จากกรณีนายพิเชษฐ และนางสุกัลยา ตัญกาญจน์ ร้องต่อสื่อมวลชนว่านายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย ลูกชายซึ่งเป็นนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังกลับเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเพียง 1 วัน และไม่ได้รับคำชี้แจงที่ละเอียดจากผู้เกี่ยวข้อง ได้รับเพียงใบมรณบัตรชี้แจงสาเหตุการตายจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน จากนั้นได้นำพร้อมนำศพนายภคพงศ์ไปชันสูตรหาสาเหตการเสียชีวิตพบว่า อวัยวะภายใน และสมองหายไปนั้น(อ่าน กองทัพ แจงจำเป็นต้องเก็บอวัยวะ “น้องเมย” เพื่อชันสูตร พบพยาธิสภาพในหัวใจผิดปกติ)

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ในการแถลงข้อเท็จจริงดังกล่าว พล.ท.ณตฐพล บุญงาม โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย พล.ต.กนกพงษ์ จันทร์นวล ผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร พ.ท.นรุฏฐ์ ทองสอน นายแพทย์กองพยาธิ ศูนยอำนวยการโรงบาลพระมงกุฎเกล้า พ.อ.การุณย์ สุริยวงศ์พงศา ผู้อำนวยการกองการแพทย์โรงเรียนเตรียมทหาร ร่วมแถลงข่าวชี้แจงการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิต หลังบิดามารดานำร่างไปชันสูตรและพบว่าอวัยวะภายในหายไป และยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิต

พล.ท.ณตฐพล กล่าวว่า ในนามกองบัญชาการกองทัพไทย ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งนอกจากจะเป็นความสูญเสียของครอบครัวแล้ว ถือเป็นการสูญเสียทรัพยากรอันมีค่าและเป็นอนาคตของกองทัพ และการแถลงข่าวในวันนี้ไม่ใช่การตอบโต้กระแสข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงการชี้แจงให้ผู้เกี่ยวข้องและสังคมได้เข้าใจ ถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

ขณะที่ พล.ต.กนกพงษ์ กล่าวยืนยันว่าในวันที่ 17 ต.ค. ที่น้องเมยเสียชีวิต ตนได้อยู่กับนักเรียนทั้งโรงเรียน และมีนักเรียนบางส่วนอยู่ที่กองแพทย์ และรู้สึกเสียใจที่ได้รับข่าวของน้องเมย เสียชีวิตในช่วงประมาณ 16.00 น. ซึ่งตนได้ติดตามสาเหตุการเสียชีวิตจากมารดาของน้องเมย และแพทย์ ว่าน้องเมยล้มลง และมีอาการหัวใจเต้นอ่อน จึงส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อพยายามช่วยชีวิต

“ผมเสียใจมาก เด็กนักเรียนก็เหมือนลูกของผมคนหนึ่ง ได้จากไป ในโรงเรียนเตรียมทหารเราอยู่กันเหมือนพี่เหมือนน้อง และได้คุยกับทางครอบครัวว่า การตายของน้องเมยเป็นการตายที่ผิดธรรมชาติ และควรที่จะส่งไปตรวจสอบข้อเท็จจริง คือการชันสูตรพลิกศพ จนเรียบร้อย ทางครอบครัวก็รับศพเพื่อไปทำพิธีทางศาสนา และทางโรงเรียนเตรียมทหารก็เข้าไปดูแลจนพิธีเสร็จสิ้น ในช่วงนั้น ผมได้พูดคุยกับทางคุณพ่อของน้องเมยโดยตลอด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน”พล.ต.กนกพงษ์ กล่าว กล่าว

พล.ต.กนกพงษ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นตนได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนกรณีที่มีนักเรียนเสียชีวิต ถึงสาเหตุว่ามีบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องในวันที่ 17 ต.ค.หรือไม่ และตนได้ระบุในผลการสอบสวนว่า ยังไม่พบว่ามีใครไปทำร้ายน้องเมย และได้รายงานผลสอบสวน ให้พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้รับทราบ แล้วมาทราบภายหลังว่าศพของน้องเมย ยังไม่ได้ฌาปนกิจ และได้พูดคุยกับคุณพ่อว่าต้องการสิ่งใด ทางโรงเรียนจะดำเนินการให้

“ยืนยันว่ากรณีดังกล่าว เราเสียใจกันทั้งโรงเรียน และได้มีการสอบสวนเรื่องทั้งหมดของเหตุการณ์วันที่ 17 ต.ค. จากกล้องวงจรปิดพบว่าน้องเมย จะอยู่ที่กองแพทย์เป็นหลัก ซึ่งในช่วงเช้ามีการออกไปแต่งเครื่องแบบ แต่ก็ไม่ได้ไปเรียนทางทหาร และได้กลับมาที่กองแพทย์ ตอนเที่ยงมีการพูดคุยกับเพื่อนๆ และโทรศัพท์ไปพูดคุยกับคุณแม่ ประมาณ 10 นาที และมีผลการชันสูตรทางการแพทย์ ว่าน้องเมยหัวใจล้มเหลว”พล.ต.กนกพงษ์ กล่าว

พล.ต.กนกพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่น้องเมย โดนซ่อมจนหยุดหายใจไปช่วงหนึ่งเมื่อ 2 -3 เดือนที่ผ่านมาจะเป็นสาเหตุหนึ่งของการเสียชีวิตหรือไม่นั้น ประวัติทางการแพทย์มีบันทึกอยู่ แต่หลายเดือนมาแล้วซึ่งไม่น่าจะเป็นสาเหตุการเสียชีวิต เพราะหลังจากเหตุการณ์ผ่านไป น้องเมยก็สามารถกลับมาเรียน และก็วิ่งเล่นกับเพื่อนๆได้ สุขภาพคแข็งแรงดี และจากผลการสอบสวนยังไม่พบ ว่าน้องเมยเสียชีวิตจากการถูกซ่อม

เมื่อถามว่า มีการซ่อมหรือทำโทษก่อนเกิดเหตุหรือไม่ พล.ต.กนกพงษ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้เรียกว่าการทำโทษ แต่ให้เรียกว่า การธำรงค์วินัย ซึ่งมีอยู่ในโรงเรียนเตรียมทหารอยู่แล้ว น้องเมยก็เข้ากิจกรรมเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร ส่วนขอบเขตของการซ่อมนั้น ตามระเบียบของโรงเรียนมีข้อปฏิบัติชัดเจน หากใครทำผิดจากกฎระเบียบก็จะต้องมีการสอบสวน ลงโทษตามกฎที่มีอยู่ และในกรณีการซ่อมน้องเมย ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานั้น ได้มีการลงโทษทางวินัยผู้เกี่ยวข้องไปเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้ติดใจเอาความกัน โดยครั้งนั้นเป็นการลงโทษในเวลากลางคืน ซึ่งผิดวินัย แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีการแตะเนื้อต้องตัวกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน