ่งฤทัย สารภัคคี เจ้าของบ้านไม่กล้าตัดหรือเคลื่อนย้ายไม้พะยูงที่ล้มทับบ้าน เนื่องจากเกรงถูกเจ้าหน้าที่จับกุม เพราะเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ตามพ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ.2484 จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องให้เข้ามาช่วยตัดไม้พะยูงที่ล้มทับบ้าน แต่เวลาผ่านมา 3 เดือนแล้วยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ ทำให้เจ้าของบ้านต้องย้ายไปอยู่กับลูก เหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น

สำหรับความคืบหน้าเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. สั่งการให้พ.ต.อ.ภัทรพล หาญทนงค์ ผกก.สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เข้าช่วยเหลือเจ้าของบ้านที่โดนไม้พะยูงล้มทับบ้านจนพังเสียหาย ด้วยการเข้าเคลียร์พื้นที่และตัดไม้พะยูงที่ล้มทับออกจากตัวบ้าน พร้อมจัดทำบัญชี เพื่อนำไม้พะยูงส่งคืนให้สำนักงานป่าไม้ จ.กาฬสินธุ์

พล.ต.อ.ศรีวราห์เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านรายนี้จึงสั่งการ ให้พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ส.4 เร่งไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยให้แล้วเสร็จภายใน 1 วัน ซึ่งกรณีนี้เรียกว่า “ไม้ล้มขอนนอนไพร” คือไม้ที่ล้มตายเอง โดยประสาน พ.ต.อ.ภัทรพล หาญทนงค์ ผกก.สภ.ยางตลาด ให้นางหนึ่งฤทัย มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ยางตลาด

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวอีกว่า ขณะนี้ผกก.สภ.ยางตลาด นำรถกระเช้าเข้าไปตัดต้นไม้พะยูง ที่หักโค่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนอาศัยอำนาจตาม ป.วิ.อาญา สั่งการให้ตัดต้นไม้ที่ล้มและสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ก่อนนำไปเก็บรักษายังที่ปลอดภัย พร้อมทำบัญชีควบคุมไม้ไว้ เพื่อนำส่งเจ้าหน้าที่ ป่าไม้ที่รับผิดชอบ

“สำหรับไม้พะยูงเป็นไม้ที่ห้ามตัดเองโดยไม่ได้รับอนุญาต นี่เป็นกฎหมายป้องกันขบวน การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า แต่ก็บังคับใช้กับทุกกรณี ทำให้ชาวบ้านในจ.กาฬสินธุ์ ไม่กล้าตัดไม้พะยูง แม้จะล้มทับบ้านที่อยู่อาศัยนานกว่า 3 เดือน เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 หากมีการลักลอบตัด จะต้องโทษจำคุก 2-5 ปี ปรับ 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว

ที่ห้องประชุมอำเภอยางตลาด นายสุวิทย์ คำดี ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมพ.อ.มานพ ไขขุนทด รองผอ.กอ.รมน.กาฬสินธุ์ นายธนูสินธุ์ ไชยสิริ ปลัดจ.กาฬสินธุ์ นายพิชิต สมบัติมาก ผอ.สนง. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ นายนิยม กิตติวงศ์ตระกูล ผอ.ส่วน ทรัพยากร ธรรมชาติ สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ นายวิชาญ แท่นหิน ปภ.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ภัทรพล หาญทนงค์ ผกก.สภ.ยางตลาด นายดุสิต ภูไกลาศ กำนันตำบลหัวงัว และนางหนึ่งฤทัย เจ้าของบ้าน ร่วมกันหารือถึงการแก้ปัญหาดังกล่าว

นายนิยมกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรวจสอบเอกสาร พบเจ้าของบ้านมาติดต่อที่สำนัก งานจริง แต่ไม่ทราบว่าได้แจ้งเรื่องกับพนักงาน คนไหน โดยเอกสารที่ยื่นไปไม่ครบถ้วน เนื่อง จากเจ้าของบ้านเคยไปติดต่อขอเอกสารที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์แล้ว แต่ธนาคารไม่สามารถออกเอกสารให้ได้ เจ้าหน้าที่จึงยังไม่สามารถดำเนินการได้ โดยขณะนี้นายสุวิทย์สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนเร่งช่วยเหลือเยียวยาเพื่อแก้ไขปัญหา เบื้องต้นจะเร่งซ่อม แซมบ้านให้เสร็จ เพื่อให้เจ้าของบ้านกลับเข้า ไปอาศัยอยู่บ้านได้ตามปกติ

นายนิยมกล่าวอีกว่า หากเกิดเหตุไม้พะยูงล้มทับบ้านหรือในบริเวณบ้าน ถ้าอยู่ในโฉนดที่ดินให้เตรียมเอกสารแล้วรีบแจ้งเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารหลักฐานและจะพิจารณาภายใน 3-5 วัน จากนั้นจังหวัดจะแต่งตั้งให้เจ้าหน้าที่ออกมาตรวจสอบและรายงานผลให้ผวจ.ออกคำสั่งดำเนินการต่อไป

ด้านนายประลอง ดำรงค์ไทย โฆษกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เนื่องจากไม้พะยูงเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ตามพ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ.2484 ดังนั้นหากตัดโดยไม่มีการแจ้งจะถือว่าผิดกฎหมาย ส่วนกรณีของนางหนึ่งฤทัยนั้น ได้รับรายงานจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) ว่านางหนึ่งฤทัยมาแจ้งไว้แล้ว แต่เนื่อง จากตามกฎระเบียบการตัดไม้หวงห้าม ต้องมีเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดิน เพื่อรับรองว่าไม้หวงห้ามนั้นไม่ได้ลักลอบมาจากป่า แต่นางหนึ่งฤทัย ไม่นำเอกสารหลักฐานมาแจ้ง เพราะน้องชายของนางหนึ่งฤทัยนำโฉนดที่ดินไปเข้าที่ธนาคาร อาคารสงเคราะห์ ทางทสจ.จึงยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ขณะที่นางหนึ่งฤทัยก็ไม่นำเอกสารมาแจ้งเพิ่มเติมอีก

นายประลองกล่าวอีกว่า ได้เสนอ 2 แนวทาง ไปยังกรมป่าไม้และทสจ.แล้ว คือ 1.หากมีเอกสารครบถ้วน ทางหน่วยงานสามารถเร่งดำเนินการได้ทันที และ 2.หากไม่มีเอกสารเช่นเดียวกับนางหนึ่งฤทัย ชาวบ้านสามารถไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ได้ และให้หน่วยงานตัดไม้หรือเคลื่อนไม้ได้ทันที แต่ไม้หวงห้ามต้องเก็บไว้เป็นของกลาง จนกว่าชาวบ้านจะนำเอกสารไปยืนยันครบถ้วน ตนเข้าใจว่าที่ทสจ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่กล้าดำเนินการนั้น เพราะมีกฎระเบียบไว้ชัดเจนแล้ว หากทำไปโดยพลการอาจผิดกฎหมายได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน