แม่นักเพาะกายหญิงทีม ชาติไทยพาลูกเข้าร้องทุกข์กองปราบฯ ดำเนินคดีกับจนท. เทศบาลแห่งหนึ่ง อ้างเรียกเงิน 20 ล้านบาทระบุสร้างอพาร์ตเมนต์ใน จ.สมุทรปราการ ผิดแบบแปลน แต่แม่นักกีฬาไม่ยอมจ่ายเพราะทำถูกต้องทุกขั้นตอน แม้แต่การออกแบบก็จ้าง เจ้าหน้าที่เทศบาลเองด้วย หลังปฏิเสธจ่ายเงินถูกเทศบาลฟ้องรื้อถอน จึงยื่นศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราว ก่อนนำหลักฐานเป็นเทปเสียงมาแจ้งความ ขณะที่นักกีฬาทีมชาติเผยเป็นห่วง เพราะมีเรื่องกับเจ้าหน้าที่รัฐอีกทั้งกำลังจะเดินทางไปแข่งกีฬาต่างประเทศแล้ว ส่วนทนายเตรียมร้องทุกข์ที่กระทรวงยุติธรรมและขอความคุ้มครอง

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 1 ต.ค. น.ส.สุนันท์ รัตนปรียานุช อายุ 58 ปี เจ้าของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ พร้อมบุตรสาว คือ น.ส.พรพิมล จารุไพโรจน์ และน.ส.กมลวรรณ จารุไพโรจน์ นักกีฬาเพาะกายหญิงทีมชาติไทย เดินทางเข้าพบพ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่เทศบาลแห่งหนึ่ง ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ และข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พร้อมนำแผ่นซีดีบันทึกคลิปเสียงสนทนาข่มขู่และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมามอบไว้เป็นหลักฐาน

นางสุนันท์กล่าวว่า เมื่อปี 2558 ถูกเจ้าหน้าที่เทศบาลรายนี้กับพวกเรียกเงินจำนวน 20 ล้านบาท โดยอ้างว่าสร้างอพาร์ตเมนต์ผิดแบบแปลน แต่ปฏิเสธที่จะจ่ายเงินเพราะเห็นว่าอาคารที่สร้างนั้นว่าจ้างเจ้าหน้าที่ของเทศบาลดังกล่าวมาเป็นผู้รับออกแบบ ตลอดจนว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างก็ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้องตามขั้นตอน อีกทั้งก่อนหน้าจะก่อสร้างทำเรื่องขออนุญาตเรียบร้อยแล้ว แต่กลับมาเกิดเรื่องขึ้น จึงมองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง

“นอกจากนี้มีคนมาข่มขู่ว่าหากไม่จ่ายเงินจะฟ้องร้องให้รื้อถอนอาคาร ปรากฏว่าเมื่อปี 2559 ทางเทศบาลออกคำสั่งให้รื้อถอนอพาร์ตเมนต์ จึงยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขออำนาจศาลให้คุ้มครองชั่วคราวกรณีการรื้อถอนอพาร์ตเมนต์ ขณะนี้เรื่องยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล” นางสุนันท์กล่าว

ด้านน.ส.กมลวรรณกล่าวว่า เป็นห่วงมารดาและคนในครอบครัวอย่างมาก เพราะกรณีที่เกิดขึ้นอีกฝ่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และในวันที่ 2 ต.ค.นี้ต้องเดินทางไปแข่งขันเพาะกายที่ประเทศมองโกเลีย จึงอยากขอความเป็นธรรม โดยขอให้ทางตำรวจกองปราบฯ ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย

ขณะที่พ.ต.อ.ชาคริตรับเรื่องไว้พร้อมมอบหมายให้พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. สอบปากคำผู้ร้องทุกข์ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหลักฐานที่ได้รับมา อย่างไรก็ดีสำหรับพยานหลักฐานต่างๆ พบว่ายังมีไม่ครบถ้วน จึงแจ้งให้ผู้ร้องได้กลับไปจัดเตรียมมาเพิ่มเติม ได้แก่ แบบแปลนการก่อสร้างอาคาร หลังจากนี้จะประสานไปยังวิศวกรรมสถาน จัดส่ง เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยตรวจสอบกรณีการก่อสร้างอาคารดังกล่าวว่าถูกต้องตามแบบแปลนหรือไม่ ส่วนกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าถูกข่มขู่ เรียกรับเงินนั้น ก็จะต้องสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป

ส่วนนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายช่วยเหลือประชาชน ที่พาเจ้าทุกข์เข้าแจ้งความกล่าวเพิ่มเติมว่า วันที่ 2 ต.ค.นี้จะพาเจ้าทุกข์ไปที่กระทรวงยุติธรรมเพื่อขอความเป็นธรรม และขอความคุ้มครองเนื่องจากมีปัญหาฟ้องร้องกับเจ้าหน้าที่รัฐ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน