ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ผู้บริหารสายการบินนกแอร์ หลังเปิดการซื้อขายช่วงเช้าดีดตัวขึ้นทันทีก่อนจะขึ้นไปทำจุดสูงสุดของวันที่ระดับราคา 6.05 บาท หรือบวก 26% ในช่วงเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมง หลังเปิดการซื้อขาย โดยเกือบชนเพดานราคาซื้อขายสูงสุด (ซิลลิ่ง) 30% ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด อีกทั้งมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น เกือบกว่า 400 ล้านบาท ก่อนที่ราคาจะค่อยๆ อ่อนตัวลง มาปิดตลาดที่ 5.20 บาท โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.42บาท บวก 8.79% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 995 ล้านบาท ติดอันดับ 2 หลักทรัพย์ที่มีปริมาณการขายสูงที่สุด

 

ทั้งนี้เป็นผลมาจาก NOK ได้แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติรับทราบการลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของนายพาที สารสิน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย.2560 เป็นต้นไป ทั้งนี้ นายพาที สารสิน จะยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการของบริษัทเช่นเดิม อย่างไรก็ดีราคาหุ้น NOK

 

ในขณะที่นายพาที สารสิน ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงจะนำมาซึ่งอนาคตที่สดใส อย่างไรก็ดี หุ้น NOK ยังติด 30 อันดับ แรกที่นักลงทุนต่างชาติมีการซื้อสุทธิมากที่สุดเมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้กล่าวว่า จะเดินหน้าดำเนินการตามแผนฟื้นฟูบริษัทที่ได้วางไว้ โดยจะมีการปรับเพิ่มเที่ยวบินเส้นทางต่างประเทศมากขึ้น โดยล่าสุดได้ทำการบินในลักษณะเช่าเหมาลำไปประเทศจีน รวมถึงการขยายเส้นทางบินประจำใหม่ๆ ในจีน ขณะเดียวกันจะปลดเครื่องบินเก่าและเพิ่มเครื่องบินใหม่เพื่อให้การใช้เครื่องบินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจะปรับปรุงผลิตภัณฑ์ด้วย ประกอบกับแนวโน้มของธุรกิจการบินในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น และการแข่งขันด้านราคาก็น้อยลง หลังจากเดือนต.ค.นี้จะมีพิธีพระราชทานเพลิงพระบรมศพ ในหลวง รัชกาลที่ 9 โดยคาดว่าอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร ทำได้ตามเป้าที่ 85%

 

ด้านนายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต เปิดเผยว่า กองทุนทริกเกอร์หุ้นไทยของ บลจ.ธนชาต ในช่วงเดือนก.ย.นี้ เข้าเป้าหมายไป 4 กองทุน หลังจากตลาดหุ้นไทยทำสถิติสูงสุดในรอบ 23 ปี มาปิดที่ 1,659.10 จุด เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา คือ T-Challenge 9, T-Challenge 18, T-Challenge 27 และ T-Challenge 28 โดยทั้ง 4 กองทุน เป็นกองทุนที่ผู้จัดการกองทุนมีกลยุทธ์เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่แทบทั้งสิ้น ประกอบกับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้น้ำหนักอย่างหุ้นกลุ่มค้าปลีก กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มปิโตรเคมี ทำผลงานได้ดี จึงได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีคาดว่าตลาดหุ้นไทยยังมีสัญญาณไปต่อ แม้จะมีการปรับตัวขึ้นแรงในช่วงนี้จากเงินทุน ต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง หลังสัญญาณลบด้านการเมืองในไทยที่เริ่มนิ่ง และภาพเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้ตลาดหุ้นคึกคักขึ้นในสัปดาห์นี้

 

“ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นไทยมีการปรับตัวจากกระแสเงินต่างชาติที่ทะลักเข้ามา แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าส่วนหนึ่งก็มาจากภาพเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัวอย่างแท้จริงร่วมด้วย จึงมองว่าภาพรวมหุ้นไทยน่าจะไปต่อ เพราะปัจจัยในประเทศมีความแข็งแรงมากขึ้น และการเติบโตของเศรษฐกิจก็มีคุณภาพมากขึ้น ประกอบกับปัจจัยต่างประเทศกรณีราคาน้ำมันโลกที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยลบ อย่างการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ บริษัทมองว่าส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยน้อย จึงยิ่งมั่นใจว่าหุ้นไทยน่าจะไปต่อได้ไม่ยาก” นายบุญชัยกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน