ศาลพิพากษา “แม่-ลูก”คู่ดังโดนคุกคนละ 1เดือนด่ากราดและท้าชกตร.จราจร ไม่พอใจโดนจับขี่จยย.ไม่มีใบขับขี่ ไม่สวมหมวกกันน็อก และรถไม่มีป้ายทะเบียน แต่ให้รอลงอาญา 1 ปี แม่เผยลูกถูกตำรวจคู่กรณียั่วยุและถ่ายคลิปไว้จนโมโห แต่คิดไม่ถึงว่าตำรวจจะนำคลิปไปโพสต์ในโลกโซเชี่ยลจนถูกสังคมรุมด่า ด้านพ่อลั่นฟ้องกลับคนเผยแพร่คลิป ยันถึงเป็นตำรวจก็ไม่ยอมความ เพราะทำร้ายครอบครัวด้วยการประจานต่อสาธารณชน

จากกรณีคลิป 2 แม่ลูกสุดกร่าง ไม่พอใจตำรวจจราจรจับข้อหาขี่รถจักรยานยนต์ไม่มีใบขับขี่ ไม่สวมหมวกกันน็อก และไม่มีป้ายทะเบียนรถ ถึงขั้นด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย และมีการท้าทายตำรวจจราจร สน.ทุ่งมหาเมฆ ให้ถอดเครื่องแบบและมาชกต่อยกัน เหตุเกิดบริเวณซอยสุวรรณสวัสดิ์ ถ.พระราม 4 เขตสาทร กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าคดีแม่ลูกกร่าง เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ก.ย. พนักงานสอบสวนสน.ทุ่งมหาเมฆ คุมตัวน.ส.สราวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี และนายพายุ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี ลูกชาย ไปยังศาลแขวงพระนครใต้ เข้าพบพนักงานอัยการคดีศาลแขวง 4 เพื่อส่งฟ้องศาล

โดยนายพายุถูกแจ้งข้อกล่าวหา ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อป้องกันอันตรายในขณะขับขี่, ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับขี่, ดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่และใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ แยกฟ้อง น.ส.สราวรรณ เป็นจำเลยอีก 1 สำนวน ในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่

ต่อมาเวลา 14.00 น. พนักงานอัยการคดีศาลแขวง 4 ส่งฟ้องทั้งคู่ต่อศาลแขวงพระนครใต้ ศาลพิเคราะห์เห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาว่า นายพายุขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 19 ปี รู้ผิดชอบแล้วจึงไม่ลดมาตราส่วนโทษให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป

จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ฐานขับรถโดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ปรับ 1,000 บาท ฐานขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ปรับ 500 บาท ฐานขับรถโดยไม่สวมหมวกนิรภัย ปรับ 200 บาท ฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานจำคุก 1 เดือน ปรับ 5,000 บาท ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ปรับ 2,500 บาท รวมจำคุก 1 เดือน ปรับ 9,200 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษ 1 ปี ให้จําเลยรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 เดือนต่อครั้ง ภายใน 1 ปี

ส่วนน.ส.สราวรรณสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 5 พันบาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี

น.ส.สราวรรณเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 2-3 เดือนที่แล้ว ลูกชายเคยถูกตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ เรียกจับในข้อหาไม่สวมหมวกกันน็อก และไม่มีใบขับขี่ ระหว่างการขี่จักรยานยนต์นำของมาส่งให้ตนไปขาย ส่วนวันที่เกิดเหตุครั้งล่าสุดที่เป็นประเด็น ลูกชายขี่รถจักรยานยนต์มาส่งของให้เหมือนเดิม และถูกตำรวจเรียกจับในข้อหาไม่มีใบขับขี่ ไม่สวมหมวกกันน็อก และไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน และมีเสียงวิทยุสื่อสารของตำรวจเข้ามาให้ตรวจค้นร่างกายว่ามียาเสพติดซุกซ่อนหรือไม่

ต่อมาตำรวจที่เคยมีปากเสียงกันเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เข้ามาสมทบ พร้อมพูดจายั่วยุและมีการบันทึกคลิป การบันทึกคลิปดังกล่าวทำให้ลูกชายเกิดความโมโหจนหมดความอดทนก่อเหตุดังกล่าวขึ้น หลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโลกโซเชี่ยล รู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่าตำรวจจะเล่นแรงขนาดนี้ ถึงขั้นนำคลิปไปประจาน ทำให้ผู้คนในสังคมโซเชี่ยลเข้ามาด่าทอ ทั้งที่ตำรวจควรจะนำคลิปไปใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับตนและลูกชายเท่านั้น

ด้านนายพายุ ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นเป็นเพราะอารมณ์โมโหที่ถูกยั่วยุ และขอสังคมอย่าตัดสินเพียงคลิปที่ถูกเผยแพร่ออกไป เพราะมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และอยากฝากเป็นอุทาหรณ์ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ใดอะไรขึ้น อย่าใช้อารมณ์ เพราะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร

ขณะที่นายธวัชชัย (ขอสงวนนามสกุล) ระบุว่า จะดำเนินคดีกับผู้โพสต์คลิปลงโลก โซเชี่ยล ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะถือว่าเป็นการทำร้ายตนและครอบครัว ด้วยการประจานต่อสาธารณชน ถึงคนลงคลิปจะเป็นตำรวจก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน