16 ก.ย.ขึ้นภาษีเหล้า-บุหรี่ บิ๊กตู่ฮึ่มห้ามกักตุน สรรพสามิตยันภาษีใหม่ไม่กระทบคนขาย-ประชาชน เชื่อไม่มีกักตุน เหตุไร้แรงจูงใจ กรมการค้าภายในสั่งเข้ม ดูแลราคาก๊าซหุงต้มห้ามขายเกินราคาแนะนำ ชี้ถัง 15 โลขึ้นแค่ 10 บาท ห้ามอ้างขึ้นราคาอาหารจานเดียว เหตุทุนเพิ่มแค่จานละ 3 สตางค์

 

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีกระทรวงการคลังเตรียมออกกฎกระทรวงว่าด้วยภาษีสรรพสามิต เพื่อกำหนดอัตราภาษีสุราและยาสูบใหม่ โดยคณะรัฐมนตรีจะพิจารณาในวันที่ 12 ก.ย.และมีผลบังคับใช้วันที่ 16 ก.ย.ว่า ต้องไปสร้างความเข้าใจ โดยเฉพาะกรณีที่เกรงว่าจะมีการกักตุนสินค้าก็ต้องตรวจสอบ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องเข้าไปดู

“ก็ขอเตือนไว้ก่อนว่าหากใครที่คิดจะกักตุนสินค้าก็มีปัญหากับกฎหมายแน่นอน เพราะเขาห้ามกักตุนสินค้า และที่ผ่านมาหากมีการปฏิบัติอย่างจริงจังก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเราต้องช่วยกันสร้างความรับรู้ให้กับสังคม เสียสละกันบ้าง อย่าเอาแต่กำไรกันอย่างเดียว แล้วประเทศชาติเดินหน้าไม่ได้ ประชาชนเดือดร้อน แล้วกลับมาที่รัฐบาล” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่า มีข่าวว่าผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ล็อบบี้ให้กำหนดอัตราภาษีเบียร์สูงกว่าเหล้า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ล็อบบี้กับใคร เรื่องแบบนี้ล็อบบี้ได้เหรอ ตนถามสิที่บอกว่าล็อบบี้กับใคร ทุจริตกับใคร

นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการกักตุนเหล้า บุหรี่ หลังจากที่กฎหมายสรรพสามิตฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ก.ย.2560 นี้ คาดว่าจะมีการเสนออัตราการจัดเก็บภาษีสุรา ยาสูบ ใหม่ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ภายในสัปดาห์หน้า

โดยกรมสรรพสามิตยืนยันว่าอัตราภาษีใหม่จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ และประชาชนอย่างแน่นอน ทำให้ไม่มีแรงจูงใจที่จะต้องมีการกักตุน เพราะไม่ได้รับประโยชน์อะไร ขณะที่การจัดเก็บภาษีสุรา ยาสูบขณะนี้ยังอยู่ในสถานการณ์ปกติ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากใกล้เข้าสู่ช่วงไฮ-ซีซั่น

วันเดียวกัน นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในได้วิเคราะห์ผลกระทบจากการปรับราคาจำหน่ายปลีกก๊าซแอลพีจีที่เพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 67 สตางค์ในครั้งนี้ พบว่า ส่งผลให้ต้นทุนอาหารปรุงสำเร็จเพิ่มขึ้นจาน/ชามละ 3 สตางค์เท่านั้น ดังนั้นผู้ประกอบการอาหารปรุงสำเร็จจึงไม่มีเหตุผลที่จะปรับราคาอาหารปรุงสำเร็จเพิ่มสูงขึ้น

กรมการค้าภายในมีการกำกับดูแลราคาจำหน่ายปลีกก๊าซแอลพีจี โดยออกประกาศราคาจำหน่ายปลีกแนะนำในเขตกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ

ราคาก๊าซแอลพีจี ขนาดบรรจุถัง 15 กิโลกรัม (ก.ก.) ปรับเพิ่มขึ้นถังละ 10 บาท จากเดิม 343 บาท เป็นถังละ 353 บาท และในต่างจังหวัดราคาจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นจากราคาเดิมถังละ 10 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.

และแจ้งผู้ค้าก๊าซ (มาตรา 7) โรงบรรจุก๊าซ และสมาคมแก๊สปิโตรเลียมเหลวให้กำชับร้านค้าปลีกจำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้มไม่สูงกว่าราคาแนะนำ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการฉวยโอกาสจำหน่ายเกินสมควร

จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบการจำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้มทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล พร้อมประสานพาณิชย์จังหวัดให้กำกับดูแลราคาจำหน่ายปลีกก๊าซแอลพีจีอย่างใกล้ชิดและเข้มงวด

นางนันทวัลย์กล่าวด้วยว่า หากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสูงขึ้นเกินกว่าราคาแนะนำ สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ทั่วประเทศ กรมจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและหากพบการกระทำผิดจริงจะดำเนินการตามกฎหมาย มาตรา 29 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้การปรับขึ้นราคาดังกล่าวเป็นผลจากที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2560 เห็นชอบให้ราคาจำหน่ายก๊าซแอลพีจีลอยตัว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2560 และสถานการณ์เดือนก.ย. 2560 ราคาก๊าซแอลพีจีในตลาดโลกปรับเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมเดือนส.ค. 2560 ตันละ 440 เหรียญสหรัฐ เป็นตันละ 490 เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นตันละ 50 เหรียญสหรัฐ มีผลทำให้ราคา ณ โรงกลั่น ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมก.ก.ละ 16.25 บาท เป็นก.ก.ละ 17.69 บาท เพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 1.43 บาท

กบง.จึงได้ประชุมเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2560 พิจารณาแล้วเพื่อให้ราคาจำหน่ายปลีกก๊าซแอลพีจีสะท้อนต้นทุน ในขณะเดียวกันต้องไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากเกินไป จึงมีมติให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา

ราคาก๊าซ แอลพีจีที่ปรับเพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 1.43 บาท ให้กองทุนน้ำมันช่วยรับภาระก.ก.ละ 81 สตางค์ และให้ปรับราคาจำหน่ายปลีกก๊าซแอลพีจีปรับเพิ่มขึ้น เพียงกิโลกรัมละ 67 สตางค์ ซึ่งเมื่อรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม จากเดิมก.ก.ละ 20.49 บาท เป็นก.ก.ละ 21.15 บาท

ทั้งนี้ก๊าซแอลพีจีขนาดบรรจุถัง 15 กิโลกรัม ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จะมีราคาเพิ่มขึ้นถังละ 10 บาท จากเดิมถังละ 343 บาท ปรับเป็นถังละ 353 บาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. 2560

พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า สถานการณ์ราคาก๊าซหุงต้มหรือ แอลพีจีเดือนก.ย. เป็นไปตามแนวโน้มราคาแอลพีจีตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งถือว่าผิดไปจากที่คาดไว้ว่าช่วงนี้ราคาแอลพีจีตลาดโลกจะอยู่ในทิศทางขาลง เนื่องจากผลกระทบจากภัยธรรมชาติและมีการกักตุนแอลพีจีล่วงหน้า ทำให้มีความต้องการใช้มากขึ้น รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่า ทำให้ราคาแอลพีจีตลาดโลกยังมีทิศทางทรงตัวและมีโอกาสปรับขึ้นช่วงสิ้นปี แต่อาจเพิ่มขึ้นไม่มาก เพราะความต้องการน่าจะเริ่มคงที่

“กระทรวงพลังงานต้องนำกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของบัญชีแอลพีจีที่มีประมาณ 5,800 ล้านบาท มาพยุงราคาขายปลีกแอลพีจีในตลาดให้เหมาะสม ซึ่งกองทุนต้องชดเชยราคาเพิ่มขึ้น 0.8160 บาท/ก.ก. จากเดิมชดเชยที่ 2.7559 บาท/ก.ก. เป็นชดเชย 3.5719 บาท/ก.ก. เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพราคา ซึ่งเงินที่มีอยู่ในบัญชีแอลพีจีถือว่าไม่มาก จึงต้องพิจารณาก่อนใช้อย่างรอบด้าน หากกองทุนต้องชดเชยอยู่ในระดับนี้ จะสามารถดูแลได้ 10 เดือน หากไม่เพียงพอก็มีความเป็นไปได้ที่นำเงินจากกองทุนในส่วนของบัญชีน้ำมันที่มี 32,700 ล้านบาท มาช่วยพยุงราคาเพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนเช่นกัน” พล.อ.อนันตพรกล่าว

พล.อ.อนันตพรกล่าวด้วยว่า สำหรับการดำเนินนโยบายด้านพลังงาน ยังมีเป้าหมายส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ในประเทศเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านคันในปี 2579 มีสถานีชาร์จไฟฟ้า 150 สถานี ตามหัวเมืองใหญ่ของประเทศ ส่วนความคืบหน้าการดำเนินโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อปเสรี) ขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดหลักเกณฑ์และรายละเอียดราคา/ปริมาณรับซื้อไฟฟ้า ก่อนนำเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาในเดือนต.ค.นี้

นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มไม่น่าส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือนมากนัก เนื่องจากได้เคยมีการสำรวจปริมาณและระยะเวลาการใช้ก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนเฉลี่ยขนาดถัง 15 ก.ก.ต่อครัวเรือนต่อ 2 เดือน เท่ากับค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มขึ้นเพียงเดือนละ 5 บาทต่อครัวเรือนเท่านั้น

นายชิษณุพงศ์กล่าวต่อว่า ส่วนร้านอาหารแผงลอยที่ลงทะเบียนกับกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน เพื่อเข้าโครงการรับเงินชดเชยราคาก๊าซหุงต้มก็ยังคงได้รับการอุดหนุนตามที่ใช้จริงแต่ไม่เกิน 18.13 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาแอลพีจี ช่วยให้ร้านอาหารแผงลอยยังคงสามารถซื้อก๊าซหุงต้มขนาดถัง 15 ก.ก.ได้ในราคา 300-310 บาทต่อถัง ดังนั้น ร้านอาหารแผงลอยที่อยู่ในโครงการรับสวัสดิการของภาครัฐยังได้รับเงินช่วยเหลืออยู่ จึงไม่สมควรจะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการปรับขึ้นราคาอาหารด้วย

นายชิษณุพงศ์กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวมองว่าราคาแอลพีจีน่าจะเคลื่อนไหวสูงสุดอยู่ในกรอบ 800 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 600-680 เหรียญสหรัฐต่อตัน และมองว่าจะเริ่มปรับลดลงตามความต้องการใช้ที่น้อยลงในช่วงไตรมาส 1-2 เป็นปกติของทุกปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน