ข้าวปุ้นก้อยทางพาด อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ หรือขนมจีนน้ำปลาร้าสุดยอดอาหารอีสาน เมนูง่ายๆ แต่ขายดิบขายดีจนทำไม่ทันลูกค้าต้องเข้าคิวรอ บางคนทานแล้วติดใจซื้อกลับไปฝากญาติคนละ 10-20 ชุด สร้างรายได้วันละกว่า 5,000 บาท แม่ค้าเผยหัวใจสำคัญของข้าวปุ้นก้อยคือน้ำปลาร้าต้มสุกต้องมีรสแซบนัว

 

หากพูดถึงขนมจีนน้ำยาก็คงมีขายอยู่ทั่วไป แต่หากพูดถึง “ข้าวปุ้นก้อย” บางคนก็อาจจะไม่รู้จักและยังไม่เคยรับประทาน วันนี้จึงจะพาไปรู้จักกับร้าน “ข้าวปุ้นก้อย 101” ที่เปิดขายอยู่ริมถนนสายคูเมือง – พุทไธสง ใกล้กับทางพาด อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ จะมีคนมาเข้าคิวรอซื้อแน่นร้านทุกวัน ซึ่งข้าวปุ้นก้อยที่พูดถึงก็คือ ขนมจีนใส่น้ำปลาร้าต้มสุก ซึ่งถือเป็นอาหารยอดนิยมของคนอีสาน ถึงแม้ข้าวปุ้นก้อยจะเป็นเมนูที่ทำง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก แค่เพียงเส้นขนมจีนใส่น้ำปลาร้าต้มสุกไม่มีเนื้อหมู เนื้อปลา หรือเนื้อไก่ เพียงรับประทานคู่กับผักสด ผักลวก และหากใครชอบรสเข้มข้นจัดจ้านก็สามารถเติมเครื่องปรุง เช่น พริก น้ำปลา น้ำตาล หรือน้ำส้มได้เหมือนกับการรับประทานก๋วยเตี๋ยว

โดยร้านนี้จะให้ลูกค้าบริการตัวเองทุกอย่าง ตั้งแต่ตักน้ำปลาร้าต้มสุกราดขนมจีนเอง ผักก็ลวกเอง หั่นเอง น้ำก็ต้องบริการตัวเอง ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางร้าน แต่ละวันก็จะมีลูกค้าในพื้นที่อำเภอคูเมือง อำเภอใกล้เคียง และผู้ที่ขับรถสัญจรผ่านไปมาแวะเวียนมารับประทานไม่ขาดสาย บางคนนั่งรับประทานที่ร้านแล้วติดใจก็จะซื้อติดมือไปฝากญาติพี่น้องคนละ 10 – 20 ชุดด้วย จนแม่ค้าแทบทำไม่ทัน ส่วนราคาขายข้าวปุ้นก้อยหรือขนมจีนน้ำปลาร้า ก็จะมีชุดละ 10 – 20 บาท ส่วนผักบุ้ง ถั่วฟักยาว ผักชี ต้นหอมกำละ 5 บาท แต่ละวันสามารถขายได้กว่า 5,000 บาท หักต้นทุนแล้วจะกำไรกว่า 3,000 บาท

 

นางธนพร งอนเนี้ยง อายุ 51 ปี เจ้าของร้าน บอกว่า ปกติก็มีอาชีพทำนาช่วงว่างเว้นจากการทำนา ก็หาอาชีพเสริมทำ จึงได้เรียนรู้สูตรการทำข้าวปุ้นก้อยจากญาติที่ จ.ร้อยเอ็ด แล้วก็มาทดลองเปิดร้านขายเองตอนแรกก็ยังขายไม่ค่อยดีเพราะยังไม่มีคนรู้จักมากนัก แต่พอมีคนมากินแล้วติดใจในความเหนียวนุ่มของเส้นขนมจีนที่ทำสดใหม่ทุกวัน และหัวใจสำคัญคือน้ำปลาร้าต้มสุกจะต้องมีรสแซ่บนัว โดยที่ร้านจะสั่งปลาร้าสดมาจากจ.ร้อยเอ็ด แล้วนำมาต้มสุกปรุงรสให้พอดี ส่วนเส้นขนมจีนจะใช้เป็นแป้งข้าวจ้าวคุณภาพดี นำมาต้มในน้ำเดือด 40 นาที ปล่อยให้เย็นแล้วใส่เครื่องปั่น ปั่นอีกชั่วโมงครึ่งเพื่อให้เหนียวหนึบพอดี จากนั้นใส่ไว้ในถัง เมื่อลูกค้าสั่งก็จะตักแป้งข้าวปุ้นหรือแป้งขนมจีน ใส่ตะแกรงที่เป็นรูแล้วบีบแป้งลงในหม้อน้ำเดือดเมื่อเส้นลอยขึ้นก็ใช้กระชอนตัดออกมาแช่น้ำเย็นทันที แล้วจับเป็นหัวตามขนาดที่ลูกค้าสั่ง ก็จะได้เส้นข้าวปุ้นหรือขนมจีนที่สดใหม่เหนียวนุ่ม ปัจจุบันขายมากว่า 6 ปี แล้วมีรายได้วันละกว่า 5,000 บาท หักค่าใช้จ่ายแล้วก็เหลือประมาณ 3,000 บาท ทั้งนี้ ล่าสุดก็ได้ขยายสาขาในตัวเมืองเพิ่มอีก 1 สาขาด้วย

ด้านนางกิจ จีนรัมย์ อายุ 52 ปี ลูกค้าที่เดินทางมาจาก อ.เมืองบุรีรัมย์ บอกว่า ครั้งแรกลูกพามาลองชิมก็ติดใจในความเหนียวนุ่มของเส้นขนมจีน และความแซ่บนัวของน้ำปลาร้า จึงได้พาลูกหลานนั่งรถจากตัวเมืองมารับประทานข้าวปุ้นก้อยถึงที่ร้านเลย ซึ่งลูกหลานที่มาต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย ต้องสั่งคนละ 2 – 3 ชาม ก็อยากจะเชิญชวนคนที่ยังไม่เคยทานข้าวปุ้นก้อย ได้มาลองทานดูแล้วจะติดใจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน